อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 733 ปู่กับหลานพบกัน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 733 ปู่กับหลานพบกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 733 ปู่กับหลานพบกัน

ตอนที่ 733 ปู่กับหลานพบกัน

ผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว จากนั้นเขาก็รีบเดินมาหานางเร็วขึ้น

“แม่นางถัง เหตุใดจึงมาเร็วนักเล่า?”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเทศกาลชิมสุรานี้ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ไปที่คฤหาสน์ก่อน แต่มาที่นี่ด้วยตัวเอง ผู้อาวุโสสกุลเยว่โปรดอย่าได้ขุ่นเคืองใจนะเจ้าคะ”

“แม่นางถังพูดอะไรกัน? เป็นเพราะข้าไม่ได้คิดให้รอบคอบเองต่างหาก น่าจะให้คนมารับเจ้าเร็วกว่านี้” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ดูเหมือนจะอารมณ์ดี เขาไม่ได้เข้าร่วมงานที่สนุกสนานเช่นนี้มานานแล้ว

นับตั้งแต่ที่เหมิงหรงล้มป่วยลง เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย ตอนนี้เหมิงหรงกำลังรักษาตัวอยู่ แม้จะยังเสียใจที่ไม่ได้พบหลานสาว แต่เขาก็ยังพอจะเข้าร่วมงานรื่นเริงได้อยู่บ้าง

ผู้อาวุโสสกุลเยว่กล่าว แล้วก้มมองเหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ข้างอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “นี่คือ…”

นี่คือบุตรีของแม่นางถังหรือ? แต่หมอเฒ่าฉยงซานไม่ได้บอกว่าลูกของแม่นางถังเป็นเด็กผู้ชายหรอกหรือ? เหตุใดจึงพาเด็กผู้หญิงมาด้วยแทน?

เหมิงเคอที่ยืนอยู่ด้านหลังจิกผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น สายตาแข็งกร้าวของนางจับจ้องไปยังอวี้ชิงลั่วและส่งคำเตือนที่รุนแรง เหมิงหลัวอวี้สวมหมวกผ้าโปร่ง ทำให้นางมองเห็นไม่ชัดก็จริง แต่เหมิงเคอก็รู้ว่าคนคนนี้คือคนที่นางต้องรีบกำจัดโดยเร็ว

เหมิงหลัวอวี้รู้สึกประหม่ามากเช่นกัน นี่คือผู้อาวุโสสกุลเยว่… ที่เป็นปู่ของนางหรือ?

นางเติบโตขึ้นมาโดยไม่เคยเจอปู่ของตนมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ปู่ของนางจ้องมองนาง นางจึงประหม่ายิ่งนัก

ดวงตาของอวี้ชิงลั่วมองหน้าทุกคน เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังอารมณ์ดี นางก็พูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม “นี่คือลูกของสหายข้าที่พามาร่วมสนุกด้วยเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยักหน้า ก่อนยิ้มให้เหมิงหลัวอวี้และพูดเบา ๆ ว่า “ดูเหมือนจะเป็นเด็กดีนะ”

หลังจากพูดจบเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็ถอดจี้หยกอันเล็กงดงามออกจากตัว แล้วส่งให้เหมิงหลัวอวี้ “เราพบกันครั้งแรก ข้าไม่ทันได้เตรียมของดี ๆ ไว้ สาวน้อย หากเจ้าไม่รังเกียจก็รับสิ่งนี้ไว้เถิด”

เหมิงหลัวอวี้ประหลาดใจ เหมิงเคอประหลาดใจ และอูเหมี่ยนเซิงก็ประหลาดใจเช่นกัน

ผู้อาวุโสสกุลเยว่เอ็นดูเด็กที่เขาเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก และยังยกของของตนให้อีกด้วย สถานการณ์เช่นนี้เหลือเชื่อเกินไป

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ด้วยความสงสัย “ผู้อาวุโสสกุลเยว่เจ้าคะ นี่อาจไม่ค่อยเหมาะสมนัก จี้หยกนี้ดูมีค่ามาก”

แม้แต่นางยังต้องการจะครอบครองมันเอง

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ถอนหายใจ ก่อนลูบจี้หยกในมือและพูดด้วยเสียงเบาว่า “แม่นางถัง เจ้าก็รู้สถานการณ์ปัจจุบันในครอบครัวของพวกเรา หลังจากที่หรงเอ๋อร์… เฮ้อ ข้าเสียใจที่ตอนนั้นข้าดูแลหลานสาวตัวน้อยของข้าได้ไม่ดี ดังนั้นตอนนี้นางจึง… “

ผู้อาวุโสสกุลเยว่กัดฟันกลืนคำพูดของตนลงท้องไป

บางครั้งต้องรอจนกว่าจะสูญเสียไปจริง ๆ ก่อนจะรู้ว่าควรรักษาไว้อย่างไร

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนไม่สามารถมีหลานเพิ่มได้ ไม่สามารถแม้แต่จะเล่นหยอกล้อหลานได้อีกต่อไป ผู้อาวุโสสกุลเยว่รักเด็กอย่างอธิบายไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กคนนี้ที่ดูอายุไล่เลี่ยกับหลานสาวของเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู

เหมิงหลัวอวี้จับมือของอวี้ชิงลั่ว และเงยหน้าขึ้นมองนาง

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เหมิงหลัวอวี้จึงไปหยิบจี้หยกจากมือของผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

“มารยาทดีจริง ๆ” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยกยิ้ม และอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของนาง

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิงลั่ว “แล้วลูกของแม่นางถังอยู่ที่ใดเล่า? ข้ามีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เตรียมไว้ให้เขาด้วย”

เขาเตรียมสิ่งนี้ไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ เขาได้ยินมาว่าลูกของแม่นางถังชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นเขาจึงเตรียมอาหารบางอย่างไว้ ซึ่งตอนนี้มันอยู่ในมือของอูเหมี่ยนเซิงข้างหลังเขา

อวี้ชิงลั่วมองเหมิงเคอ บัดนี้ใบหน้าของเหมิงเคอซีดเผือด โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่ใจดีกับเหมิงหลัวอวี้มาก นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนแทบจะหัก

โชคดีที่อวี้ชิงลั่วไม่พูดอะไร นางอาจกังวลเรื่องลูกชายอยู่

แต่เหตุใดสตรีผู้นี้จึงพาเหมิงหลัวอวี้มาที่นี่? ยังรู้สึกว่ามีโอกาสอยู่เสมอหรือ? ดูเหมือนว่านางจะต้องคุยกับพ่อของเด็กเพื่อให้อวี้ชิงลั่วรู้ว่านางมีอำนาจมากเพียงใด เพื่อไม่ให้คิดว่าการจับกุมลูกชายของอวี้ชิงลั่วไว้เป็นเพียงเรื่องล้อเล่น

เมื่อเหมิงเคอนึกถึงเรื่องนี้ ดวงตามืดมนของนางก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น

อวี้ชิงลั่วละสายตาจากนาง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “หนานหนานมีบางอย่างที่ต้องทำ ผู้อาวุโสสกุลเยว่จะได้พบเขาในภายหลังเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่หัวเราะ แล้วขอให้อูเหมี่ยนเซิงมอบของบางอย่างให้นาง จากนั้นก็นั่งแถวหน้าของอวี้ชิงลั่ว

ที่นั่งของเขาแตกต่างจากแถวอื่น แถวแรกมีที่นั่งไม่มากนัก ปกติแล้วเป็นที่นั่งผู้อาวุโสทั้งหกของเผ่า ซึ่งทุกคนล้วนมีความสำคัญมาก มีโต๊ะพร้อมชาและของว่างข้างที่นั่ง และมีการเว้นระยะห่างกว้างขวางและหรูหรากว่าแถวอื่น

แถวที่สองคือแขกผู้มีเกียรติของชาวเหมิง และบุตรหลานของผู้อาวุโสของเผ่า หรือผู้ที่มีสถานะสูงส่งในเผ่าเหมิง

ลูกสะใภ้อย่างเหมิงเคอทำได้เพียงนั่งแถวที่สามด้านหลังผู้อาวุโสสกุลเยว่ แม้ว่าพ่อของนางจะเป็นผู้อาวุโสสกุลลี่ก็ตาม

นอกจากเหมิงเคอแล้ว ยังมีเจ้าของโรงกลั่นสุราอย่างไป๋อีเฟิง ซึ่งเป็นที่รู้จักในสี่อาณาจักร เพราะเป็นเจ้าของโรงกลั่นสุราที่ดีที่สุดในเทศกาลชิมสุราครั้งล่าสุด

แถวข้างหลังต่อจากนี้คือเจ้าของร้านธรรมดาอื่น ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน และบางคนก็เพียงแค่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วม โดยไม่ได้แข่งขัน

ตรงกลางเป็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่มีจอกและถ้วยสุราหลายใบวางอยู่ รวมทั้งโต๊ะและเก้าอี้อีกหลายตัว

โต๊ะที่อยู่ใกล้โต๊ะทรงกลมมากที่สุดมีห้าตัว พร้อมหลังคาสำหรับบังแดด การป้องกันจึงดีกว่าโต๊ะอื่นมาก

ผู้อาวุโสสกุลเยว่อธิบายให้นางฟังสั้น ๆ ว่า “กรรมการทั้งห้าคนจะนั่งบนโต๊ะทั้งห้านั้น และโต๊ะตรงกลางเป็นที่นั่งของประมุขเผ่าเหมิงของเรา แม่นางถังยังไม่ได้พบท่านประมุขสูงสุดเลยใช่หรือไม่? จะว่าไปแล้วแม้ท่านจะมีอายุสี่สิบกว่า แต่ก็ยังดูอ่อนเยาว์นัก แม้จะแต่งงานมีภรรยาไปแล้ว แต่หญิงสาวหลายคนในเผ่าเหมิงก็ยังคงแอบหมายปองท่านอยู่ แม่นางถังจะต้องประหลาดใจเมื่อเห็นท่านประมุข”

อวี้ชิงลั่วลอบเบะปาก ใช่แล้วใช่แล้ว หากอายุเกินสี่สิบแล้วแต่ยังดูเหมือนคนวัยยี่สิบถึงเพียงนั้น ก็อาจจะเป็นปีศาจที่เป็นอมตะ จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร?

เมื่อนางพบกับเหมิงลู่ เขาต่างหากที่อาจต้องประหลาดใจ

ระหว่างที่คุยกัน จู่ ๆ ก็มีคนเดินบ่นเข้ามา

อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น และเห็นสีหน้าไม่พอใจของหมอเฒ่าฉยงซาน และเห็นว่าเขากำลังบ่นพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว เขาก็รีบเดินมาหา “ลั่วลั่ว”

“ท่านเป็นอะไรไป?” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ยืนขึ้นเช่นกัน และมองหมอเฒ่าฉยงซานด้วยสายตาสงสัย

หมอเฒ่าฉยงซานถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าโชคไม่ดีเลย”

“หา?”

“ข้าเจอตัวซวย หากกลับไปคืนนี้ เห็นทีข้าต้องเอาใบส้มโอมาแช่น้ำล้างตัวเพื่อปัดเป่าเสนียด” หมอเฒ่าฉยงซานหงุดหงิดมาก

อวี้ชิงลั่วรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินเช่นนั้น หมอเฒ่าฉยงซานพูดมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าประเด็นเสียที นางคิดจะถามต่อให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น แต่จู่ ๆ หงเย่ก็กระตุกแขนเสื้อของนาง แล้วบุ้ยปากไปยังทางเข้า

อวี้ชิงลั่วหันไปมองและเข้าใจทันที

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใครกันนะเสนียดที่ท่านหมอเฒ่าว่า?

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *