อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 655 หมอเฒ่าฉยงซานรู้จักนางด้วยหรือ?

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 655 หมอเฒ่าฉยงซานรู้จักนางด้วยหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 655 หมอเฒ่าฉยงซานรู้จักนางด้วยหรือ?

ตอนที่ 655 หมอเฒ่าฉยงซานรู้จักนางด้วยหรือ?

ลั่ว ลั่วลั่วหรือ???

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองหมอเฒ่าฉยงซานพร้อมกัน แล้วมองตามสายตาของเขาไปยังอวี้ชิงลั่ว

อวี้ชิงลั่วกะพริบตา แล้วมองหมอเฒ่าฉยงซานอย่างพินิจพิจารณา ก่อนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันหลังเข้าหากำแพง แสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา

แต่หมอเฒ่าฉยงซานรีบวิ่งไปหาด้วยความตื่นเต้น เขายืนอยู่ข้างหลังนาง และต้องการให้นางหันกลับมา แต่เขาไม่กล้าแตะต้อง จึงได้แต่เดินวนไปมารอบตัวนาง

“ลั่วลั่ว เจ้าคือลั่วลั่วใช่หรือไม่? ใช่ลั่วลั่วหรือไม่?”

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกแรง ก่อนตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ใช่”

“ไม่ใช่ได้อย่างไร? ข้าเห็นชัดเจนแล้ว เหตุใดเจ้าจะไม่ใช่ลั่วลั่ว? เจ้า เจ้าหันกลับให้ข้าดูสิว่าเจ้าคือลั่วลั่วหรือเปล่า”

อวี้ชิงลั่วกัดฟันหันกลับมาทันที แล้วจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าว่าลั่วลั่ว” นางฟังแล้วรู้สึกระคายหู

หมอเฒ่าฉยงซานดูเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูดเลย หลังจากที่คนตรงหน้าเขายืนยันตัวตนแล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และสีหน้าของเขาก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ซึ่งดูแตกต่างจากท่าทางเคร่งขรึมเมื่อสักครู่นี้มาก

“ฮ่าฮ่า ลั่วลั่ว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย โอ๊ย ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว” หมอเฒ่าฉยงซานตื่นเต้นมาก “เหตุใดวันนั้นเจ้าจึงจากไปกะทันหันนัก? ข้าตามหาเจ้ามานานแล้ว”

“อะแฮ่ม ท่านกลายเป็นหมอเฒ่าฉยงซานไปแล้ว” ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อนางได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกจากปากของอูตง แล้วรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย ปรากฏว่านางรู้จักเขาจริง ๆ

หมอเฒ่าฉยงซานชราหงุดหงิด “แน่นอนว่าข้าคือหมอเฒ่าฉยงซาน ตอนนั้นข้าบอกเจ้าแล้ว ลั่วลั่ว เจ้าไม่ได้ใส่ใจคำพูดของข้าเลยหรือ?”

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก และนางก็ทอดสายตามองออกไปเงียบ ๆ

เมื่อนางเห็นสีหน้าของทุกคนในห้องที่กำลังอ้าปากค้างกันอยู่ นางก็มีความสุขขึ้นมาทันที

นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าหมอเฒ่าฉยงซานผู้นี้จะเป็นคนที่นางรู้จัก เดิมทีนางคิดว่าหากหมอเฒ่าคนนี้มาที่นี่เพื่อโยนความผิดให้คนอื่น อย่างร้ายที่สุดนางก็จะใช้ตัวตนหมอปีศาจของนางมาประชันกับเขา เพื่อดูว่าใครจะมีฝีมือมากกว่ากัน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางเป็นคนที่หลงใหลการประลองทักษะทางการแพทย์ นางจึงไม่ต้องการละทิ้งโอกาสในการแข่งขันกับหมอเฒ่าฉยงซาน

ความจริงแล้วนี่คือสิ่งที่นางคาดหวัง

แต่นางไม่ได้คาดหวังว่า… ความหวังนั้นดูเหมือนจะไม่มีทางเป็นจริง หมอเฒ่าฉยงซานกลายเป็นเขาคนนี้ และเขาจำนางได้ตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งมันแย่มาก

ว่านเผิงหลงส่ายหน้าและเป็นคนแรกที่กลับมามีสติ เขารีบก้าวเข้าไปหาหมอเฒ่าฉยงซานชราที่ยังคงคุยกับอวี้ชิงลั่ว แล้วถามด้วยเสียงเบาว่า “ท่านอาจารย์ ท่าน ท่านรู้จักแม่นางถังด้วยหรือขอรับ?”

“แม่นางถังหรือ?” หมอเฒ่าฉยงซานผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจ้องไปยังอวี้ชิงลั่ว “เจ้าบอกว่านามสกุลของเจ้าคืออวี้ไม่ใช่หรือ? เจ้าโกหกข้าหรือเปล่า?”

นี่ใช่ประเด็นสำคัญของคำถามของว่านเผิงหลงหรือ? อวี้ชิงลั่วพูดไม่ออก จากนั้นครู่หนึ่งนางก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าจะมีสองนามสกุลไม่ได้หรือ? นามสกุลของข้าจะเป็นทั้งถังและอวี้ไม่ได้หรือ?”

หมอเฒ่าฉยงซานหัวเราะ “ก็ได้ ก็ได้ ลั่วลั่วจะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ต่อให้เจ้าจะมีสิบหรือร้อยนามสกุลก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

แม้ว่าว่านเผิงหลงจะค่อนข้างใกล้ชิดอาจารย์ของเขา แต่ก็ไม่เคยเห็นอาจารย์เป็นเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกอึดอัดอยู่พักหนึ่ง และได้แต่ถามอีกครั้งว่า “ท่านอาจารย์ ท่าน ท่านรู้จักกับแม่นางถังได้อย่างไรขอรับ?”

“เอ๊ะ?” หมอเฒ่าฉยงซานหันมามองเขา ราวกับว่าไม่พอใจมากที่ถูกเขาขัดจังหวะการพูด แต่หมอเฒ่าฉยงซานก็ยังคงแสร้งทำเป็นปรับสีหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า “เผิงหลง เจ้ายังจำที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังได้หรือไม่ว่า ในตอนที่ผ่านหมู่บ้านโม่ในอาณาจักรเทียนอวี่ได้มีหายนะเกิดขึ้น เกือบทุกคนในหมู่บ้านป่วยหนัก และไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?”

ว่านเผิงหลงพยักหน้า เขาย่อมจำได้ว่าในตอนนั้นอาจารย์บอกว่าจะไปเก็บสมุนไพร ดังนั้นจึงออกไปคนเดียวพร้อมตะกร้ายาบนหลังเหมือนครั้งนี้ โดยเดินทางไปคนเดียวหลายวัน

ต่อมาเขากลับมาและบอกว่าค้นพบโรคในหมู่บ้านโม่ มันค่อนข้างคล้ายกาฬโรค แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่า และไม่ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้น หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ไม่มีหมอที่มีฝีมือ จึงไม่ได้รักษาโรคได้ทันเวลา ทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต

ท่านอาจารย์บังเอิญผ่านไปที่นั่น และในขณะเดียวกันก็มีอีกคน…

ดวงตาของว่านเผิงหลงเบิกกว้างขึ้นมาทันที เขาหันไปมองอวี้ชิงลั่วและถามว่า “เป็นสตรีผู้นี้เองหรือขอรับ?”

“ใช่แล้ว นางคือแม่นางอวี้ที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง นางแข่งขันกับข้าเพื่อช่วยชีวิตผู้คนในตอนนั้น สุดท้ายนางก็ช่วยชีวิตคนได้มากกว่าข้า แม้แต่วิธีการรักษาที่นางใช้ก็ยังแปลกใหม่และมีประสิทธิภาพมากกว่าข้า ข้าอยากปรึกษาเรื่องทักษะทางการแพทย์กับนาง แต่ไม่คิดว่านางจะหนีไป เฮ้อ”

ขณะที่เขาพูดนั้น หมอเฒ่าฉยงซานก็เหลือบมองอวี้ชิงลั่วด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่ากำลังตำหนินางที่จากไปโดยไม่ร่ำลา

อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้ง ๆ “ท่านหมอ ท่านอายุมากพอที่จะเป็นหมอเฒ่าฉยงซานแล้ว แต่เหตุใดท่านจึงกล้าป่าวประกาศต่อหน้าคนมากมายว่า ท่านแพ้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง?”

“เหตุใดข้าต้องอายด้วย?” หมอเฒ่าฉยงซานไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเขา อย่างไรเสีย เขาก็เป็นแค่หมอที่รักษาโรคและช่วยชีวิตคนเท่านั้น ใครป่วยเขาก็แค่ไปตรวจรักษาทุกคน และหากเขาแพ้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็ไม่เป็นอะไรเลย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการได้พบหมอดีที่มีอุดมการณ์เดียวกันอีกครั้ง

การเรียนรู้ของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่เขาสามารถพัฒนาทักษะทางการแพทย์ของตนได้ เรื่องอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดถึง “ลั่วลั่ว จะเป็นอย่างไรหากเจ้ามาเป็นลูกศิษย์ของข้า?”

อวี้ชิงลั่วคิดว่ามีช่องว่างระหว่างวัยกับเขาหรือไม่?

นางเหยียดปลายนิ้วออก แล้วผลักเขาออกไปสองก้าว ก่อนหัวเราะ “ข้าเอาชนะท่านได้ จึงหมายความว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าดีกว่าท่าน แล้วเหตุใดข้าจึงต้องไปเป็นศิษย์ของท่านด้วยเล่า?”

“เฮ้อ ข้าละอายใจที่จะพูดเหลือเกิน ในชีวิตของข้า นอกจากเผิงหลงที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ศิษย์คนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์กันทั้งนั้น เจ้าเป็นคนฉลาดเฉลียวและมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี พูดแล้วข้าก็อับอายนัก”

อวี้ชิงลั่วหันหน้าเข้าหากำแพง นี่หรือคือเหตุผล?

นางเป็นหมอปีศาจผู้เก่งกาจ เป็นหมอปีศาจที่มีชื่อเสียงพอ ๆ กับหมอเฒ่าฉยงซาน หากนางกลายเป็นลูกศิษย์ของเขาโดยไม่มีเหตุผล ผู้คนจะไม่หัวเราะเยาะจนตายหรือ?

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

ทว่าหมอเฒ่าฉยงซานผู้นี้ก็รู้ตัวเองดี และเขาก็รู้ว่าศิษย์ของเขานั้นไร้ประโยชน์

นางเลิกคิ้วขึ้น แล้วหันหน้าไปมองใครบางคนเงียบ ๆ

เถาเหวินฮั่นที่ไร้ความสามารถยังคงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ขณะจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ‘หึหึ’ นางคิดว่าเมื่อสักครู่นี้เขายังแสร้งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ และยังขู่นางก่อนที่หมอเฒ่าฉยงซานจะเข้าประตูมาด้วย เมื่อนางเห็นว่าตอนนี้ท่าทางของเขาไม่ต่างจากคนงี่เง่า จึงไม่ต้องพูดถึงว่านางมีความสุขมากเพียงใด

นางยิ้มอย่างถ่อมตัว แล้วหันไปมองหมอเฒ่าฉยงซาน ก่อนพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านหมอ ท่านช่างถ่อมตัวนัก ศิษย์ของท่านจะเป็นคนไร้ประโยชน์ได้อย่างไร? ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกศิษย์ของท่านเก่งกาจเพียงใด เขาทำให้ข้ากลัวแทบตาย”

!!

……………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจอคนจริงแล้วเป็นไงล่ะ​ ยังจะเสแสร้งว่าบาดเจ็บหนักต่อหน้าอาจารย์​กันออกไหม?

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *