อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 747 น้องอวี้มีปานรูปดอกไม้บนตัว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 747 น้องอวี้มีปานรูปดอกไม้บนตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 747 น้องอวี้มีปานรูปดอกไม้บนตัว

ตอนที่ 747 น้องอวี้มีปานรูปดอกไม้บนตัว

อวี้ชิงลั่วหน้าซีด ถามซ้ำแล้วซ้ำอีก “เช่นนั้นหงเย่เล่า หงเย่ดูเด็กๆ อยู่ไม่ใช่หรือ?”

อูเหมี่ยนเซิงส่ายหน้า “แม่นางหงเย่ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว อีกอย่าง อีกอย่างฮูหยินน้อยเองก็หายไปแล้ว”

เขาเตือนอวี้ชิงลั่วอย่างคลุมเครือว่าเหมิงเคออาจจะทำอะไรบางอย่าง

ผู้อาวุโสสกุลเยว่เองก็ฟังออกว่ามีบางอย่างปกติ รีบกล่าว “เช่นนั้นรีบไปตามหาเถิด เพิ่งจะหายไปได้ไม่นาน จะต้องหาพบแน่”

“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้กระมัง อย่างไรเด็กๆ ก็ชอบเล่นซน บางทีอาจจะคิดว่าที่นี่น่าเบื่อ ไม่รู้ว่าวิ่งไปเล่นถึงไหนแล้ว” คนที่อยู่ข้างๆ ไม่คิดเช่นนั้น คิดว่าอวี้ชิงลั่วกังวลจนเกินไป

แต่อย่างไรอวี้ชิงลั่วก็เป็นหมอปีศาจ มีฐานะอยู่ตรงนี้ ก็ไม่กล้ากล่าวอันใดตามตรง โทษว่านางมีท่าทางวิตกกังวลเกินไป

อวี้ชิงลั่วจ้องไปที่คนผู้นั้นแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ลูกของท่าน ท่านจะพูดอะไรก็ได้นี่”

คนผู้นั้นอายุค่อนข้างมากแล้ว ถูกอวี้ชิงลั่วเหน็บแนมเช่นนั้นก็ไม่กล้าลงจากเวที สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแล้วหันกลับมา “หรือว่าเด็กผู้นั้นเป็นบุตรสาวของแม่นางหรือ?” ต่อให้เป็นหมอปีศาจ แต่ไม่ว่าจะหยิ่งยโสเพียงไหน อย่างไรต่อหน้าคนมากมาย ก็ควรให้เกียรติผู้สูงอายุเสียบ้าง

อวี้ชิงลั่วหรี่ตา ทันใดนั้นก็ค่อยๆ ระบายลมหายใจออก​ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เด็กคนนั้นย่อมไม่ใช่บุตรสาวของข้า แต่นางไม่ใช่เด็กธรรมดา​ หากเกิดเรื่องอันใดกับนาง ทุกคนจะต้องเสียใจเป็นอย่างมากแน่นอน”

ทุกคนเห็นนางกล่าวอย่างจริงจัง ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย

ตอนนี้เองหนานหนานก็ลงจากตัวของผู้อาวุโสสกุลหมิง วิ่งขลุกๆ ไปที่ข้างกายอวี้ชิงลั่วแล้วถามอย่างร้อนรน “ท่านแม่ น้องอวี้หายไปหรือ?”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน”

หนานหนานเต้นเร่าอย่างกระวนกระวาย มองไปรอบๆ จากนั้นก็วิ่งไปตรงหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่แล้วดึงแขนเสื้อของเขาพลางตะโกน “เร็วหน่อยขอรับ ท่านรีบไปตามหาน้องอวี้เถิด”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ประหลาดใจมาก เหตุใดบุตรชายของแม่นางถังไม่ไปหาคนอื่น กลับมาหาเขากัน

หากบอกว่าเป็นคนที่สนิทหน่อย ทางด้านนั้นก็มีพ่อแม่ของเขาอยู่ ถ้าหากบอกว่าจะหาคนที่สถานะสูงส่ง ด้านข้างนั้นก็มีท่านประมุขและผู้อาวุโสสกุลหมิง เมื่อครู่เด็กคนนี้เหมือนจะหันไปมองซ้ายขวา กลับเลือกตนเพียงคนเดียว

แต่เด็กวิ่งมาตรงหน้าเขาแล้ว เขาจะปฏิเสธก็คงไม่ได้ จึงย่อตัวลงแล้วตบไหล่ของเขา กล่าว “เจ้าหนูไม่ต้องร้อนใจไป ข้าจะให้คนไปตามหาทันที จะต้องหาตัวน้องอวี้ของเจ้าพบแน่ เจ้าอย่าร้อนใจไปเลย”

“ไอ้หยา ข้าร้อนใจก็ไร้ประโยชน์ แต่ท่านนี่สิ เหตุใดท่านไม่ร้อนใจเลยแม้แต่น้อย น้องอวี้เป็นหลานสาวของท่านนะ”

คำกล่าวอันน่าตกใจของหนานหนานทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ผงะไป คนอื่นๆ เองก็ตะลึงเช่นกัน

เด็กคนนั้นไม่ได้มากับหมอปีศาจหรอกหรือ? ไม่ใช่ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแม่นางหมอปีศาจหรอกหรือ เหตุใดจึงกลายเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสสกุลเยว่ไปได้เล่า?

ผู้อาวุโสสกุลเยว่เบิกตากว้าง หลังจากตั้งสติได้ก็บีบไหล่หนานหนานแน่น กล่าวเสียงต่ำ “เจ้า เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าบอกว่าเป็นหลานสาวของใครกัน?”

“หลานสาวของท่านอย่างไรเล่า? น้องอวี้เป็นหลานสาวของท่าน เป็นหลานสาวโดยสายเลือด ถึงแม้จะเป็นเพียงบุตรสาวนอกสมรส แต่นางก็มีสายเลือดของท่าน ตัดกันไม่ขาด นางเป็นคุณหนูของจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่นะขอรับ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่หายใจเข้าลึกๆ “นางชื่อว่าอะไร?”

“เหมิงหลัวอวี้ขอรับ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยืนขึ้นในทันที จ้องมองไปยังอวี้ชิงลั่วด้วยแววตาเบิกกว้าง

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กล่าวเบาๆ “เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ข้าก็ทำได้เพียงบอกความจริงกับท่านผู้อาวุโสสกุลเยว่ เด็กคนนั้นคือบุตรสาวของเหมิงหรงจริงๆ เป็นหลานสาวของท่าน ท่านผู้อาวุโสสกุลเยว่ ตอนแรกระหว่างทางที่ข้าและหนานหนานเดินทางมา ก็ได้พบกับเด็กคนหนึ่งที่ถูกตามฆ่า ตอนนั้นอดไม่ได้ที่จะช่วยนางไว้ แล้วพานางกลับมาที่ดินแดนเหมิง”

ขณะกล่าว นางก็มองไปยังผู้คนรอบๆ อย่างเงียบๆ

บางคนขมวดคิ้วอย่างงุนงง บางคนก็ดูตื่นเต้น บางคนไม่เห็นด้วยเพราะเหมิงหลัวอวี้เป็นลูกนอกสมรส บางคนได้ยินเรื่องตามฆ่าก็ประหลาดใจ

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาแล้วกล่าวต่อ “หลังจากมาถึงดินแดนเหมิง ข้าเองก็หาโอกาสจะพาเด็กกลับไปอยู่ข้างกายท่านผู้อาวุโสสกุลเยว่ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ไม่ว่าอย่างไรเด็กคนนั้นก็ไม่ยอมก้าวกลับเข้าไปในจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ ถามเหตุผลนางก็ไม่ตอบ ข้าคิดว่า หากนางไม่เข้าไปในจวน เช่นนั้นก็ทำได้เพียงให้ท่านผู้อาวุโสสกุลเยว่และเสี่ยวอวี้มาพบกันข้างนอก จึงได้พาเด็กมายังเทศกาลชิมสุรานี้ รอจนกระทั่งมีโอกาสก็จะให้พวกท่านปู่หลานได้พบกัน ใครจะรู้…”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่งุนงง ตะลึงไป

แต่เหมิงลู่ที่อยู่ด้านข้างถามเสียงต่ำด้วยแววตาลุ่มลึก “เด็กคนนั้นอายุยังน้อยนัก เหตุใดจึงมีคนตามฆ่านางได้เล่า?”

ตามฆ่าหรือ

สองคำนั้นดังเข้าไปในหูของผู้อาวุโสสกุลเยว่ ทำให้เขากลับมาได้สติอีกครั้ง

คำพูดของอวี้ชิงลั่วนั้นกึ่งจริงกึ่งเท็จ ในใจของเขารู้ดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่ได้พูดผิด ก็คือเรื่องที่เสี่ยวอวี้ถูกตามฆ่าจริงๆ อีกทั้ง… นางยังไม่ได้พ้นขีดอันตราย เหตุผลที่นางไม่ยอมเข้าไปที่จวนก็เพราะเกรงกลัว… เหมิงเคอ

ใช่แล้ว เหมิงเคอ

เมื่อครู่อูเหมี่ยนเซิงบอกว่าเหมิงเคอเองก็หายตัวไป คงไม่ใช่ว่า…

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ได้สติในทันใด รีบเรียกผู้อารักขาข้างกายแล้วกล่าว “เร็วเข้า รีบไปตามหาเสี่ยวอวี้ หาตัวเด็กให้เจอ เร็ว”

ผู้อารักขาเหล่านั้นไม่ได้มาจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ พวกเขาเหล่านั้น ต่อให้เป็นผู้อาวุโส หากมาร่วมเทศกาลชิมสุรา นอกจากผู้อารักขาใกล้ชิดแล้วก็ไม่สามารถพาผู้อารักขามาได้เกินสองคน แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้อาวุโสสกุลเยว่ ผู้อารักขาในบริเวณใกล้เคียงก็ลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ทั้งหมดมองไปยังประมุข

ข้างๆ มีผู้อาวุโสที่ไม่พอใจแล้วหรี่ตากล่าว “ผู้อาวุโสสกุลเยว่ เพียงลูกนอกสมรสคนเดียว จะต้องทำให้เรื่องยุ่งยากถึงเพียงนี้เลยหรือ ที่นี่มันที่ไหนกัน จะมีอันตรายอะไรได้เล่า?”

“นั่นน่ะสิ จะมีใครหน้าไหนกล้าหาญเพียงนั้น ถึงกับทำเรื่องกำเริบเสิบสานในดินแดนเหมิงของเราเช่นนี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ผู้อารักขาเหล่านี้ล้วนมีหน้าที่ของคน ไม่ได้มีหน้าที่มาช่วยตามหาเด็กให้เจ้านะ”

“ลูกนอกสมรสขึ้นเวทีไม่ได้ ไม่รู้กฎเกณฑ์ ไม่รู้จักควบคุมตนเองในสถานการณ์เช่นนี้ บางทีนางอาจจะวิ่งไปเล่นอยู่ที่ใดสักแห่งก็เป็นได้”

หนานหนานโกรธมาก เป็นลูกนอกสมรสแล้วอย่างไรเล่า เขาได้ยินว่าในบรรดาผู้อาวุโสก็มีคนหนึ่งที่เป็นลูกนอกสมรสเช่นกันนี่

เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็โกรธมาก แต่เมื่อเห็นสายตาของท่านแม่ ก็พยายามที่จะระงับความโกรธเอาไว้

หลังจากปรับสีหน้าของตนแล้ว หนานหนานก็มองผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่เหงื่อเต็มหน้าผาก

ในใจผู้อาวุโสสกุลเยว่เองก็ไม่สบายใจมากเช่นกัน นั่นเป็นหลานสาวของเขา เป็นสายเลือดคนเดียวในจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ อยู่ที่นี่จะไม่มีอันตรายได้อย่างไร เหมิงเคอเองก็ไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเหมิงเคอตั้งใจทำร้ายนาง ไม่มีใครเชื่อหากไม่มีหลักฐาน อีกทั้งเสี่ยวอวี้อาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิดเสียด้วยซ้ำ

แต่หนานหนานนั้นหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว เขาก็หันไปมองผู้อาวุโสสกุลหมิงอย่างไร้เดียงสาแล้วกล่าว “น้องอวี้ไม่สำคัญหรือขอรับ ท่านปู่ทวด ไหนว่าในดินแดนเหมิงนี้ ขอเพียงบนร่างมีปานรูปดอกไม้ ก็จะเป็นคนสำคัญมากๆๆๆ ไม่ใช่หรือขอรับ? บนร่างน้องอวี้ก็มีนะขอรับ”

……………………………………………………..

สาร​จาก​ผู้แปล​

ชักช้าอะไรกันอยู่​ รีบตามหาเด็กสิพวกฟอสซิลล้านปีพวกนี้นี่

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *