อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 912 ตอนเขาเสีย

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 912 ตอนเขาเสีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 912 ตอนเขาเสีย

ตอนที่ 912 ตอนเขาเสีย

เพียงเย่ซิวตู๋ได้ยินคำว่าอวี้ชิงลั่วก็ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็เปิดประตูแล้วคว้าคอเสื้อของฟ่านฉี่อวิ๋นในทันที ถามว่า “เกิดเรื่องอันใดกับนาง?”

“…” ฟ่านฉี่อวิ๋นตะลึงกับท่าทางดุร้ายของเขา กลืนน้ำลายลงคออย่างแรง

ฟ่านผิงอวิ๋นที่ออกมาตามหลังก็ขมวดคิ้ว ช่วยดึงเขาออกจากมือของเย่ซิวตู๋ กล่าวดุ “ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าอย่าใจร้อน หากมีอันใดก็ให้พูดดีๆ แม่นางอวี้เป็นอันใดไป มีคำสั่งอันใดหรือ?”

บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งนี้เป็นอาณาเขตของเขา ไม่มีทางพบเรื่องอันตรายไปได้เป็นแน่

ฟ่านฉี่อวิ๋นจึงได้ถอนหายใจโล่งอก หัวเราะแห้งๆ จากนั้นก็เหมือนว่านึกอะไรออก ทันใดนั้นก็กังวลขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ได้มีคำสั่งอันใด คือ คือพี่ใหญ่… หลังจากพี่ใหญ่รู้สถานะของแม่นางอวี้แล้ว ก็ไม่สนใจข้าที่ขวางเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องไปพบนาง แม่นางอวี้กำลังพักผ่อนอยู่พอดี ได้ยินเสียงเรียกของพี่ใหญ่รบกวนจนตื่น นางโมโหมาก จึง จึง… จึงบอกว่าจะตอนพี่ใหญ่ ตอนนี้นางทำให้พี่ใหญ่ตัวชาไร้เรี่ยวแรงไปแล้ว ทั้งยังไปนำมีดสั้นมาเตรียมจะตอนเขา”

เย่ซิวตู๋เปลี่ยนสีหน้า รีบไปที่เรือนที่อวี้ชิงลั่วพักอยู่

ฟ่านฉี่อวิ๋นคิดว่าเมื่อมีเย่ซิวตู๋ออกหน้า พี่ใหญ่น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว อย่างไรเสีย ถึงแม้ท่านอ๋องซิวจะเย็นชาไปหน่อย แต่ก็ยังเป็นห่วงพี่ใหญ่ที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานมาก

ทว่าเขาเพิ่งจะโล่งใจ ก็ได้ยินเย่ซิวตู๋พูดประโยคหนึ่งจากระยะไกล “ตอนอะไรกัน? ของสกปรกเช่นนั้นนางกล้าสัมผัสด้วยหรือ จะลงโทษคนก็มีวิธีอื่นไม่ใช่หรือ”

ฟ่านฉี่อวิ๋นกำลังคิดจะเดินหน้า ก็ตกใจกับประโยคนี้เสียจนแทบล้มลงกับพื้น

เขาหันหน้ามามองพี่รองของตน “พี่รอง พี่ใหญ่กำลังมีอันตรายถึงชีวิตใช่หรือไม่”

ฟ่านผิงอวิ๋นจ้องมองเขาเขม็งอย่างโมโห กล่าว “ปกติข้าให้พวกเจ้าสองคนอยู่อย่างไร้กฎเกณฑ์ ตอนนี้จึงกลายเป็นผลร้ายเสียแล้วหรือ มัวยืนงงอันใดอีก ยังไม่รีบไปอีกหรือ ดูเหมือนพี่ใหญ่จะต้องตายเสียแล้ว”

เย่ซิวตู๋ไปแล้ว อย่าเติมน้ำมันในเชื้อไฟเลยจะดีกว่า

ฟ่านผิงอวิ๋นลูบหว่างคิ้วอย่างปวดหัว เสียใจที่เมื่อครั้งได้รับจดหมายจากเย่ซิวตู๋ ได้นำเรื่องนี้ไปบอกพี่ใหญ่ ทำให้เขากลับมาจากหลังเขา

ทั้งสองคนวิ่งไปยังเรือนของอวี้ชิงลั่วแบบหนึ่งคนนำหน้า อีกหนึ่งคนตามหลัง ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงกัดฟันของอวี้ชิงลั่ว “ข้าอยู่ในสภาพเลวร้ายเพียงนี้ก็ล้วนเป็นฝีมือของเขา เขาเป็นบ้าอะไรกันแน่?”

ฟ่านผิงอวิ๋นนิ่งงัน มองฟ่านฉี่อวิ๋นที่กำลังรู้สึกผิด รีบเดินหน้าไปสองสามก้าว

เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าอวี้ชิงลั่ว… ช่างดูสภาพเลวร้ายอย่างมากจริงๆ

ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าขาวราวกับเอาไปคลุกแป้งมา ปิ่นมุกก็หลุดลุ่ย สีหน้าโกรธเกรี้ยวราวกับจะกินคนอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อมองดูสถานการณ์ในห้องอีกครั้ง ประตูห้องมีรูใหญ่ โต๊ะเก้าอี้ในห้องก็ขาหักหายไป ม่านมุกก็ถูกดึงลงมา

ฟ่านผิงอวิ๋นดูไปๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกับที่ฟ่านฉี่อวิ๋นบอกว่าเป็นเพียงการปลุกให้แม่นางอวี้ตื่นตรงไหนกัน เห็นชัดๆ ว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น

เขาดูสีหน้าของเย่ซิวตู๋อีกครั้ง ก็ดูทะมึนราวกับหมึกดำ

ฟ่านผิงอวิ๋นลอบตื่นตระหนก รีบก้าวไปข้างหน้า ขวางตรงหน้าฟ่านซิวอวิ๋นที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียกพอเป็นพิธี ถามน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่นางอวี้ นี่ นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่หรือ?”

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจอย่างหนัก จ้องมองเขาอย่างดุร้าย แต่ไม่ได้กล่าวอันใดทั้งนั้น

ส่วนหนานหนานที่อยู่ด้านข้างกลับกล่าวออกมาด้วยความโมโห “ข้ากับท่นาแม่กำลังพักผ่อนนอนหลับอย่างสบายๆ ใครจะรู้ว่าจู่ๆ เขาก็มาเคาะประตู ‘ปังๆๆ’ ทำให้ข้ากับท่านแม่ตกใจตื่น ท่านแม่บอกว่าพักผ่อนอยู่ ไม่เปิดประตู เขาก็ยังไม่วางใจ ท่านแม่ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงลุกไปเปิดประตู คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้เปิด ก็ถูกพังจนเป็นรูเบ้อเริ่มเช่นนี้”

เขาชี้ไปที่ฟ่านซิวอวิ๋นที่ทำสีหน้าไร้เดียงสา กล่าว “กำปั้นของเขาเกือบโดนปลายจมูกของท่านแม่แล้ว โชคดีที่ท่านแม่ข้าตอบสนองรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าเมื่อแผนแรกไม่สำเร็จ เขาก็ยังมีแผนสำรอง นำแป้งทั้งหมดในมือปาใส่หน้าของท่านแม่ ชั่วร้ายเกินไปแล้ว หลังจากนั้นท่านแม่ก็เตะเขาออกไป เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ จะต้องเข้าประตูมาให้ได้ ข้าจึงสู้กับเขารอบหนึ่ง จากนั้นห้องก็มีสภาพเป็นเช่นนี้ ท่านแม่เห็นว่าข้าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงใช้ยาทำให้เขาล้มลงไป อีกทั้งจะตอนเขา เพื่อให้เขาได้รับบทเรียนเสียด้วย”

ทุกคนฟังแล้วก็ตกตะลึง พากันหันไปมองฟ่านซิวอวิ๋น

อีกฝ่ายจับกรอบประตูอย่างอ่อนแรง จับมือของฟ่านฉี่อวิ๋นแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น น้ำเสียงที่เดิมทีดูโกรธเกรี้ยวกลับแผ่วเบาลง “เข้าใจผิดแล้ว… ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

จากมุมมองของหนานหนาน นั่นเป็นเรื่องจริง แต่เขาเองก็มีสิ่งที่ต้องการพูดเช่นกัน

“ข้าไม่ได้คิดจะทำแม่นางอวี้ไม่พอใจ ข้าเพียงแค่…”

ฟ่านซิวอวิ๋นยังไม่ทันกล่าวจบ ก็ถูกเย่ซิวตู๋ขัดเสียก่อน “มีเรื่องอันใดอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน ชิงเอ๋อร์ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับข้าเสียก่อน”

ท่าทางเช่นนี้ ไม่ควรอยู่ตรงนี้อย่างมาก

อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ มองดูเสื้อผ้าของตนแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างขยะแขยง หมุนตัวเข้าห้องด้านในไป

“เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้” เย่ซิวตู๋หันหน้ามาบอกหนานหนาน

อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างแรง ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูห้อง

ฟ่านผิงอวิ๋นยิ้มขื่น มีเขาอยู่ จะปล่อยให้พี่ใหญ่บ้าคลั่งขึ้นมาได้อย่างไร เฮ้อ

เย่ซิวตู๋สีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก เหมือนกับว่าอารมณ์ไม่ดีจริงๆ เพียงเข้าไปห้องด้านในก็กล่าวออกมาเบาๆ “ข้าผิดเอง ควรให้พวกโม่เสียนมาเฝ้าอยู่ด้านนอกจึงจะถูก”

ที่นี่คือบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง ฟ่านซิวอวิ๋นเป็นเจ้าของที่นี่ ถึงแม้จะมีสาวใช้คอยเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่นั่นก็ต้องเชื่อฟังฟ่านซิวอวิ๋น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอารมณ์รุนแรง ต่อให้ห้ามก็คงห้ามไว้ไม่ได้

เย่ซิวตู๋ลูบหว่างคิ้ว เป็นเพราะเขาคิดไม่รอบคอบเอง

อวี้ชิงลั่วเม้มปากชำเลืองมองเขา กล่าวเสียงเย็น “เหตุใดตอนนั้นท่านจึงคิดไม่ได้ แล้วไปผูกมิตรกับเขากัน?”

“เขาเอาแต่ทำตัวติดกับข้า จึงวางแผนผิดพลาดไป เจ้าวางใจเถิด เรื่องนี้ข้าจะต้องจัดการให้เจ้าแน่ จะไม่ให้เจ้าต้องถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรม” เขากล่าวพลางนำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำ เช็ดแป้งบนหน้าของนางอย่างระวัดระวัง

จนกระทั่งเผยให้เห็นใบหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลานั้นอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงของอวี้ชิงลั่ว “เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

“หืม”

อวี้ชิงลั่วไม่กล่าวอันใดอีก ตั้งแต่ได้ยินเย่ซิวตู๋พูดเรื่องมือสังหารแล้ว นางก็รู้ได้ว่าฟ่านซิวอวิ๋นเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเย่ซิวตู๋ แต่หากต้องมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ อีกฝ่ายก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเช่นกัน

เย่ซิวตู๋ต้องการสอบสวน ต่อให้ต้องเอาชีวิตของฟ่านซิวอวิ๋น ก็เกรงว่าเขาจะไม่แม้แต่กะพริบตา

แต่นางเห็นท่าทางของเย่ซิวตู๋แล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องการลงโทษรุนแรง ถ้าหากเกิดเรื่องนองเลือดขึ้นมาจริงๆ นั่นก็จะไม่ทำให้พี่น้องตระกูลฟ่านต้องทุกข์ใจหรือ?

อีกอย่าง ฟ่านซิวอวิ๋นทำนางขุ่นเคือง นางก็มีวิธีมากมายที่จะทรมานเขาให้เขาอยากตายดีกว่าอยู่

เรื่องการแก้แค้นพวกนี้ ย่อมจะต้องหาจุดอ่อนของผู้อื่นแล้วแทงเข้าไปแรงๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้โบยเป็นร้อยครั้งก็ไม่มีประโยชน์

ขณะคิด นางก็หันหน้าไปถามเย่ซิวตู๋ “เราจะกลับเมืองหลวงกันตอนไหน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แตะจุดตายของหมอปีศาจเข้าให้แล้ว เวลานอนพักผ่อนห้ามรบกวนไม่รู้เหรอ อย่าเป็นซาแซงแฟนสิ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด