อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 796 เสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 796 เสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 796 เสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ

ตอนที่ 796 เสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ

ไป๋อีเฟิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ไล่ตามหนานหนานที่กำลังวิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ “เฮ้ เจ้าจะไปไหน?”

นั่นไม่ใช่ทิศทางของเรือนใหญ่

“ไปหาท่านพ่อ” หนานหนานไม่หันกลับมา ยามรู้ว่าตอนนี้ท่านแม่ของเขาปลอดภัยแล้ว เขาจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก และจะไปบอกข่าวดีแก่ท่านพ่อของเขา เพราะท่านพ่อเป็นห่วงท่านแม่มากกว่าที่เขาเป็นอยู่เสียอีก

หลายวันมานี้เขาต้องนอนกับท่านพ่อ บ่อยครั้งเมื่อตื่นกลางดึก เขาก็จะเห็นท่านพ่อนั่งมองแสงจันทร์ข้างนอกอยู่บนตั่ง ขณะถือปิ่นปักผมของท่านแม่อยู่ในมือ

เมื่อดวงตาของหนานหนานเห็นเย่ซิวตู๋เป็นเช่นนี้ มันก็กระทบจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง ทำให้หนานหนานน้อยรู้สึกเศร้ามาก

ดังนั้นเขาจึงอยากให้ท่านพ่อสบายใจเมื่อรู้ว่าท่านแม่สบายดี เพื่อให้ท่านพ่อตามหามือสังหารที่ฆ่าท่านตาทวดได้อย่างเต็มที่ และจัดการกับพวกเขาได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ

ท่านพ่อเดาว่าคนที่สังหารท่านตาทวดอาจเป็นกลุ่มเดียวกับที่จับท่านแม่ไป ท้ายที่สุดระยะเวลาที่ท่านแม่หายตัวไปและท่านตาทวดถูกลอบสังหารก็ต่างกันเพียงครึ่งวันเท่านั้น ดังนั้นท่านพ่อจึงพยายามค้นหาตัวมือสังหารอย่างมุ่งมั่น เขาเองก็หวังว่าจะพบมือสังหารในไม่ช้าและได้ล้างแค้นให้ท่านตาทวด แต่ก็กลัวว่าหลังจากได้เบาะแสเพิ่มเติม ท่านแม่จะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง

ดังนั้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา แม้ท่านพ่อจะทำงานหนัก แต่เขาก็มีหลักการและไม่ได้ลงมืออุกอาจมากเกินไป

“ไปหาท่านพ่อหรือ?” ไป๋อีเฟิงตกตะลึง จากนั้นตบต้นขาของตน แล้ววิ่งไปอีกสองสามก้าว “เฮ้ หนานหนาน ช้าลงหน่อย ข้ามีรถม้า นั่งรถม้าไปกันเถิด”

ในใจของหนานหนานเต็มไปด้วยความคิดยุ่งเหยิง แต่ด้วยคำพูดของไป๋อีเฟิงเมื่อสักครู่นี้ ความคิดเหล่านั้นจึงหยุดชะงัก

เขาหยุดทันที แล้วรีบหันหน้ามามองไป๋อีเฟิงด้วยสายตาขุ่นเคือง “ท่านอาไป๋ เหตุใดท่านไม่บอกตั้งแต่แรก ขาสั้น ๆ ของข้าแทบจะหักอยู่แล้ว”

“…” เขาเริ่มทำหน้าตาใสซื่อขณะพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว เจ้าเด็กนี่ ระยะทางสั้น ๆ เช่นนี้จะทำอะไรขาเขาได้? เมื่อเขาใช้เคล็ดวิชาฝ่าเท้าสกุลลู่ มันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และเห็นได้ชัดว่าเขาวิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรเลย ทำให้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นด้วยความตกใจแล้ว

ไป๋อีเฟิงกระแอมเบา ๆ ขณะบอกตัวเองว่าอย่าโต้เถียงกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กประหลาดอย่างหนานหนานที่การพูดและการกระทำทำขัดต่อสามัญสำนึกอย่างสิ้นเชิง ท้องของมหาเสนาบดีเช่นเขาสามารถบรรจุเรือได้*…ดังนั้นไม่ต้องโต้เถียง

* ท้องของมหาเสนาบดีสามารถบรรจุเรือ (宰相肚里能撑船) หมายถึง ใจกว้าง มีเมตตาต่อผู้อื่น

ใช่แล้ว เขาไม่มีวันยอมรับว่าเป็นเพราะต้องการอ่านเนื้อหาในจดหมายนั้น ใช่แล้ว จะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด

ไป๋อีเฟิงเรียกคนขับรถม้ามา แล้วประคองปีกเด็กน้อยอุ้มเขาขึ้นทันที

หนานหนานปีนขึ้นไปบนรถม้าแล้วนั่งลง ทว่าเมื่อไป๋อีเฟิงตามขึ้นมา เขาก็หยุดชะงักไปและลุกจากที่นั่งทันที

ไป๋อีเฟิงรู้สึกสับสนกับการกระทำของเขา “เกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าต้องให้คนส่งข้อความไปถึงน้องอวี้ ไม่เช่นนั้นหากข้าออกไปเช่นนี้ น้องอวี้อาจคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับข้า ท่านอาไป๋โปรดรอสักครู่ขอรับ”

เมื่อพูดจบ หนานหนานก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างรถม้า และสายเกินไปที่ไป๋อีเฟิงจะจับไว้ได้ทัน

เมื่อมองไปยังฝ่ามือที่ว่างเปล่า ไป๋อีเฟิงหรี่ตาและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ วรยุทธ์ของเจ้าตัวเล็กนี่พัฒนาขึ้นมาก

ไป๋อีเฟิงส่ายหน้า หลังจากนั้นไม่นาน หนานหนานก็กระโดดขึ้นมาทางประตูรถม้า ร่างเล็ก ๆ อันปราดเปรียวขยับตัวว่องไว จนมุมปากของไป๋อีเฟิงกระตุก

รถม้ามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลหมิงอย่างรวดเร็ว ไป๋อีเฟิงเอนกายเข้าหาหนานหนานอย่างระมัดระวัง ใช้มือลูบแก้มสีชมพูนุ่มนิ่ม แล้วยิ้มอย่างเอาใจ “หนานหนาน ท่านแม่ของเจ้าเขียนอะไรในจดหมายนั้น?”

“ไม่รู้สิขอรับ” หนานหนานตอบ เขายังไม่มีเวลาอ่านอย่างละเอียด

ไป๋อีเฟิงพิงตัวเขาอีกครั้ง หนานหนานรู้สึกว่าวันนี้ท่านอาไป๋นั่งแนบชิดตัวติดกับเขามาก เขาร้อนจนแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว

เขาขยับตัวไปด้านข้างทันที ใครจะรู้ว่าไป๋อีเฟิงจะรีบคว้าตัวเขาไว้ หลังจากที่เขาขยับเพียงเล็กน้อย

“หนานหนาน เหตุใดเราไม่หยิบจดหมายออกมาอ่านเล่า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านอาไป๋เป็นห่วงแม่ของเจ้ามาก จึงอยากรู้ว่านางเป็นอย่างไรบ้าง มา มา มาอ่านกันเลยดีกว่า”

หนานหนานรีบปกป้องจดหมายในอ้อมแขน ขณะจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโต แล้วส่ายหน้าอย่างหวาดระแวง “ไม่ได้!!”

“ทำไมถึงไม่ได้เล่า?” เจ้าตัวเล็กนี่จัดการยากเกินไปแล้ว

หนานหนานชี้ไปที่ตัวอักษรห้าตัวบนซองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านอาไป๋อ่านไม่ออกหรือขอรับ? แม่ของข้าเขียนไว้ชัดเจนมาก หากท่านอ่านไม่ออก ข้าจะอ่านให้ท่านฟัง ตัวอักษรห้าตัวตรงนี้เขียนไว้ว่า ‘เย่ซิวตู๋เท่านั้น’ เย่ซิวตู๋เป็นชื่อพ่อข้า ซึ่งหมายความว่าให้ท่านพ่อเปิดซองดูด้วยตัวเองเท่านั้น”

“…” เหลวไหล แน่นอนว่าเขารู้ว่าประโยค ‘เย่ซิวตู๋เท่านั้น’ หมายถึงอะไร ไป๋อีเฟิงคิดด้วยความโกรธจัด เขามองหนานหนานด้วยสายตาชั่วร้าย แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงฉีกมันออกอ่านก่อนเล่า?“

“ตอนแรกท่านพูดด้วยความกระวนกระวายไม่ใช่หรือว่าแม่ของข้าเขียนจดหมาย? ข้าจึงไม่ทันได้สนใจไปชั่วขณะหนึ่ง และคิดว่าเป็นจดหมายที่แม่มอบให้ท่านเพื่อส่งให้ข้า ต่อมาเมื่อข้าเห็นคำเหล่านี้ที่หน้าซอง ข้าก็หยุดอ่านทันที ที่พูดมาทั้งหมดมันเป็นความผิดของท่านนั่นแหละ ท่านอาไป๋ ท่านทำให้ข้าเข้าใจผิด ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ฉีกซองจดหมายหรอก” หนานหนานกะพริบตามองเขาอย่างไร้เดียงสา

ไป๋อีเฟิงแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก สีหน้าของเขาบูดบึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็กัดฟันพูดว่า “เจ้าทำได้ดี เจ้าเก่งมาก”

เขาอยากจะบีบคอเจ้าตัวเล็กนี่จริง ๆ ควรทำอย่างไรดี?

หนานหนานพยักหน้าอย่างพึงพอใจมาก “ท่านอาไป๋ก็ชมกันเกินไปแล้ว อันที่จริงข้าก็แค่คนธรรมดานั่นแหละ แต่คราวหน้าอย่าพูดเช่นนี้อีกเลย ท่านต้องใช้คำพูดที่ไพเราะกว่านี้ในการยกย่องข้า เพื่อทำให้ท่านดูต่างจากคนอื่นบ้าง ไม่เช่นนั้นท่านจะแต่งกลอนให้ข้าก็ได้ ข้าไม่เกี่ยงหรอกขอรับ”

มุมปากของไป๋อีเฟิงกระตุก เขาหันหน้าไปมองทิวทัศน์ภายนอกเงียบ ๆ

ไม่มีใครหนีผลของกรรมชั่วของตนได้พ้น เขาเรียนรู้เป็นบทเรียนแล้วว่าตนไม่สามารถหลอกหนานหนานได้อีก

เขาเสียใจมากที่พบว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย

หนานหนานค่อย ๆ สอดซองจดหมายกลับเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วเก็บมันอย่างระมัดระวัง

รถม้าเงียบลงอีกครั้ง หัวใจของไป๋อีเฟิงแทบกระอักเลือด ช่างมันเถิด ประเดี๋ยวตอนที่เย่ซิวตู๋เปิดอ่าน เขาจะแอบอ่านเอง

ในไม่ช้ารถม้าก็จอดหน้าคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลหมิง หนานหนานแทบรอไม่ไหวที่จะกระโดดออกจากรถม้า แล้วรีบเข้าไปข้างในเร็วปานจรวด

ไป๋อีเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็คว้าตัวหนานหนานกลับมา แล้วกระซิบข้างหูของเขาว่า “เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด ห้ามให้คนอื่นเห็นจดหมายนี้ และอย่าให้คนอื่นรู้ว่าแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน เข้าใจหรือไม่?”

เนื่องจากอวี้ชิงลั่วกระทำสิ่งต่าง ๆ เป็นความลับ ดังนั้นจึงต้องเก็บเป็นความลับ

เพียงแต่ไป๋อีเฟิงไม่รู้ว่าการทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จะทำให้เขารู้สึกเสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ*

*เป็นคำเปรียบเทียบถึงอาการเสียใจอย่างถึงที่สุด จนถึงขนาดที่ทำให้ลำไส้เขียวคล้ำเหมือนลำไส้คนตาย

หนานหนานพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นลดฝีเท้าลง และเริ่มเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง

เมื่อยามเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นเขาก็เพียงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าไป

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านอาไป๋โดนเด็กมันถอนหงอกแล้วไง วงวารรร

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *