อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 643 ไม่ทิ้งไว้ให้นาง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 643 ไม่ทิ้งไว้ให้นาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 643 ไม่ทิ้งไว้ให้นาง

ตอนที่ 643 ไม่ทิ้งไว้ให้นาง

อวี้ชิงลั่วมองไปยังเสิ่นอิง แล้วตามหลังหนานหนานไป

ทั้งสามคนเพิ่งเข้ามายังโรงเตี๊ยม ก็ต้องออกไปอีกครั้ง

แต่เพียงเดินมาถึงชั้นล่าง ฝีเท้าของอวี้ชิงลั่วก็หยุดลง หันหน้าไปมองพนักงานที่เพิ่งจะเดินผ่านตนไป และถามหนานหนาน “เมื่อวานเจ้าได้กล่าวอะไรกับเขาหรือไม่?”

หนานหนานงุนงง กะพริบตาแล้วมองเขาสักพัก จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “เมื่อวานตอนเช้าข้าเรียกให้เขาเอาอาหารเช้ามาให้ นี่นับรวมด้วยหรือไม่?”

“…” อวี้ชิงลั่วเงียบ คำกล่าวพวกนี้ ที่แท้ก็เป็นเย่ซิวตู๋ที่ให้เขามาบอก

“ท่านแม่ เป็นอะไรหรือ?” หนานหนานแปลกใจ หรือว่าพนักงานผู้นั้นทำเรื่องไม่ดีอะไรลงไปแล้ว?

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่มีอะไร” อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นางออกจากโรงเตี๊ยมมาขึ้นรถม้า ก็ครุ่นคิดแล้วบอกหนานหนานว่า “ต่อไปหากมีอะไรไม่ต้องไปหาเขานะ คนผู้นั้นไม่น่าไว้ใจ”

หากคนผู้นั้นถูกเย่ซิวตู๋ซื้อตัวไปแล้ว ครั้งต่อไปก็อาจถูกคนอื่นซื้อเอาได้เช่นกัน นางควรระวังไว้จะดีกว่า ครั้งนี้ได้เจอคนอย่างเย่ซิวตู๋ ครั้งต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะได้พบคนที่ต้องการทำร้ายเหมิงหลัวอวี้อย่างฮูหยินใหญ่ก็เป็นได้

ถึงแม้หนานหนานไม่เข้าใจนักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ท่านแม่พูดล้วนมีเหตุผล เขารับฟังก็ใช้ได้

เขาพยักหน้าแล้วก็ยืนยันอย่างจริงจัง “ท่านแม่วางใจเถิด ต่อไปข้าจะไม่แม้แต่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ”

เหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน “ท่านน้าชิง ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

สองสามคนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงของเสิ่นอิงดึงสายบังเหียนดังมาจากด้านนอก “แม่นางอวี้ ถึงแล้วขอรับ”

อวี้ชิงลั่วเปิดม่านรถม้าแล้วมองออกไป รู้สึกคุ้นชินกับสถานที่นี้อย่างอธิบายไม่ถูก นางคิด นี่คงจะเป็นที่ที่นางเคยมาสักช่วงหนึ่ง

เสิ่นอิงเปิดม่านรถม้าแล้วนำเก้าอี้เตี้ยๆ มารองให้นางลงมา

อวี้ชิงลั่วเหลือบตาขึ้นมอง ฮึดฮัดอยู่ในใจ เขาอยู่ในที่ที่ดีเช่นนี้ ดูจากขนาดของโรงเตี๊ยมแล้ว น่าจะเป็นหนึ่งในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมือง

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก เดินหน้าเข้าไป

หนานหนานจูงมือนาง นำทางไปอย่างตั้งใจและกระตือรือร้นตลอดทาง เสิ่นอิงอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากของตน หลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ อีกครั้งแสดงความเห็นใจต่อนายท่าน

“ท่านแม่ ที่นี่ขอรับ” หนานหนานยืนอยู่หน้าประตูห้องพักที่ดูเงียบเป็นพิเศษ ชี้นิ้วไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม

อวี้ชิงลั่วมุ่นคิ้ว สูดหายใจลึกๆ แล้วยกมือขึ้นเคาะประตู

ผ่านไปพักหนึ่งก็ยังไม่มีเสียงอันใดดังมาจากด้านในเลย

หนานหนานกะพริบตา ยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้นมาแล้วเคาะประตูสองครั้งดังปึงๆ

ทันใดนั้น…

“เจ็บๆๆ ทำไมประตูนี่แข็งอย่างนี้นะ”

อวี้ชิงลั่วพูดไม่ออก ผลักเขาเข้าไปในอ้อมแขนของเสิ่นอิงแล้วเคาะประตูเองอีกสองสามครั้ง

ไม่มีการตอบรับ นางหันไปมองเสิ่นอิงแวบหนึ่ง เสิ่นอิงส่ายหน้า แสดงออกว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่านี่เกิดอันใดขึ้น

อวี้ชิงลั่วหายใจเข้าลึกๆ ยกมือขึ้นแล้วผลักประตูแล้วเข้าห้องไป

ในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน อวี้ชิงลั่วรีบเข้าไปในห้องด้านใน ก็ไม่มีร่องรอยของใครเลยสักนิด

นางหันหน้ามาแล้วถามเสิ่นอิง “เขาอยู่ไหนล่ะ”

ในใจของเสิ่นอิงปรากฏลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดีนัก นายท่านไม่ได้ฝากข้อความอันใดไว้ แต่กลับหายตัวไป คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอันใดแล้วใช่หรือไม่?

หนานหนานไม่สนใจแล้วว่ามือของตนเจ็บหรือไม่ เขาหันร่างเล็กๆ วิ่งขลุกๆ ไปรอบๆ ห้อง ไม่เห็นพ่อของตนคิ้วเล็กๆ ก็มุ่นเข้าหากัน

“ท่านแม่ ไม่มีใครอยู่ ท่านพ่อกับท่านลุงเผิงก็ไม่อยู่ขอรับ”

“เสิ่นอิง พวกเขาไปไหนเสียแล้ว” อวี้ชิงลั่วถาม น้ำเสียงของนางดูเร่งรีบขึ้นเล็กน้อย

เสิ่นอิงส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ขอรับ นายท่านเพียงแต่สั่งให้ข้าพาหนานหนานและเสี่ยวอวี้ไปส่งที่โรงเตี๊ยม ไม่ได้กล่าวอื่นใดเลยขอรับ”

“เขาสั่งเจ้าตั้งแต่เมื่อใด”

“หลังจากฟ้าสว่าง นายท่านก็กลับมาตอนนั้น สั่งว่ารอพวกหนานหนานตื่นแล้วให้พากลับมาส่ง จากนั้นนายท่านก็เข้าห้องตนเองไป แปลกมาก ข้าเองก็ไม่เห็นเขาออกมาขอรับ”

อวี้ชิงลั่วบีบนิ้วของตนแน่น ครู่หนึ่งก็ถามเขาเสียงต่ำ “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาไปที่ใด หรือว่า หลังจากที่เขามาดินแดนเหมิงแล้วได้ติดต่อกับใครไว้หรือไม่?”

“ติดต่อหรือ?” ได้ติดต่อกับผู้อาวุโสสกุลหมิง แต่เรื่องของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนี้เกี่ยวข้องกับนายท่านของเขา เขาควรบอกแม่นางอวี้ดีหรือไม่นะ?

เสิ่นอิงกำลังครุ่นคิด ก็มีเสียงใสของเหมิงหลัวอวี้ดังมาจากทางด้านประตู “ตรงนี้มีกระดาษข้อความเจ้าค่ะ”

กระดาษข้อความหรือ? ตอนนี้อวี้ชิงลั่วอ่อนไหวต่อคำนี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเมื่อคืนที่เย่ซิวตู๋นำกระดาษข้อความที่นางเขียนด้วยตนเองมากัดฟันกล่าวคำพูดไร้สาระนั่น

นางรีบเดินตรงเข้าไป กลับพบว่าคำขึ้นต้นของกระดาษข้อความนั้น… เขียนเอาไว้ว่า ‘เสิ่นอิง’

นางอดอกลั้นคำสบถไว้ หันไปจ้องมองเขาเขม็ง “นี่ของเจ้า”

เสิ่นอิงจ้องมองอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็แตะจมูกตนเอง รับกระดาษข้อความมา

หลังจากอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

เขาเก็บกระดาษข้อความเงียบๆ กล่าวเบาๆ “แม่นางอวี้ นายท่านให้ข้าติดตามท่าน คอยรักษาความปลอดภัยให้ท่านและหนานหนานขอรับ”

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ขณะนี้เขาไม่คิดจะพบแม่นางอวี้แล้ว และกล่าวได้อีกว่า เขาไม่สามารถบอกแม่นางอวี้เรื่องผู้อาวุโสเผ่าเหมิงได้ด้วย

นายท่านคิดจะทำอันใดกันแน่ ก่อนหน้านี้ยังกระวนกระวายจนแทบจะติดปีกบินมา เหตุใดเมื่อพบคนเขาเข้าจริงๆ แล้วกลับไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาให้เห็นกันเล่า

อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในอก สีหน้าซีดเซียว

ไอ้บ้าเย่ซิวตู๋ ไอ้เวรเย่ซิวตู๋ เขาทิ้งข้อความไว้ให้เสิ่นอิง แต่กลับไม่คิดจะทิ้งข้อความไว้ให้นาง

นี่คือการแก้แค้น ไอ้คนใจแคบ ไม่ยอมขาดทุนเลยแม้แต่น้อย ไอ้ขี้งก

อวี้ชิงลั่วนั่งลงบนเก้าอี้เสียงดัง ‘ตุบ’ อกของนางขยับขึ้นลง มุมปากเกร็ง เห็นได้ชัดว่ากำลังโมโหอยู่

เสิ่นอิงยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ แอบเหลือบมองนางครู่หนึ่ง เข้าใจในสถานการณ์เป็นอย่างมาก จึงไม่ได้กล่าวอันใดอีก

หนานหนานที่มักจะเอะอะโวยวาย ตอนนี้ก็ยังดึงเหมิงหลัวอวี้นั่งลงด้านข้างอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นแล้วทำเสียง ‘ชู่ว’

ครึ่งชั่วยามต่อมา…

“แม่นางอวี้ ดูสิขอรับ นี่ก็สายแล้ว หนานหนานกับเสี่ยวอวี้ก็คงจะหิว ข้าไปซื้อของมาให้กินนะขอรับ”

“อืม”

สองชั่วยามต่อมา…

“แม่นางอวี้ นายท่านคงจะไม่กลับมาแล้วขอรับ”

อวี้ชิงลั่วหันหน้าจ้องมองเขาเขม็ง เสียงเงียบลงทันทีและหุบปากลงอย่างว่าง่าย

ไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือน อวี้ชิงลั่วยิ่งน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม แววตานั้นก็เริ่มเย็นชาขึ้น

อีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป…

“แม่นางอวี้ ตอนนี้ท้องฟ้าก็จะมืดแล้ว ท่านอยากจะพักที่โรงเตี๊ยมนี้ หรือว่า… กลับไปขอรับ ถ้าหากอยากจะพักที่นี่ ข้าจะลงไปบอกเจ้าของโรงเตี๊ยมให้เปิดอีกห้องหนึ่ง”

“กลับ”

หลังจากนั่งมาทั้งวัน เย่ซิวตู๋ก็ยังไม่กลับมา ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็กัดฟันยืนขึ้น ออกจากห้องไปอย่างโกรธเกรี้ยว

ฝีเท้าของนางค่อนข้างเร็ว ขณะเร่งรีบลงมาชั้นล่าง พวกหนานหนานก็เพิ่งจะออกมาจากประตูห้อง

อวี้ชิงลั่วไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง หยุดฝีเท้าแล้วหันหลังกลับไปมอง

จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหู “เอ๊ะ เจ้า…”

!!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องแก้แค้นได้อำมหิตมากอะ ปั่นหัวจนชิงลั่วโกรธเองงอนเอง

ใครมาอีกล่ะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *