อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 810 ว่ากันว่า

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 810 ว่ากันว่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 810 ว่ากันว่า

ตอนที่ 810 ว่ากันว่า

อวี้ชิงลั่วโบกมือให้เย่ซิวตู๋ให้เขาเข้าไปข้างใน

เย่ซิวตู๋มองนางด้วยสายตาไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่านางกำลังร้อนรนกระวนกระวาย เขาก็จำต้องถอยกลับเข้าไปข้างใน และปิดม่านเตียงเพื่อปิดบังเตียงที่ยุ่งเหยิง

อวี้ชิงลั่วสูดหายใจลึก ขยี้ตา แล้วเปิดประตู

เสียงดัง “แอ๊ด” ทำให้เสี่ยวเอ้อที่อยู่หน้าประตูตกตะลึง “แม่ แม่นางอวี้หรือ? ท่านเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใดขอรับ?”

อวี้ชิงลั่วอาศัยอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว เดิมทีนางกำลังจะย้ายออกไปตั้งแต่สองสามวันก่อน แต่ต่อมาก็บอกว่าจะเก็บห้องนี้ไว้และจ่ายค่าเช่าให้

“โอ้ เมื่อคืนเจ้าคงไม่ได้สังเกตเห็นข้า แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหาข้าแต่เช้าเล่า?” นางหาวอีกครั้งและเอนตัวพิงประตูอย่างเกียจคร้าน ดวงตาของนางดูเหมือนจะยังไม่ลืมเต็มที่

มุมปากของเสี่ยวเอ้อกระตุก นี่มันจะสายแล้วไม่ใช่หรือ?

เขาชี้ไปยังองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างเขาด้วยความลำบากใจ แล้วพูดด้วยเสียงเบา “คือว่า… ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้ยืนกรานจะเคาะประตู และบอกว่าเขากำลังตามหาคนอยู่ขอรับ”

“พรืด…” ชายผู้แข็งแกร่งหรือ? อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองไปยังองครักษ์ที่อยู่ข้างหน้านาง เขามีร่างสูงใหญ่จริง และดู… แข็งแกร่งนัก

ใบหน้าขององครักษ์เปลี่ยนเป็นมืดมน แต่เมื่อเขาเห็นอวี้ชิงลั่ว เขาก็ยังคงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “แม่นางอวี้ นายท่านสั่งให้ข้าน้อยมาตามหาท่าน”

อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะของตน “ถึงอย่างนั้นข้าก็สับสนนิดหน่อย ไปกันเถิด กลับไปก็ได้”

ขณะที่นางพูด นางก็สะบัดผมเล็กน้อย จากนั้นปิดประตูเดินออกไปอย่างสบาย ๆ

องครักษ์ขมวดคิ้วและอยากจะถาม แต่ก็ไม่อาจถามได้ เขาเป็นเพียงคนรับใช้ อวี้ชิงลั่วไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เขาฟังว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว

ทำได้เพียงกลับไปดูสถานการณ์ แล้วรายงานเจ้านาย

อวี้ชิงลั่วไม่คิดจะคุยกับเขามากเกินไป นางไม่ได้เข้านอนจนถึงเที่ยงคืนเมื่อคืนนี้ และเช้านี้ก็ถูกเย่ซิวตู๋กระทำชำเราอยู่นาน ตอนนี้นางจึงอ่อนแรงเหนื่อยล้ายิ่งนัก หลังจากเข้าไปในรถม้าแล้ว นางก็พิงขอบรถม้าและหลับตาลงพักผ่อน

หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าก็จอดที่โรงเตี๊ยมไหลฝู

หลังจากที่อวี้ชิงลั่วลงจากรถม้าแล้ว องครักษ์ก็ห้ามไม่ให้นางกลับไปที่ห้อง และพานางไปที่ห้องของซ่างกวนจิ่น “แม่นางอวี้ไม่กลับมาทั้งคืน นายท่านจึงเป็นห่วงมาก ดังนั้นแม่นางควรไปปรากฏตัวเพื่อให้นายท่านสบายใจก่อนขอรับ”

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาแล้วยักไหล่อย่างไม่แยแส ก่อนเคาะห้องของซ่างกวนจิ่น

ซ่างกวนจิ่นเอนหลังพิงหัวเตียง เขาหลับตาและไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้าของเขาจริงจังมาก

เมื่อเห็นนางเดินเข้าประตูมา เขาก็ขมวดคิ้วถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงไปที่โรงเตี๊ยมเดิม?”

“อาจเป็นเพราะช่วงนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป ทำให้ข้ารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ข้าจึงไปโรงเตี๊ยมที่ข้าเคยพักอย่างไม่มีเหตุผล และพวกองครักษ์ของท่านก็ฉลาดพอจะไปตามหาข้าที่โรงเตี๊ยมนั้น” อวี้ชิงลั่วนั่งลงข้างโต๊ะ แล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ซ่างกวนจิ่นก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ สีหน้ามืดมนลง “ไม่ใช่ว่าพวกเขาฉลาดพอ แต่พวกเขาตามหาเจ้าทั้งคืน เมื่อวานเจ้าบอกว่าจะรีบกลับมา แต่พอมืดค่ำแล้วก็ไม่มาให้เห็นแม้แต่เงา ข้าเป็นห่วงมากจึงสั่งให้คนไปตามหาเจ้า เพราะกลัวว่าเจ้าจะถูกคนเหล่านั้นจับตัวไปอีก สุดท้ายก็เจอรถม้าที่เจ้าใช้จอดอยู่ใกล้โรงเตี๊ยม คนขับรถม้าบอกว่าเจ้าไม่ได้กลับมาหลังจากลงจากรถม้าแล้ว และบอกให้เขารออยู่ตรงนั้นก่อน ข้าจึงสั่งให้ทหารทุกคนค้นโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด”

อวี้ชิงลั่วหยุดดื่มชาชั่วขณะ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ช่วงนี้ข้ามีเรื่องต้องคิดมาก จึงอยากจะลงจากรถม้าไปเดินเล่น แต่ข้าลืมไปว่าคนขับรถม้ารออยู่ ข้าเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมแบบไม่มีสติ แล้วเผลอหลับไป”

ซ่างกวนจิ่นหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือ? เจ้าเสียสติไปชั่วขณะตอนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม และเผลอหลับไปงั้นหรือ? อวี้ชิงลั่ว เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายเกินไป เจ้าไปเจอใครที่โรงเตี๊ยมมาหรือเปล่า? เย่ซิวตู๋หรือ? ข้าไม่คิดว่าเขาจะเต็มใจให้เจ้ากลับมาอีก”

อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าสถานะอุปราชของซ่างกวนจิ่นนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ การคาดเดาดังกล่าวแม่นยำยิ่งนัก

นางวางถ้วยชาในมือลง แล้วหันหน้าไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ไม่ใช่ว่าข้าคิดว่าท่านหลอกง่ายเกินไป แต่ท่านเป็นคนคิดซับซ้อนเกินไป เฮ้อ บุรุษอย่างพวกท่านเป็นเช่นนี้กันหมดทุกคนเลยหรือ? หรือเป็นเรื่องปกติของคนสถานะสูงส่งเช่นท่าน? ชอบหวาดระแวง คิดมากไปต่าง ๆ นานา คิดซับซ้อนวุ่นวายไปหมดเลยหรือ? เป็นเรื่องปกติหากสตรีจะคิดฟุ้งซ่านภายในไม่กี่ชั่วยาม แล้วเหตุใดจะเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างไม่มีสติไม่ได้? ข้าฟุ้งซ่านเพราะต้องห่างจากลูก เรื่องนี้แปลกตรงไหนกัน”

“เจ้า……”

อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ถ้าท่านยังไม่เชื่อข้า ก็ไม่เป็นอะไรหากจะจินตนาการว่าข้าไปหาเย่ซิวตู๋” หลังจากที่นางพูดจบ นางก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

แต่เมื่อนางเดินออกประตูไปแล้ว จู่ ๆ นางก็หันหน้ามาพูดว่า “พบโรงเตี๊ยมแล้ว ท่านควรจัดการสัมภาระของท่านได้แล้ว ออกจากที่นี่โดยไม่ชักช้าจะดีกว่า”

ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของนาง ประตูก็ปิดลง

ซ่างกวนจิ่นหรี่ตาจ้องมองไปยังประตูที่ปิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอนกายพิงหัวเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน

เมื่อคืนนางไม่กลับมาทั้งคืน เขาจึงนอนไม่หลับทั้งคืน ซึ่งร่างกายของเขาบอบช้ำอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเหนื่อยมาก

องครักษ์คนก่อนเข้ามาอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางของซ่างกวนจิ่น เขาก็ยิ่งไม่พอใจอวี้ชิงลั่วมากขึ้น “นายท่าน ท่านต้องการพักผ่อนก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่ล่ะ ขนของขึ้นเกวียนแล้วไปกันเลย”

“… พ่ะย่ะค่ะ”

หนึ่งก้านธูปต่อมา อวี้ชิงลั่วก็ปรากฏตัวที่ประตูห้องของเขาอีกครั้ง หลังจากเคาะประตูสองครั้งแล้ว นางก็ลงไปทำการคืนห้อง

มีเพียงเกวียนเทียมม้าเท่านั้นที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายสัมภาระ อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ในรถม้า หลังจากตรวจอาการของซ่างกวนจิ่นแล้ว นางก็บอกเขาว่า “ท่านยังไม่หายดี ดังนั้นนอนตรงนี้เถิด”

“อืม” ซ่างกวนจิ่นรู้สึกเหนื่อยล้ามากจริง ๆ การโยกไปมาของรถม้าทำให้เขาอึดอัด จะดีกว่าถ้าเขาหลับตาลง

หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าก็มาจอดที่หน้าโรงเตี๊ยมห่างไกลทางทิศตะวันตกของเมือง

องครักษ์ที่ติดตามมาตลอดทางมองไปยังถนนตรงหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนจอแจด้วยความประหลาดใจ และไม่อยากจะเชื่อว่าชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาก็คิดว่าอวี้ชิงลั่วน่าจะหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เหตุใดจึงอยู่กลางเมืองเช่นนี้?

อวี้ชิงลั่วสวมหมวกผ้าโปร่ง แล้วกระโดดลงจากรถม้า

ซ่างกวนจิ่นได้รับบาดเจ็บ องครักษ์หลายคนจึงต้องคอยให้ความช่วยเหลือ

เมื่อเห็นโรงเตี๊ยมตรงหน้า เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เม้มปากอย่างใจเย็น และถูกประคองให้เดินเข้าไปข้างใน

เถ้าแก่ออกมาต้อนรับทันที และรีบเปิดทางให้เข้าไป

อวี้ชิงลั่วเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเดินไปข้างซ่างกวนจิ่น แล้วก้มหน้าเดินเข้าไปข้างใน

ทว่าทันทีที่ทุกคนเดินไปถึงห้องโถง พวกเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่กำลังกินข้าว พูดคุยกันอยู่ที่มุมห้อง

“ว่ากันว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงกำลังจะฟื้น”

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง ขณะเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หยุด

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ข่าวลือมาอีกข่าวแล้ว แผนล่องูออกจาถ้ำจะได้ผลไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *