อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 666 ขึ้นเตียงกลางดึก

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 666 ขึ้นเตียงกลางดึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 666 ขึ้นเตียงกลางดึก

ตอนที่ 666 ขึ้นเตียงกลางดึก

อวี้ชิงลั่วรออยู่นานก็ไม่เห็นพวกเสิ่นอิงกลับมา คิดว่าพวกเขาจะต้องเที่ยวกันสนุกมากเป็นแน่

พรุ่งนี้นางนัดกับหมอเฒ่าฉยงซานไว้แต่เช้าว่าจะไปที่จวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ ครั้นเห็นว่าได้เวลาแล้วก็ขึ้นเตียงนอน

กลางดึกเงียบสงัด หน้าต่างห้องของอวี้ชิงลั่วเปิดออกอย่างเงียบๆ

ลมเย็นพัดโชยเข้ามาวูบหนึ่ง ทำให้ทั้งห้องเย็นขึ้นมาก ข้างเตียงมีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ มองลงไปยังหญิงสาวที่กำลังหลับลึก

เพียงเย่ซิวตู๋เห็นนางนอนหลับอย่างสงบเพียงนี้ ในใจก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย

ยามไม่มีนางนอนอยู่ข้างกาย ตนนอนได้ไม่สบายเอาเสียเลย ส่วนนางช่างดีนัก นอนหลับสนิทถึงเพียงนี้

เย่ซิวตู๋กำหมัดแน่น ดวงตาหรี่เล็ก ผ่านไปครู่หนึ่งก็ปัดอาวุธลับที่นางติดตั้งไว้ข้างเตียงออกแล้วก้าวขึ้นเตียง

อวี้ชิงลั่วรู้สึกสดชื่นมาก แต่ผ่านไปเพียงไม่นานก็เริ่มรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา รู้สึกหนักอึ้งราวกับว่าถูกบางอย่างกดทับ ต่อจากนั้นก็เริ่มมีอาการคัดจมูก แม้แต่ริมฝีปากก็ถูกอุดเอาไว้

นางเบิกตากว้างในทันใด มองไปยังคนที่อยู่บนร่างของตนภายใต้แสงจันทร์นอกหน้าต่างและพลันตกตะลึง “เย่… อุ๊บ…”

อวี้ชิงลั่วร้องไห้ไม่ออก มือของเย่ซิวตู๋เริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าของนางอย่างซุกซน นางรู้สึกถึงความคันจึงพยายามบิดตัวหลบ กลับถูกเขาจ้องเขม็ง

อวี้ชิงลั่วเริ่มหงุดหงิด จ้องนางหรือ ยังกล้ามาจ้องมองนางอีกหรือ เห็นๆ อยู่ว่าคนที่สุขสมแล้วก็หายไปคือเขา ตอนนี้กลับมาขึ้นเตียงนางกลางดึกอีก ไม่แม้แต่จะทักทายก็เริ่มฉวยโอกาสกับนาง นี่ยังมีหน้ามาจ้องนางอีกหรือ

“เย่ซิวตู๋ ท่านออกไป… อา…” อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ เสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายอยู่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว

อวี้ชิงลั่วอ้าปากงับเขา เย่ซิวตู๋กลับเย้ยหยัน “ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่ว่าอะไรนะ หากพรุ่งนี้เจ้าจะนอนอยู่บนเตียงลุกไปไหนไม่ไหว”

อวี้ชิงลั่วโมโหในทันใด นางรีบหุบปากเก็บฟันและทำได้เพียงกัดฟันกล่าว “เมื่อไหร่ท่านจะหายโกรธกัน?”

เรื่องไปโดยไม่บอกลานั้นเป็นนางเองที่ผิด แต่เขาก็รังแกนางไปครั้งหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเอาคืนด้วยการหายไปโดยไม่บอกกล่าวในวันรุ่งขึ้นอีก นี่เพิ่งจะผ่านมาวันเดียว เหตุใดจึงรู้สึกว่าเขาโกรธขึ้นมาอีกแล้ว นางยังไม่ได้ทำอะไรให้ขุ่นเคืองเสียหน่อย

“หายไม่ได้หรอก” สตรีผู้นี้ใจร้ายนัก หนานหนานยังรู้จักเป็นห่วงกลัวเขาจะไม่ชนะการเดิมพัน มีแต่นางคนเดียวที่สนใจแต่ตัวเอง คิดทำอะไรก็ทำสิ่งนั้น ไม่แม้แต่จะสนใจเขาเลย

อวี้ชิงลั่วก้มหน้าลง ในใจเริ่มรู้สึกนึกย้อนเสียใจ นางเองก็ไม่คิดว่าเขาจะโกรธเพียงนี้ หากรู้แต่แรกนางคง… นางคง…

ให้ตายเถอะ หากเกิดเรื่องนี้อีกครั้ง นางก็คงจะไม่บอกลาอยู่ดี

นางเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกันนะ

“นี่จะโทษข้าไม่ได้นะ ครั้งก่อนท่านบอกว่าตลอดชีวิตนี้ไม่อยากมาเหยียบดินแดนเหมิงอีก ข้าจึงคิดว่าท่านคงมีปัญหาในใจ คงมีปัญหาอะไรที่ค้างคากับดินแดนเหมิง ข้าไม่อยากให้เจ้าลำบากใจ จึงออกเดินทางมาคนเดียว”

เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้นจากร่างของนาง มองนางอย่างดุดัน

เป็นเพราะเหตุผลนี้เองหรือ? นางจึงจากมาเลยน่ะหรือ?

อวี้ชิงลั่วเองก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นสายตาเช่นนั้นของเขาแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เย่ซิวตู๋ไม่กล่าวอันใด จับเนื้อตัวนางอย่างรุนแรง โถมเข้าใส่นางอย่างดุเดือด ไม่ให้โอกาสนางได้ป้องกันตนเอง จากนั้นก็เริ่มทรมานนางอีกครั้ง

แต่ในใจของเขาก็อบอุ่นขึ้นมาเพราะคำพูดของนางเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าการกระทำอ่อนโยนลงมาก ถึงแม้บางครั้งจะยังควบคุมแรงไว้ไม่ได้ ในตอนสุดท้ายก็รุนแรงขึ้นมาอีก

อวี้ชิงลั่วอ้าปากค้าง แต่ไม่สามารถกล่าวประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้

เย่ซิวตู๋ได้ลองหนึ่งครั้งก็อยากจะทำอีก หากทั้งสองคนได้ทำกันตลอดก็คงดี ครั้งก่อนได้ชิมแล้วหนึ่งครั้ง ทำเอาเขาไม่อยากจะกินมังสวิรัติอีกต่อไป

จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วเหงื่อออกไปทั่วร่างและหมดแรง ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็ปล่อยนางอย่างมีเมตตา กอดและจูบนาง ให้นางได้นอนในท่าที่สบายตัว

อวี้ชิงลั่วทั้งเหนื่อยและง่วง แต่ปลายจมูกของนางเต็มไปด้วยกลิ่นของเขา ถูกกระตุ้นเสียจนนางนอนไม่หลับ

นางมองสีหน้าของเย่ซิวตู๋ ถึงแม้จะหลับตาอยู่ แต่ก็แสดงออกว่านุ่มนวลกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย คิดว่าเขาน่าจะหายโกรธแล้ว

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ดินแดนเหมิง?” อวี้ชิงลั่วเข้าใกล้เขา ถามด้วยรอยยิ้ม

แต่เสี้ยววินาทีต่อมาก็รู้สึกรังเกียจพฤติกรรมไร้กระดูกสันหลังของตนอยู่ในใจ เขาทั้งเย็นชาไม่แยแสเพียงนี้ ทำไมตนจะต้องกระตือรือร้นเข้าหาด้วย เชอะๆๆ

เย่ซิวตู๋ลืมตา มองลงไปที่นาง มองท่าทางยิ้มแย้มของนาง ในใจก็แช่มชื่นขึ้นมาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะก้มลงงับที่ติ่งหูของนาง มองนางที่สีหน้าแดงก่ำอย่างพึงพอใจ เลิกคิ้วแล้วตอบ “หลังจากหนานหนานบอกข้าเรื่องแม่นมเก๋อ ข้าก็ตรวจสอบที่อยู่ของนางมาตลอด”

อวี้ชิงลั่วตะลึง “นี่ท่านสืบหาที่อยู่แม่นมเก๋ออยู่หรือ?”

“อืม อีกทั้งยังสืบมาได้ว่าแม่นมเก๋ออยู่ที่มองโกเลียด้วย” กล่าวถึงตรงนี้ เย่ซิวตู๋ก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ หยิกแก้มของนาง จากนั้นก็กล่าวต่อ “เดิมทีก็คิดจะบอกเจ้า จะรอให้การแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรจบลงก่อนค่อยมาดินแดนเหมิง แต่ช่วงนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป อาทิเช่นเรื่องของน้องแปด จึงทำได้เพียงรีบจัดการเรื่องของเขาก่อน หลังจากนั้นเจ้าก็ไปพบหว่านเฟยและพูดถึงแม่นมเก๋อ ผ่านไปไม่กี่วันเจ้าก็จากไป ข้าคิดว่าหว่านเฟยน่าจะรู้ที่อยู่ของแม่นมเก๋อแล้วบอกกับเจ้า จึงรีบมาหาเจ้าที่ดินแดนเหมิงให้เร็วที่สุด”

อวี้ชิงลั่วเข้าใจขึ้นมาในทันที มองเห็นเย่ซิวตู๋มองตนอย่างไร้ความปรานีก็กลืนน้ำลาย กล่าวพร้อมยิ้มแห้ง “เช่นนั้นเอง นอนเถอะ”

นางเองก็ไม่กล้าถามเย่ซิวตู๋รู้สึกอย่างไรกับดินแดนเหมิงกันแน่ เกรงว่าอีกประเดี๋ยวเขาจะกลายเป็นหมาป่าดุร้ายอีกครั้ง นางทนไม่ได้แล้ว

“ฮึ่ม” เย่ซิวตู๋ส่งเสียงฮึดฮัด จ้องมองนางอย่างดุร้าย

อวี้ชิงลั่วอยากตายเสียจริง ใครให้เขาไม่บอกนางเรื่องแม่นมเก๋อเล่า ตนกลับคอยช่วยนางอยู่ข้างหลังคนเดียว ก็ต้องให้นางรู้ด้วยสิจึงจะถูก

นางเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ นางเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ นางเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องท่องไว้ในใจสามครั้ง

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นตนที่ผิด เห็นสีหน้าเย็นชาของเขาก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ นางเกรงว่าหากพูดออกไปเขาจะยิ่งโกรธ ถึงตอนนั้นตนเองจะต้องตายอนาถกว่าเดิมแน่นอน

ที่สำคัญที่สุด นางไม่ใช่คู่ประมือของเขา เสียเปรียบอย่างมาก

“จริงสิ เจ้าไปเดิมพันกับใครไว้จริงๆ เห็นว่าถ้าแพ้แล้วจะต้องแต่งงานกับสตรีอื่นหรือ” เรื่องนี้ถึงแม้จะรู้ความจริงจากเสิ่นอิงแล้ว แต่คิดแล้วก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ จึงไม่สบายใจนัก จะต้องถามให้รู้เรื่องจึงจะใช้ได้

เย่ซิวตู๋ชะงัก ในที่สุดใบหน้าก็มีรอยยิ้ม เขาเลิกคิ้วแล้วถามนาง “หึงหรือ?”

“…” อวี้ชิงลั่วพลิกตัว หันหลังให้เขาแล้วหลับ

เย่ซิวตู๋ขยับเข้าใกล้ ปลายนิ้วลูบบนใบหน้านาง พลิกกลับมาแล้วจูบ จากนั้น… ก็ต้องการนางอีกครั้ง

ครั้งนี้อวี้ชิงลั่วรับมือไม่ไหวแล้วผล็อยหลับไป เพียงแต่ตอนที่งัวเงีย เหมือนว่าได้ยินเสียงของเขาที่ดังมาพร้อมเสียงหัวเราะ “วางใจเถอะ ข้าไม่แต่งกับสตรีอื่นหรอก”

อวี้ชิงลั่วคิดอย่างดุร้ายในใจ นับว่าท่านอ่านคนออก

อย่างไรก็ตาม เช้าวันต่อมาเมื่อนางตื่นนอน ก็ไม่มีความอบอุ่นหลงเหลือในผ้าห่มข้างตัวนางอีกแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เง้อ ไม่ฟอร์เพลย์หน่อยเหรอพ่อ อยู่ๆ ก็มาใส่เลยแบบนี้ชิงลั่วก็เจ็บระบมน่ะสิ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *