อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 787 โอกาสทองที่หาได้ยาก

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 787 โอกาสทองที่หาได้ยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 787 โอกาสทองที่หาได้ยาก

ตอนที่ 787 โอกาสทองที่หาได้ยาก

จากนั้นครู่หนึ่ง หญิงรับใช้ผู้นั้นก็กัดริมฝีปากอิ่มของตน ส่ายหน้าช้าๆ

อวี้ชิงลั่วดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงในทันที ทรุดตัวลงบนเตียงหิน

หญิงรับใช้เดินเข้ามาสองสามก้าว ขยับมือเล็กน้อย อวี้ชิงลั่วเฝ้าดูและคาดเดา แต่ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่นางสื่อแม้แต่น้อย

หญิงรับใช้กระวนกระวายเล็กน้อย พยายามอย่างมากที่จะให้อวี้ชิงลั่วเข้าใจถึงสิ่งที่ตนจะสื่อ แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ ทำได้เพียงกระวนกระวายอยู่ในใจ

“ท่านอยากจะบอกว่าแม่นมเก๋อถูกจับตัวไป ดังนั้นท่านจึงไม่รู้ว่ายังอยู่ที่ดินแดนเหมิงหรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้มากว่านาง… ยังอยู่ที่ดินแดนเหมิงใช่หรือไม่?” อวี้ชิงลั่วไม่มั่นใจนักว่านางตั้งใจจะสื่อเช่นนี้หรือไม่

นางชี้ไปยังกระดาษ จากนั้นก็ชี้ไปด้านนอก จากนั้นก็ชี้เข้ามาด้านใน มีข้อมูลมากเกินไปแล้ว ยากเกินกว่าที่นางจะคาดเดาได้

คิดไม่ถึงว่าหญิงรับใช้จะพยักหน้าอย่างแรง สีหน้าดูมีความสุข ถอนหายใจออกมาหลายครั้ง

อวี้ชิงลั่วกัดริมฝีปาก นางเองก็เดาว่าแม่นมเก๋อน่าจะยังอยู่ที่ดินแดนเหมิง หากแม่นมเก๋อถูกจับที่ดินแดนเหมิง เช่นนั้นคนที่จับนางจะต้องเป็นคนดินแดนเหมิงเช่นกัน คนดินแดนเหมิงส่วนใหญ่ไม่ออกจากเมือง อีกอย่างที่นี่ก็คือเขตแดนของพวกเขา เช่นนั้นก็ไม่น่าจะพาออกไปที่อื่น

แต่แปลกมาก พวกเขาจับแม่นมเก๋อไปทำไม? แม่นมเก๋อมีความลับอันใดซ่อนอยู่?

หญิงรับใช้ผู้นั้นเห็นนางครุ่นคิดเงียบๆ ก็หยุดไป จากนั้นก็จับมือนาง แล้วเริ่มแสดงท่าทางอีกครั้ง

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว สงบลง เริ่มเดาออกว่านางต้องการจะสื่ออันใด

“ท่านจะบอกว่า ท่านเป็นห่วงแม่นมเก๋อมากใช่หรือไม่?”

หญิงรับใช้พยักหน้า

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ “ข้าเองก็กังวล ข้าตามหาตัวนางมานานแล้ว ตอนนี้มารู้ว่านางถูกจับก็ยิ่งวุ่นวายใจ ท่านคงไม่รู้ว่าแม่นมเก๋อสำคัญกับข้ามาก เหมือนกับเป็นมารดาของข้าอย่างไรอย่างนั้น หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับนาง ข้าจะไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายนางไปแน่”

หญิงรับใช้แสดงรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า พยักหน้า

อวี้ชิงลั่วลงจากเตียงหินแล้วดื่มยา ตอนนี้นางรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว ก่อนจ้องมองห้องลับที่ถูกปิดสนิท คิ้วแทบจะขมวดเป็นปม

นางต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อย่าว่าแต่เย่ซิวตู๋และหนานหนานที่อยู่ข้างนอกนั่นจะต้องกระวนกระวายใจมากเลย เรื่องที่แม่นมเก๋อถูกจับก็ทำให้นางไม่สบายใจอย่างมากแล้ว เกรงว่านางจะต้องเจอเรื่องไม่ดี

อวี้ชิงลั่วหันหน้าขวับมองไปยังหญิงรับใช้ผู้นั้น ถามเสียงเบา “ท่านช่วยส่งจดหมายให้คนข้างนอกแทนข้าได้หรือไม่?”

หญิงรับใช้อึ้งงัน จากนั้นสีหน้าก็ดูลำบากใจ ส่ายหน้าด้วยสีหน้าจนปัญญา ชี้นิ้วไปยังห้องลับ จากนั้นก็ส่ายหน้าอีกครั้ง

“ท่านเองก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรือ?” อวี้ชิงลั่วสงสัย

หญิงรับใช้พยักหน้าอย่างจนปัญญาเล็กน้อย นางเองก็ช่วยอันใดไม่ได้มาก

จริงๆ แล้วที่เหมิงพั่วให้นางมาคอยรับใช้อวี้ชิงลั่ว ก็เพราะนางเป็นใบ้ พูดไม่ได้ ทั้งยังอ่านหนังสือไม่ออก และเป็นเพราะหน้าตาของนางอัปลักษณ์ ไร้ญาติขาดมิตร ผู้อื่นจึงไม่เข้าใจนาง ทั้งยังไม่ต้องการจะสื่อสารกับนางมากนัก

เมื่อเทียบกับสาวใช้คนอื่นๆ ที่ฉลาดเฉลียว เห็นได้ชัดว่านางเหมาะสมที่สุดที่จะมารับใช้คนที่ถูกขังอยู่ที่นี่

สาเหตุที่นางกังวลเกี่ยวกับแม่นมเก๋ออย่างมาก ก็เพราะแม่นมเก๋อเป็นคนแรกที่ไม่รังเกียจรูปร่างหน้าตาของนาง และอดทนเดาสิ่งที่นางพยายามจะทำและสื่อสาร ดังนั้นนางจึงรู้จักอวี้ชิงลั่ว รู้จักหนานหนาน เมื่อเห็นนาง ก็เหมือนกับเห็นความหวัง

อวี้ชิงลั่วเคร่งเครียดอย่างมาก เหมิงพั่วผู้นี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ นี่ไม่เท่ากับว่าเขาขังคนถึงสองคนหรอกหรือ?

นางเดินไปมาอยู่ในห้อง คิดอยู่นานก็คิดแผนที่เข้าท่าไม่ออก หลังจากครุ่นคิดไปนาน ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง นางกัดฟันแล้วกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

หญิงรับใช้นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ และเฝ้าดูนาง เห็นว่านางเจ็บปวดมากก็ทำได้เพียงป้อนน้ำให้นางเท่านั้น

ถึงเวลาอาหารเย็น อวี้ชิงลั่วไม่ได้กินอันใดมากนัก เหมิงพั่วเห็นท่าทางของนาง เดิมทีก็คิดจะไม่ให้นางกินอาหารเย็น

ตอนนั้นอวี้ชิงลั่วจ้องมองเขาเขม็งแล้วกล่าว “ข้ากินเข้าไปก็อาเจียนออกหมด ตอนนี้ท้องว่างแล้ว เจ้ายังจะไม่ให้ข้ากินอีกหรือ?”

หากกล่าวเช่นนั้นก็เหมือนกับว่าเขาปฏิบัติต่อนางไม่ดีมาตลอด เหมิงพั่วไร้หนทาง ทำได้เพียงให้คนไปต้มโจ๊กให้นางกิน ครั้งนี้เขาเริ่มจำกัดของที่นางกินแล้ว

อวี้ชิงลั่วเองก็ไม่สนใจ อย่างไรเสียจุดประสงค์ของนางก็บรรลุแล้ว เช่นนั้นก็ต้องหยุดทำร้ายตัวเอง ไม่อย่างนั้นนางคงจะรับไม่ไหว

ตอนนี้ยังคิดอยู่ว่าจะออกไปจากสถานที่บ้าๆ นี้ได้อย่างไร ขณะคิด ก็มีสิ่งมีชีวิตตัวอ้วนไต่เข้ามาทางประตูหิน

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมองดู รอจนเหมิงพั่วและหญิงรับใช้ออกไปแล้ว ก็นำต้าไป๋เหอขึ้นมาไว้บนโต๊ะ นำผักที่เตรียมไว้ก่อนนี้มาวางไว้บนตัวมัน

ในตอนกลางคืน หญิงรับใช้เข้ามาคอยปรนนิบัตินาง เมื่อเปิดประตูหิน ต้าไป๋เหอก็นำข้อความบอกว่าปลอดภัยไต่ออกไปอีกครั้ง

ในใจอวี้ชิงลั่วยังเป็นกังวลเรื่องเย่ซิวตู๋และหนานหนาน จนแทบจะกลิ้งไปมาบนเตียงและไม่ได้นอนจนถึงเช้า

ตอนเช้าหญิงรับใช้ตื่นขึ้นมาเห็นท่าทางเฉื่อยชาของนาง ก็เข้าใจว่านางไม่สบายตัว จึงออกไปแจ้งเหมิงพั่ว อยากให้เขานำยามาอีก

สองสามวันนี้เหมิงพั่วเริ่มยุ่งแล้ว จึงรู้สึกเหลือทนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจเมินเฉยต่ออวี้ชิงลั่วได้ ทำได้เพียงให้ผู้อารักขาไปนำยามาให้

หญิงรับใช้เห็นว่าเหมิงพั่วออกไปอย่างรวดเร็ว นางก็รีบวิ่งเหมือนกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนเข้ามาในห้องลับเพื่อบอกอวี้ชิงลั่ว

ที่แท้การกินอาหารมื้อเที่ยงนี้มีผู้อารักขาสีหน้าไร้อารมณ์ที่มาคอยจับตาดูนางกินข้าว อวี้ชิงลั่วหรี่ตามองเขา คุยกับเขาไม่กี่ประโยค ผู้อารักขาผู้นั้นกลับไม่กล่าวอันใดแม้แต่น้อย เงียบเสียยิ่งกว่าคนเป็นใบ้

เพียงแต่ว่าผู้อารักขาผู้นั้นยังไม่เก่งเท่าเหมิงพั่ว อวี้ชิงลั่วยั่วยุเขาไม่กี่ประโยค สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หันหน้าไปไม่มองนางอีก

เมื่ออวี้ชิงลั่วกินเสร็จ ก็รีบเก็บสำรับแล้วออกไปจากห้องลับ

ตอนนั้นอวี้ชิงลั่วหรี่ตา พึมพำเสียงเบา “แม้ผู้อารักขาผู้นั้นจะไม่กล่าวอันใด แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับมือยากเท่าเหมิงพั่ว”

เหมิงพั่วไม่อยู่ ไม่ได้มาห้องลับเพื่อเฝ้าดูนาง นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ส่งมา ให้ดีที่สุดก็จะต้องใช้โอกาสนี้หนีไปจากที่นี่

แต่ปัญหาคือหญิงรับใช้ไม่สามารถออกไปได้ ที่ข้อเท้านางเองก็ถูกล่ามด้วยโซ่ไว้ที่มุมห้อง หากอยากจะหนีคงไม่ง่ายอย่างที่ปากว่า

นางเริ่มกังวลอีกครั้ง ตนไม่มีของอันใดติดกายเลย ผู้อารักขาผู้นั้นก็ไม่มีทางปลดกุญแจให้นาง

อวี้ชิงลั่วตกอยู่ในความกังวลที่ไม่สิ้นสุดอีกครั้ง จนกระทั่งตอนดึก นางเห็นอาหารตรงหน้าแล้วก็มีแววตาเป็นประกายขึ้นมา

ทันใดนั้นก็หันหน้าไปมองผู้อารักขาด้านข้าง แล้วกล่าว “มีเรื่องอยากจะรบกวนท่านหน่อยได้หรือไม่?”

ผู้อารักขาขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบอันใด

“ท่านก็รู้… หญิงสาวมักจะมีวันที่ไม่สบายเช่นนี้อยู่เสมอ ใช่หรือไม่?” อวี้ชิงลั่วกระแอมเล็กน้อย ดูค่อนข้างละอาย แม้เปลี่ยนเป็นยุคปัจจุบัน การกล่าวเรื่องเช่นนี้กับชายแปลกหน้าก็ยังเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจมาก

เพียงแต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ทำได้เพียงปฏิบัติเป็นพิเศษกับเรื่องที่พิเศษเท่านั้น เทียบกับเรื่องนี้แล้ว การออกจากห้องลับนับว่าสำคัญกว่า

แน่นอนว่าเมื่อผู้อารักขาได้ยินคำนี้ แม้จะพยายามอดกลั้นเพียงใด ก็ไม่อาจสะกดสีหน้าไว้ไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีแดงได้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทางสะดวกแล้วชิงลั่ว ถึงเวลาชิ่งหนีออกจากคุกแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *