อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 732 ก่อเรื่องเลวร้ายไม่เรียกข้า

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 732 ก่อเรื่องเลวร้ายไม่เรียกข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 732 ก่อเรื่องเลวร้ายไม่เรียกข้า

ตอนที่ 732 ก่อเรื่องเลวร้ายไม่เรียกข้า

ทันทีที่ขาแตะพื้น ก็มีคนมองมาทันที

เหมิงหลัวอวี้จับมืออวี้ชิงลั่วกระชับแน่นขึ้น จนเกือบจะเป็นการหยิก

“ไม่เป็นไร ท่านน้าชิงอยู่นี่นะ” อวี้ชิงลั่วปลอบเด็กน้อย เอ่ยพลางหรี่ตาลง

เหมิงหลัวอวี้เงยหน้าขึ้น หมวกผ้าโปร่งยังคงอยู่บนศีรษะ ดังนั้นอวี้ชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่เมื่อพิจารณาจากแรงบีบที่มือก็รู้สึกว่าคำพูดของนางยังคงมีผลอยู่บ้าง

คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปข้างในพร้อมเทียบเชิญ มีชายร่างสูงหกคนยืนอยู่ที่ประตูด้วยใบหน้าจริงจังและท่าทางเคร่งขรึม ดวงตาจ้องมองตรงไปข้างหน้า ราวกับกำลังบอกด้วยสายตาว่า “ข้าคือเทพเฝ้าประตู ข้าคือเทพเฝ้าประตู ใครบังอาจก่อปัญหาจะโดนโยนออกไปแน่”

อวี้ชิงลั่วก้าวไปข้างหน้าเพื่อส่งมอบเทียบเชิญ คนสองคนที่รับผิดชอบเฝ้าประตูรับเทียบเชิญไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนชำเลืองมองนาง จากนั้นหันไปเรียกสาวใช้ที่อยู่ไม่ไกลให้มาหา แล้วพูดว่า “พาคุณหนูผู้นี้ไปยังแถวที่สองของฝั่งตะวันออก”

สาวใช้รับคำ ก่อนเดินนำทางอวี้ชิงลั่ว

เมื่อเดินไปถึงที่นั่ง นางก็นั่งลงมองดู และพบว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่ได้จัดที่นั่งให้นางใกล้ด้านหน้า ตำแหน่งนี้ทำเลดียิ่งนัก บันไดของแถวที่สองยกสูงขึ้นเล็กน้อย หากมองจากด้านนี้ก็น่าจะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด

อวี้ชิงลั่วแสดงความพึงพอใจ แล้วดึงเหมิงหลัวอวี้ให้นั่งลง

คนที่มางานยังมีเพียงไม่กี่คน และพวกเขาทุกคนต่างจับกลุ่มสองสามคนพูดคุยกัน

อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่านางมาเร็วเกินไปเล็กน้อย อย่างน้อยบุคคลสำคัญในแถวของนางและแถวแรกก็ยังไม่มา จนนางรู้สึกเคว้งคว้างเล็กน้อย

หงเย่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบที่หูของนาง “คุณหนูเจ้าคะ ตรงนั้นมีคนทักทายท่านเจ้าค่ะ”

อวี้ชิงลั่วนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เมื่อมองตามสายตาของหงเย่ไป นางก็เห็นชายหนุ่มถือพัดในแถวที่สามตรงข้ามนาง กำลังส่งยิ้มมาพร้อมโบกมือให้

มุมปากของนางกระตุก และนางก็มองไปทางอื่น

คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตกตะลึงและเผยสีหน้าไม่พอใจ ดูเหมือนว่าเขาจะพูดอะไรสองสามคำกับคนรอบตัวเขา แล้วเดินมาที่นี่

อวี้ชิงลั่วมีสีหน้ามืดมน นางพูดกับหงเย่ว่า “เจ้าไปหยุดเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขาเข้ามา บอกเขาไปว่าชายโสดหญิงม่ายไม่ควรพูดคุยกันในที่สาธารณะ มันไม่ดีต่อชื่อเสียงของข้า”

“…” หงเย่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินจากไป

ทันทีที่ชายคนนั้นเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว เขาก็ถูกหงเย่ขวางเอาไว้ จากนั้นนางก็ถ่ายทอดคำพูดของอวี้ชิงลั่วให้เขาแบบคำต่อคำ

“ชื่อเสียงหรือ?” ชายคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำนี้ “อวี้ชิงลั่ว นางยังสนใจเรื่องชื่อเสียงอยู่อีกหรือ? และใครบอกว่าข้าจะคุยกับนาง? ข้ากำลังมองหาหนานหนานอยู่ต่างหาก หนานหนานอยู่ที่ใด? นึกไม่ออกเลยว่าหากเขาเจอข้าแล้วจะดีใจมากเพียงใด”

“คุณชายไป๋ หนานหนานไม่ได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”

ไป๋อีเฟิงรู้สึกประหลาดใจจนลืมโบกพัดในมือ “เจ้าเพิ่งบอกว่าหนานหนานไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ?”

หงเย่พยักหน้า

ไป๋อีเฟิงยังคงไม่อยากเชื่อ “อวี้ชิงลั่วอยู่ที่นี่ แต่หนานหนานไม่อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”

หงเย่พยักหน้าอีกครั้ง

ไป๋อีเฟิงโบกพัดแล้วถามอีกครั้ง “หนานหนานไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ…”

“คุณชายไป๋ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ เจ้าค่ะ” หงเย่กำลังจะหมดความอดทนเมื่อเขาถามนางซ้ำอีก นางจึงขัดจังหวะเขา ถามครั้งเดียวยังพอว่า แต่นี่ถามสองครั้งก็ยังไม่เข้าใจ และถามอีกเป็นครั้งที่สาม เขากำลังจับผิดใช่หรือไม่?

ไป๋อีเฟิงหัวเราะและลูบจมูก “จะไม่ให้ข้าแปลกใจได้อย่างไร? หนานหนานที่หลงใหลในสุรายิ่งกลับไม่ได้มาพร้อมมารดาของเขา มันไม่สมเหตุสมผลเลย”

หงเย่ชำเลืองมองเขา นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วอธิบายด้วยเสียงเบา “สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ท่านน่าจะพบหนานหนานได้ในภายหลัง ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณหนูบอกเพียงว่าคุณชายไป๋แค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

ในอาณาจักรเทียนอวี่ ปัจจุบันผู้อาวุโสสกุลไป๋เป็นขุนนางระดับสูงในราชสำนัก และไป๋อีเฟิงเป็นคุณชายคนรองของตระกูลไป๋ เขาไม่มีความสนใจเรื่องการเมืองตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับหมกมุ่นหลงใหลการทำสุรา

เมื่ออวี้ชิงลั่วไปที่อาณาจักรเทียนอวี่ สหายคนแรกที่มีมิตรภาพค่อนข้างดีกับนางก็คือไป๋อีเฟิง เพราะหนานหนานชอบดื่มสุราของเขา

เด็กและผู้ใหญ่ที่มีใจเดียวกันย่อมเข้ากันได้ พวกเขาเป็นพวก ‘เจ้าสำราญเมามายในฝัน’ ตลอดทั้งวัน ทำให้อวี้ชิงลั่วเกือบจะพังโรงบ่มสุราทิ้ง

งานเทศกาลชิมสุราดินแดนเหมิงครั้งนี้ อวี้ชิงลั่วคาดไว้แล้วว่าเขาจะมา นางจึงไม่แปลกใจที่เจอเขาเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่าคนผู้นี้… ชอบความสนุกสนานและสนิทกับหนานหนานด้วย จึงเป็นการดีกว่าที่จะไม่ให้เขามาวุ่นวายในตอนนี้

นั่นเป็นเหตุผลที่อวี้ชิงลั่วบอกให้หงเย่ไปเตือนเขา

แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำพูดของหงเย่ ไป๋อีเฟิงก็หุบพัดอย่างแรง แล้วหรี่ตาจ้องมองนางอยู่สักพัก หลังจากนั้นไม่นาน จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “อวี้ชิงลั่วต้องการก่อเรื่องเลวร้ายอีกแล้วใช่หรือไม่?”

“…” หงเย่นิ่งงัน ได้ยินคำถามเช่นนี้ นางควรยอมรับหรือปฏิเสธดี?

ไป๋อีเฟิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “เมื่อก่อนเวลานางทำเรื่องเลวร้าย นางมักจะพาข้าไปด้วย ตอนนี้ข้าได้ยินมาว่านางต้องอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชาง นางคิดจะทิ้งข้าแล้วหรือเปล่า?”

สิ่งที่เขาพูด… ทำให้หงเย่เงียบอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าครั้งหนึ่งคุณหนูจะเคยให้คำแนะนำแก่องค์หญิงที่ไม่ได้รับความโปรดปรานของราชวงศ์ ให้ช่วยจัดการกับศัตรูที่ร้ายกาจของนาง แต่บังเอิญถูกไป๋อีเฟิงทำเข้ามาขวาง นางจึงจำต้องยอมเจรจากับเขาให้ร่วมมือกันอย่างไม่เต็มใจ

คุณหนูยังคงคิดว่าไป๋อีเฟิงเป็นคนไม่เอาถ่าน ตั้งแต่นั้นมานางจึงต้องป้องกันไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวในทุกอย่างที่นางทำ เพราะไม่รู้ว่าจะทำให้เดือดร้อนได้ถึงเพียงใด

“คุณชายไป๋ ท่านควรไปบอกคุณหนูด้วยตัวเอง หรือจะให้ข้าน้อยส่งต่อเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องซิวก็ได้” ทิ้งหรือ? หากท่านอ๋องซิวได้ยินคำนี้ เขาจะต้องมาจัดการไป๋อีเฟิงแน่นอน

ไป๋อีเฟิงถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจ้องมองหงเย่แล้วกัดฟันพูดว่า “เจ้าคงดื่มน้ำจากอาณาจักรเฟิงชางมากเกินไป ถึงกับเลือกช่วยคนนอก”

หงเย่กลอกตา คำพูดของนางถูกสื่อออกไปแล้ว นางก็ควรกลับไปปกป้องคุณหนู

นางหยุดพูดเรื่องไร้สาระกับไป๋อีเฟิง และหันหลังเดินกลับมาอยู่ข้างอวี้ชิงลั่ว

“พูดแล้วหรือ?” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองไป๋อีเฟิงที่เอาแต่กระทืบเท้าจากในระยะไกล นางมองหงเย่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนถามเสียงเบา

หงเย่พยักหน้า “คุณชายไป๋เป็นคนฉลาด แม้ว่าปกติเขาจะค่อนข้างชอบทำตัวเจ้าสำราญ แต่เขาก็รู้กาลเทศะเจ้าค่ะ”

เหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ด้านข้างมองทั้งสองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าพวกนางกำลังพูดถึงอะไร แต่ดูแล้วก็เดาได้ว่าท่านน้าชิงน่าจะรู้จักบุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

เหมิงหลัวอวี้เอียงศีรษะไปมองไป๋อีเฟิงครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไป๋อีเฟิงก็กำลังมองนางเช่นกัน นางก็ตกใจและรีบมองไปทางอื่น

แต่เมื่อนางหันกลับมา นางก็เห็นสายตาที่น่ากลัวของเหมิงเคอ

“ท่านน้าชิง…” จู่ ๆ เหมิงหลัวอวี้ก็คว้ามือของอวี้ชิงลั่วไว้แน่น เสียงของนางแผ่วเบาราวกับเสียงยุงบิน

อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ นางหยุดคุยกับหงเย่แล้วเงยหน้าขึ้นมองเห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ และเจ้าของสายตาเฉียบคมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่สุด… ก็คือเหมิงเคอ

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ไม่เบาเลยนะชิงลั่ว ไปที่ไหนก็ได้รับความอุปถัมภ์จากทุกคน

เหมิงเคอจะโดนเล่นงานตอนนี้แล้วหรือเปล่า?

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *