อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 86 ข่าวสองเรื่อง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 86 ข่าวสองเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 86 ข่าวสองเรื่อง

อวี้ชิงลั่วรู้สึกสบายใจ จมดิ่งในห้วงนิทราโดยไม่มีใครมารบกวน

ก่อนหน้านี้นางนอนกับหนานหนานมาโดยตลอด เมื่อเวลาเช้ามาถึง เจ้าเด็กบ้านั่นก็จะเริ่มผายลมใต้ผ้าห่มในช่วงเวลาที่แน่นอน เอะอะโวยวายอยากเข้าห้องสุขา ทุกครั้งที่โวยวายนางก็ต้องลุกขึ้นเตะเขาลงไปทั้ง ๆ ที่ยังหาวหวอดอยู่

หลายวันก่อนก็ต้องเดินทางพร้อมกับเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ระหว่างทางมีคนไล่ฆ่าไม่หยุดหย่อน ยังไม่ได้นอนหลับอย่างสุขสบายเลยสักครั้ง

ในที่สุดนางก็ได้อยู่ในห้องที่ทั้งปลอดภัยและสบายสักที เมื่อคืนเจ้าเด็กหนานหนานนั่นกลัวว่าจะถูกนางลงโทษ จึงบอกว่าจะไปนอนคนเดียว เรื่องนี้ทำให้นางแปลกใจนัก

แต่การได้นอนคนเดียวก็สบายมากจริง ๆ นั่นแหละ ด้วยเหตุนี้ตอนที่นางตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างจ้าแล้ว แดดก็แรงเป็นพิเศษด้วย

อาจเป็นเพราะได้ยินการเคลื่อนไหวของนางภายในห้อง สาวใช้ที่อยู่นอกประตูจึงเคาะประตู กระซิบถามเสียงเบาว่า “แม่นางอวี้ ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ? ข้าน้อยตักน้ำมาแล้ว ยกเข้าไปด้านในได้หรือไม่เจ้าคะ?”

สาวใช้และคนรับใช้ที่อยู่ภายในจวนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีน้ำเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง เช้า ๆ ของวันแบบนี้ ได้ยินเสียงเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข และยิ่งทำให้นางชอบที่นี่มากยิ่งขึ้น

“เข้ามาสิ”

สาวใช้ผลักประตูให้เปิดออก เดินถืออ่างล้างหน้าแล้ววางไว้บนชั้นวางด้วยรอยยิ้ม หลังจากใช้ผ้านุ่มชุบน้ำให้นางแล้ว จึงยื่นออกมาด้วยมือของข้าง

อวี้ชิงลั่วรับผ้านุ่มมาวางไว้บนใบหน้า ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ จะมีเสียงเคาะประตูเบา ๆ จากข้างนอก ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงคมชัดและละเอียดอ่อนแฝงด้วยรอยยิ้มของจินหลิวหลีที่ดังขึ้น “เจ้าช่างตื่นเช้าจริง ๆ นี่ใกล้จะเที่ยงแล้ว ไม่มีความเป็นกุลสตรีแม้แต่น้อย”

อวี้ชิงลั่ววางผ้าเช็ดหน้าลง เหลือบมองนางปราดหนึ่ง “เจ้าของที่นี่ยังไม่มาสนใจข้าเลย เจ้าจะพูดมากขนาดนั้นไปเพื่ออะไร?”

ระหว่างที่พูด นางก็ส่งสัญญาณให้สาวใช้ออกไปก่อน

จินหลิวหลีเห็นท่าทางของนาง ก็อดแอบหัวเราะไม่ได้ ตอนนี้นางเป็นเจ้าบ้านครึ่งหนึ่งของจวนแห่งนี้แล้ว ยังจะมีใครกล้ามาสนใจนางอีก? ไม่เห็นหรืออย่างไรกันว่าสาวใช้และคนรับใช้เหล่านี้ต่างปรนนิบัติด้วยความใส่ใจขนาดนี้?

ครั้นอีกฝ่ายออกไปแล้ว จินหลิวหลีก็รีบปิดประตูห้อง นั่งข้างโต๊ะด้วยท่าทางมีลับลมคมใน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ในมือของข้ามีข่าวสองเรื่อง อยากฟังเรื่องไหนก่อนดี?”

อวี้ชิงลั่วชะงัก “ได้ข่าวเรื่องแม่นมเก๋อแล้วหรือ?”

“…” จินหลิวหลีมุมปากกระตุกวูบ นางยักไหล่ด้วยความเสียดาย “ยังไม่มี”

อวี้ชิงลั่วได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะเบือนสายตาออกไปอย่างสบาย ๆ ท่าทางดูไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก “หากไม่ใช่ข่าวเรื่องแม่นมเก๋อแล้วยังมีเรื่องอะไรให้น่าสนใจอีก”

จินหลิวหลีขบฟันแน่น นังเด็กคนนี้ช่วยให้ความร่วมมือกับนางสักหน่อยไม่ได้เชียวหรือ? “มีข่าวมาสองเรื่อง เจ้าอยากฟังเรื่องไหนก่อน?”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มโมโหแล้ว อวี้ชิงลั่วจึงค่อย ๆ จิบน้ำชาหนึ่งคำ กล่าวว่า “เอาเรื่องที่ข้าค่อนข้างสนใจก่อนแล้วกัน”

ค่อนข้างสนใจ?

จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น ใช้สมองคิดครู่หนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มออกมา นางยื่นมือออกไปลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ กระซิบว่า “เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้าประตูจวน ข้าได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนส่งเสียงโวยวายอยู่ ข้าก็เลยชะโงกหน้าไปดู ถึงได้พบว่ามีสาวน้อยอายุราว ๆ 15-16 กำลังยืนด้วยท่าทางเย่อหยิ่งอยู่ตรงนั้น โวยวายอยากเจอเย่ซิวตู๋ให้ได้”

นางพูดมาถึงครึ่งหนึ่ง ก็จงใจชะงักเพื่อดูสีหน้าของอวี้ชิงลั่ว ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับยังคงทำท่าทางเกียจคร้านมิได้มีอารมณ์แปรปรวนแต่อย่างใด จึงแอบรู้สึกผิดหวัง

“สตรีผู้นั้นบอกว่านางคือคู่หมั้นของเย่ซิวตู๋ด้วยนะ”

มือของอวี้ชิงลั่วที่กำลังถือแก้วชาหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงดำเนินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น ในที่สุดก็ได้เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบที่ทำให้นางค่อนข้างพึงพอใจแล้ว

“แล้วอีกเรื่องหนึ่งเล่า?” อวี้ชิงลั่วจ้องมองอีกฝ่าย วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ

“อ๋อ อีกเรื่องหนึ่งรึ” จินหลิวหลียักไหล่ ตอนนี้น้ำเสียงที่พูดกลับเป็นการพูดแบบลวก ๆ “อีกเรื่องหนึ่งเป็นข่าวที่ข้าได้มาตอนที่ออกไปข้างนอกเมื่อเช้า ฝีมือของเจ้าที่โรงหมอซิ่งเซิงเมื่อวานนี้ ประกอบกับที่เจียงอวิ๋นเซิงสั่งให้คนไปทำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ตอนนี้ถนนของทั้งเมืองหลวงมีข่าวเกี่ยวกับเจ้าจนโกลาหลไปหมดแล้ว”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เรื่องนี้นางก็พอจะทราบแล้ว

“ไม่ได้มีแค่ถนนตรอกซอยที่กำลังพูดถึง ตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็แอบสอบถามเกี่ยวกับตัวตนของเจ้าอยู่ด้วย โดยเฉพาะ…ตระกูลอวี๋ อวี๋จั้วหลิน” จินหลิวหลีกะพริบตา กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “วันนี้อวี๋จั้วหลินเดินทางไปที่โรงหมอซิ่งเซิงตั้งแต่เช้า ข้าเดาว่าเขาคงพอจะเดาถึงตัวตนของเจ้าได้แล้ว ถึงอย่างไรสตรีที่มีทักษะทางการแพทย์ดีเยี่ยมและเป็นดรุณีผู้งดงาม ทั้งยังเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ก็ต้องเป็นหมอปีศาจที่รับปากว่าไว้ตอนแรกว่าจะมารักษาโรคให้ ‘น้องสาว’ ของเขามิใช่หรือ?”

“ตอนนี้เขายังอยู่ที่โรงหมอซิ่งเซิงหรือ?” ดวงตาของอวี้ชิงลั่วเป็นประกาย

จินหลิวหลีพยักหน้า “อยู่ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ใด จึงทำได้เพียงแค่ให้คนไปถามโรงเตี๊ยมไปพลาง และนั่งเฝ้าอยู่ที่โรงหมอซิ่งเซิงไปพลาง เพื่อดูว่าเจ้าจะปรากฏตัวที่นั่นหรือไม่”

“เยี่ยมมาก” อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากเบา ๆ นางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างฉับพลัน ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มุ่งร้าย “นี่ต่างหากล่ะข่าวนั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกสนใจยิ่งกว่า หลิวหลี ไปโรงหมอซิ่งเซิง”

จินหลิวหลียังมิทันได้วางแก้วชาในมือ นางลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ “ตอนนี้?”

นางเพิ่งกลับมานั่งดื่มน้ำชา เก้าอี้ยังไม่ทันอุ่นเลย

“แน่นอน หากรอให้อวี๋จั้วหลินกลับไป สิ่งที่เราทำไปเมื่อวานมิเท่ากับสูญเปล่าทั้งหมดหรือ?” ที่นางรักษาสองคนนั้นอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งเมื่อวานนี้ นอกจากปูทางให้ตนเองได้รับผลประโยชน์แล้ว ก็เพื่อให้อวี๋จั้วหลินทราบว่า นาง…หมอปีศาจ…ได้มาถึงเมืองหลวงแล้ว

จินหลิวหลีมุมปากกระตุกวูบ นางลุกขึ้นยืนอย่างยอมจำนน แอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ เป็นบาปที่เกิดขึ้นจากตัวเองจริง ๆ อยู่ดีมิว่าดีจะตามนางมาที่เมืองหลวงทำไมกัน ช่วยวิ่งเต้นให้นางยังพอทน แต่กลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

นางขบฟันแน่นใส่เงาแผ่นหลังของอวี้ชิงลั่ว ขยับเท้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าเดินตาม

ทั้งคู่คนหนึ่งเดินนำอีกคนเดินตามออกจากลาน เพื่อมุ่งตรงไปยังประตูใหญ่

เพียงแต่ถนนเส้นนี้แปลกประหลาดมาก ปกติที่นี่จะมีสาวใช้และคนรับใช้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองทำงานอยู่ภายในจวน บัดนี้กลับไม่มีใครเลย เงียบสงบราวกับทั้งจวนเป็นเปลือกที่ว่างเปล่า

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ทว่าเท้าของนางกลับมิได้หยุดลง ยังคงก้าวเดินไปที่ด้านหน้าประตูใหญ่ด้วยความรวดเร็ว

ตอนที่ทั้งคู่ยังไม่ทันไปถึงห้องรับรองที่อยู่ด้านหน้า ด้านในนั้นก็มีเสียงต่อว่าแหลมปรี๊ด “พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ข้าต้องการเข้าพบนายท่านของพวกเจ้า”

อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกขึ้น คนผู้นี้ คือคู่หมั้นคนนั้นของเย่ซิวตู๋?

หยิ่งผยองมากจริง ๆ หวังว่านางจะรักษาความหยิ่งผยองได้ตลอด ขอให้ตอนที่ได้เจอเย่ซิวตู่ น้ำเสียงในการพูดจะยังคงเป็นเช่นนี้

นางยิ้มบาง ตัดสินใจว่าจะเดินออกห้องรับรองด้านหน้าเพื่อออกไปข้างนอก

ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ แขนของนางกลับถูกจินหลิวหลีดึงไว้ น้ำเสียงขุ่นเคืองทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู “ชิงลั่ว เจ้าดูทางนั้น”

อวี้ชิงลั่วเดิมทีไม่ได้สนใจอะไร แต่กลับหันหน้าไปมองตามทิศทางนิ้วมือของอีกฝ่าย…

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นางคู่หมั้นท่านเย่นี่บุกมาถึงจวนเลยเหรอ อย่าให้โดนพิษของชิงลั่วแล้วกันนะ

ใครมาอีกล่ะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *