อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 853 เสี่ยวไป๋เหอมาแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 853 เสี่ยวไป๋เหอมาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 853 เสี่ยวไป๋เหอมาแล้ว

ตอนที่ 853 เสี่ยวไป๋เหอมาแล้ว

ผู้อาวุโสสกุลเยว่และผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงที่อยู่ด้านข้างล้วนรู้สึกแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นไม่สู้ดีอย่างมาก

“คิดไม่ถึงจริงๆ ผู้อาวุโสสกุลปู้และผู้อาวุโสสกุลเซิงก็เป็นคนของพวกเขาเช่นกัน การช่วยเหลือทรราชเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องตายด้วยน้ำมือข้า”

“นั่นสิ โชคดีเพียงใดแล้วที่ท่านประมุขเชื่อใจพวกเขา ที่ดินแดนเหมิงนี้ให้คนที่มีปานรูปดอกไม้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง เป็นกฎที่บรรพบุรุษตั้งเอาไว้ พวกเขามีสิทธิ์ใดมาเปลี่ยนกัน?”

“คนที่ยิ่งเสียสติไปกว่านั้นก็คือเหมิงจื้อเฉิง ผู้อาวุโสสกุลหมิงเป็นบิดาแท้ๆ ของเขา เขาทำลงได้อย่างไร ไม่แปลกเลย ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงจะถูกหลอก ใครจะระแวดระวังบุตรชายของตนกันเล่า ช่างสารเลวเสียจริงๆ สัตว์เดรัจฉานๆๆ”

ทั้งสองคนยิ่งด่าทอก็ยิ่งติดเป็นนิสัย ในเมื่อไม่สามารถออกไปได้ ก็ต้องพูดระบายออกมาเสียหน่อย

เหมิงผูเซิ่งชำเลืองมองพวกเขาสองคน ถึงแม้จะอยากดุด่าบ้างเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาอยากจะเคลื่อนไหวมากกว่า

ครั้นหันกลับมาเห็นเย่ซิวตู๋และเหมิงลู่ที่ยังสงบนิ่งอยู่ เขาก็เริ่มร้อนรน หันหน้าไปถามพวกเขา “พวกเจ้าจะมัวนั่งอยู่ถึงตอนไหนกัน ควรลงมือได้แล้วกระมัง?”

“ผู้อาวุโสสกุลเซิ่ง เหตุใดท่านก็รีบร้อนเช่นนี้ไปอีกคนเล่า คนที่สำคัญที่สุดยังไม่ปรากฏตัวเสียหน่อย” เย่ซิวตู๋มองเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทางขบขัน

เหมิงผูเซิ่งอัดอั้นตันใจ อยู่ในห้องเล็กๆ เช่นนี้ทำให้เขาอึดอัดมาก

ไอ้พวกที่สารเลวกว่าสัตว์เดรัจฉานพวกนั้น ไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้อาวุโสสกุลหมิงเท่านั้น ครั้งก่อนยังทำร้ายเขาด้วย

ตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่าแปลกนัก ตอนนั้นสองคนที่ประมือกับเขาล้วนใช้วรยุทธ์ของดินแดนเหมิง ดูแล้วคุ้นตาอย่างมาก

คำพูดที่พวกเขาใช้ ถึงแม้จะฟังได้ไม่ชัดเท่าไร แต่ก็ดูท่าว่ามีเจตนาจัดการกับเหมิงลู่

เพียงแต่ข้อมูลที่รู้มีไม่มากนัก ทำได้เพียงบอกกล่าวเหมิงลู่และให้เตรียมพร้อมไว้เท่านั้น

แต่อาการบาดเจ็บสาหัสของผู้อาวุโสสกุลหมิงทำให้เขารับมือไม่ทันจริงๆ

เหมิงผูเซิ่งยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ จุกจนพูดไม่ออก หันหน้าหนีแล้วตรงไปที่มุมห้อง

ตรงมุมห้องมีเด็กสามคนนั่งอยู่ เดิมทีราวกับว่ากำลังพูดคุยกัน เมื่อเห็นเขาก็พากันหุบปากในทันที

เหมิงผูเซิ่งเหลือบมองพวกเขาอย่างแปลกใจ “หนานหนาน เจ้ากำลังคิดแผนไร้สาระอันใดอยู่ใช่หรือไม่?”

หนานหนานถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “แผนไร้สาระอันใดกัน? ข้ากำลังคุยเรื่องจริงจังอยู่ต่างหาก ท่านปู่เซิ่ง ท่านอย่าคิดถึงข้าในแง่ร้ายแบบนั้นสิขอรับ”

“คนที่แย่ที่สุดในนี้ก็เป็นเจ้าแล้ว” เหมิงผูเซิ่งชำเลืองมองเขาอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็นั่งลงบนพื้น “เช่นนั้นเจ้าว่ามาสิ พวกเจ้ากำลังคุยเรื่องจริงจังอันใดอยู่?”

“บอกท่านไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” เหมิงหลัวอวี้ตอบตามตรง

เถี่ยชิวเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าตาม ตอนนี้อาการของนางดีขึ้นมากแล้ว ถึงยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มาก แต่นางก็ดูแลตัวเองได้แล้ว

เหมิงผูเซิ่งกระตุกมุมปาก เหตุใดจึงรู้สึกว่าเด็กสองคนนี้อยู่กับหนานหนานนานวันเข้าก็เปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดเช่นนี้

เอาเถิด ในเมื่อพวกเขาไม่พูด เช่นนั้นเขาก็ไม่เค้นถามต่อ

เหมิงผูเซิ่งส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ พิงกำแพงอย่างเกียจคร้าน

พวกหนานหนานสองสามคนมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ช่าง… ไร้ยางอายเกินไปแล้ว

เด็กน้อยสามคนสบตากัน ผ่านไปครู่ใหญ่ หนานหนานก็ลุกขึ้นแล้วกล่าว “เราไปคุยกันทางด้านนั้นเถิด”

ครั้นเขากล่าวจบ เด็กทั้งสามคนก็เริ่มเดินออกไปช้าๆ

“…” คิ้วของเหมิงผูเซิ่งกระตุกยิกๆ รู้สึกว่าการโต้เถียงกับเด็กทั้งสามคนดูเป็นเรื่องขายหน้าเล็กน้อย เช่นนั้นก็ช่างเถิด

เพียงแต่ห้องนี้ก็มีขนาดใหญ่เพียงเท่านี้ พวกหนานหนานเองก็อยู่ห่างไปไม่ไกล ดังนั้นไม่ว่าเสียงของพวกเขาจะเบาเพียงไหน ขอเพียงตั้งใจฟัง เหมิงผูเซิ่งก็พอจะได้ยินอยู่บ้าง

“ดังนั้น ต่อไปเมื่อต่อสู้กัน พวกเจ้าจะต้องอยู่ด้านหลังข้า เข้าใจไหม ข้าจะปกป้องพวกเจ้าให้ดี” น้ำเสียงของหนานหนานนุ่มนวล แต่ก็มีมาดของผู้ใหญ่เจืออยู่ “เรื่องการบุกตะลุยโจมตีข้าศึกเช่นนี้ ก็ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่เป็นผู้จัดการ เราเป็นเพียงเด็ก ก็ต้องซ่อนตัว แต่พวกเจ้าวางใจเถิด ฝีมือข้าน่ะดีมาก การจะปกป้องพวกเจ้านั้นย่อมไม่เป็นปัญหา”

เหมิงหลัวอวี้และเถี่ยชิวเอ๋อร์ทั้งสองคนก็พยักหน้าอย่างจริงจัง

“หนานหนาน พวกเราเชื่อเจ้า พวกเราจะอยู่กับเจ้า จะไม่สร้างปัญหาให้พวกท่านปู่ และถ่วงพวกเขาเป็นแน่”

หนานหนานพยักหน้าอย่างแปลกใจ “ใช่แล้ว นี่คือความคิดและการแสดงออกที่เด็กที่โตแล้วควรจะมี”

เหมิงผูเซิ่งนั่งฟังพร้อมกับเหงื่อตก แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เขานึกว่าด้วยนิสัยของหนานหนานแล้วจะต้องรีบพุ่งเข้าไปฆ่าเหล่าผู้ร้ายโดยไร้ความอดทนเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดได้ว่าต้องซ่อนตัว

อืม ดูท่าเด็กคนนี้คงโตแล้วจริงๆ ไม่ทำตัวหุนหันพลันแล่นเลย

เหมิงผูเซิ่งพอใจเล็กน้อย แต่เขายังไม่ทันได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวชมพวกเขา เสียงของหนานหนานก็แว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง

“นี่เป็นภารกิจสุดท้ายที่ท่านพ่อมอบหมายให้ข้า ข้ารู้ว่าความรับผิดชอบนี้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งท่านพ่อยังบอกเอาไว้ ข้ากับเสี่ยวอวี้ล้วนมีปานรูปดอกไม้ ศัตรูจะต้องมาหาพวกเราก่อนเป็นอันดับแรก และลงมือกับพวกเรา ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงรู้สึกเหมือนว่ามีภาระหนักอึ้งอย่างมากอยู่ที่บ่า”

“หนานหนาน ไหล่เจ้าหนักอึ้งเช่นนั้น เป็นเพราะเหนื่อยมากใช่หรือไม่ ข้าจะนวดให้เอง” เถี่ยชิวเอ๋อร์กล่าวเบาๆ

เหมิงผูเซิ่งที่อยู่ข้างๆ เกือบจะล้มลงกับพื้นเมื่อได้ยิน

เขาแอบปาดน้ำตา ที่แท้เขายังมองในแง่ดีเกินไปจริงๆ ความคิดในใจของหนานหนาน…เขาคิดว่ายังยากนักที่จะเข้าใจ

แต่ก็โชคดีที่เย่ซิวตู๋ยังรู้นิสัยของบุตรชายตนเอง รู้ว่าต้องใช้วิธีใดเพื่อปกป้องเขา

ตอนนี้เด็กๆ เหล่านี้รู้จักวิธีซ่อนแล้ว เช่นนั้นก็แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวล

“ชิวเอ๋อร์ เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ เวลาวิ่งอาจจะยังช้า อีกเดี๋ยวเมื่อเริ่มสู้กันแล้ว เจ้าจะต้องคอยติดตามข้าอย่างใกล้ชิดเข้าใจไหม” หนานหนานเริ่มจัดการกับหน้าที่อย่างจริงจังและระมัดระวังแล้ว “ข้าจะหาที่ซ่อนตัวให้เร็วที่สุด แล้วพาเจ้าไปซ่อนก่อน”

เถี่ยชิวเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”

“น้องอวี้ เจ้าต้องแยกกันซ่อนตัวกับชิวเอ๋อร์นะ ดั่งคำกล่าวที่ว่า กระต่ายที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ได้เตรียมโพรงไว้หลายแห่ง เราจะติดอยู่กับเส้นทางเดียวไม่ได้”

เหมิงผูเซิ่งกระตุกมุมปากพลางส่ายหน้า สำนวนเกี่ยวกับกระต่ายกล่าวไว้เช่นนั้นหรือ?

เขาลุกขึ้นหลังได้ฟังมาพอประมาณแล้ว จากนั้นก็เดินไปหาเหมิงลู่และเย่ซิวตู๋ที่กำลังพูดคุยกันอยู่

ในตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงผู้อาวุโสสกุลลี่ดังเข้ามา “ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยง แม้พวกเจ้าจะไม่สนใจตัวเอง แต่จะไม่สนใจครอบครัวของพวกเจ้าเลยหรือ? ตอนนี้ที่จวนของพวกเจ้าทั้งคู่ถูกล้อมไว้หมดแล้ว ชีวิตของคนในครอบครัวพวกเจ้าล้วนอยู่ในมือของพวกข้า หากมีสติเสียหน่อยก็รีบออกมามอบตัวเถิด ขอเพียงพวกเจ้ากลับเนื้อกลับตัว พวกข้าก็จะยังไว้ชีวิตพวกเจ้าได้”

กลับเนื้อกลับตัวหรือ? ผู้อาวุโสสกุลเยว่และผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงโกรธเสียจนควันแทบขึ้น ไอ้พวกหน้าไม่อายกลับดำให้เป็นขาว

สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในใจคือเสียใจ ที่ไม่ได้ฆ่าเขาเสียแต่แรก

“ท่านประมุข…” ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเป็นกังวลเล็กน้อย เขาไม่เหมือนผู้อาวุโสสกุลเยว่ ผู้อาวุโสสกุลเยว่มีบุตรชายหนึ่งคนและหลานสาวหนึ่งคน ตอนนี้ล้วนอยู่ในห้องนี้

แต่ภรรยาและลูกๆ ของเขานั้นยังอยู่ในจวน เขาเป็นกังวลอย่างมากจริงๆ

เพียงแต่การจะทรยศท่านประมุขนั้น เป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้เป็นอันขาด

เหมิงลู่โบกมือ “ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ปล่อยให้ครอบครัวของเจ้าต้องบาดเจ็บเป็นแน่”

เขาพูดจาอย่างกล้าหาญและดุดันอย่างนี้เสมอ เมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงวางใจขึ้นไม่น้อย

“อ๋า เสี่ยวไป๋เหอนี่นา” ในตอนนั้นเอง เสียงประหลาดใจของหนานหนานก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น้องแมงป่องมาส่งข่าวแล้ว จะลุยแผนต่อไปเลยไหม

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *