อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 920 หนานหนานเรียนงานฝีมือ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 920 หนานหนานเรียนงานฝีมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 920 หนานหนานเรียนงานฝีมือ

ตอนที่ 920 หนานหนานเรียนงานฝีมือ

หลีจื่อฟานลดสายตาลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ในจดหมายที่เย่ซิวตู๋ส่งถึงเขานั้น ขอให้เขาเกลี้ยกล่อมให้องค์ชายเป่าไป

แต่องค์ชายเป่ารู้สึกไม่สบายเมื่อสองวันก่อน จนถึงกับต้องขอออกจากการประชุมราชสำนักในตอนเช้า ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าไม่สมควรให้เขาไป

ส่วนคนอื่น ๆ ก็…

“เสด็จพ่อ ลูกเต็มใจจะไปพ่ะย่ะค่ะ” ทันใดนั้นองค์ชายหกก็ก้าวมาข้างหน้า

หลีจื่อฟานตกตะลึง ฮ่องเต้ก็อึ้งงันเช่นกัน ส่วนข้าหลวงคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังองค์ชายหก

องค์ชายสามขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น เหตุใดจู่ ๆ น้องหกคนนี้ที่ติดตามเขาตลอดเวลา และคอยดูแลเขาอยู่เสมอจึงมีความคิดเช่นนี้?

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่องค์ชายสี่ก็ประหลาดใจเช่นกัน

ฮ่องเต้ยังเม้มปากมองดูเขาอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่และท่าทางสงบนิ่งของเขา ฮ่องเต้ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “ตกลง เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็ไปได้เลย”

องค์ชายหกคำนับรับบัญชา

ฮ่องเต้อธิบายอีกเล็กน้อย หลังจากสั่งให้คนอีกสองสามคนไปร่วมมือกับเขาแล้ว ฮ่องเต้ก็โบกมือและถอยกลับไป

หลีจื่อฟานเงียบไปนาน เพราะกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้

จนกระทั่งเขาออกจากห้องโถงใหญ่ องค์ชายหกก็เดินตามเขาทันแบบประชิดตัว

“ใต้เท้าหลี คุยกันก่อน”

หลีจื่อฟานเหลือบมองเขาแล้วพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็ถอยห่างออกจากกันอีกสองสามก้าว “นายท่าน โปรดตรัสเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“เปิ่นหวางรู้ว่าใต้เท้าหลีเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ห้ายิ่งนัก แต่ใต้เท้าอย่าได้กังวลไปเลย เปิ่นหวางจะพาพี่ห้ากลับมาอย่างปลอดภัย”

จากนั้นหลีจื่อฟานก็เหลือบมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายหกค่อนข้างมั่นใจ ว่าองค์ชายซิวจะไม่ถูกประหัตประหาร”

“ในเมื่อใต้เท้าหลีมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น เปิ่นหวางก็ย่อมมั่นใจด้วย” องค์ชายหกพูดอย่างเฉียบขาด ก่อนจะกำมือแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อได้อธิบายบางอย่างให้เปิ่นหวางฟังแล้ว เปิ่นหวางขอลาไปก่อน”

หลีจื่อฟานเม้มปากยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันหลังกลับไปยังจวนเสนาบดีอย่างไม่เร่งรีบ

แต่ทันทีที่เขาไปถึงจวนเสนาบดี เขาก็รีบไปห้องตำรา หยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมาเริ่มเขียนจดหมาย

จากนั้นเขาก็ม้วนจดหมายเป็นแท่งยาว แล้วใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่ขานกพิราบสื่อสาร ขณะมองนกพิราบบินไกลออกไป และนึกถึงพฤติกรรมขององค์ชายหกในวันนี้ เขาก็กลับมาครุ่นคิดอีกครั้ง

เย่ซิวตู๋รับจดหมายนกพิราบจากนกพิราบสื่อสาร และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้อ่านเนื้อหาในนั้น จากนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจ่อกระดาษจดหมายลงบนเปลวเทียน เพื่อเผาให้เป็นเถ้าถ่าน

อวี้ชิงลั่วที่กำลังนั่งดื่มชาถามว่า “เช่นนั้นอีกสองสามวันเราจะกลับกันได้แล้วใช่หรือไม่?”

“อืม”

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “อวี๋จั้วหลินช่างน่าสงสารจริง ๆ เขากระโดดลงไปในหลุมที่ท่านขุดไว้เสียแล้ว”

“…” เย่ซิวตู๋ก็นั่งลงเช่นกัน แล้วหยิบถ้วยในมือนางมาจิบจากขอบถ้วยที่นางเพิ่งจิบไป

อวี้ชิงลั่วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “ยังมีถ้วยอยู่ตรงนี้อีก” ตอนนี้คนคนนี้ได้เคยตัวไปแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีอะไรจะดื่ม เขาจะมาหยิบถ้วยที่นางดื่มเสมอ โดยไม่คิดว่ามันสกปรกเลย

เย่ซิวตู๋ยักไหล่แล้วพูดว่า “ข้าระวังตัวมาตลอด และข้าไม่ดื่มน้ำข้างนอกส่งเดช เจ้าเป็นหมอปีศาจ หากเจ้าดื่มน้ำนี้ก็แสดงว่าไม่มีอะไรผสมอยู่ ข้าจึงดื่มได้อย่างปลอดภัย”

อวี้ชิงลั่วเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินเหตุผลเจ้าเล่ห์ของเขา “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะวางยาท่านหรือ?”

“ไม่กลัว เจ้าไม่ทำหรอก” เย่ซิวตู๋หัวเราะ เมื่อเห็นว่านางเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการตอบคำถามเมื่อสักครู่นี้ของนาง “อวี๋จั้วหลินก็ทำตัวเองเช่นกัน เดิมทีข้าจะไปบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง โดยไม่ได้คิดแผนอื่นไว้เลย ทว่าเป็นเขาเองที่รนหาที่ เช่นนี้แล้วมันก็เป็นไปตามความปรารถนาของเขา”

อวี้ชิงลั่วรู้ทันเขาและแอบตำหนิอยู่ในใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขายอมตกลงตามคำขอของอวี๋จั้วหลิน ที่ว่าจะคอยตามมาคุ้มครองอย่างง่ายดาย

แต่เขายังจะมาบอกว่าไม่ได้คิดแผนอื่นเอาไว้เลย…เขาคาดไว้แล้วว่าแผนการของอวี๋จั้วหลินต้องตามมาเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเขาจะเขียนจดหมายให้นกพิราบไปส่งในวันที่พบกับอวี๋จั้วหลินได้อย่างไร?

ชายผู้นี้ช่างร้ายกาจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งน่าสะพรึงกลัวมาก

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า รู้สึกว่านางควรรักษาระยะห่างจากเขาบ้าง

เย่ซิวตู๋สังเกตเห็นท่าทางของนางจึงหรี่ตาลง จับมือนางแล้วดึงตัวนางให้นั่งลงบนตักของเขา แล้วกอดนางไว้ในอ้อมแขน

“จะไปไหนหรือ? หืม?” เย่ซิวตู๋พึมพำเบา ๆ ก่อนจะจับมือนางลูบไล้แผ่วเบา เมื่อแก้มนางกลายเป็นสีแดง เขาก็เริ่มฟุ้งซ่านอีกครั้ง

อวี้ชิงลั่วบิดกาย แล้วดึงมือที่เอวนางออก “คัน”

“คันตรงไหน?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แล้วเริ่มโน้มตัวไปข้างหน้า “ตรงนี้? หรือตรงนี้?” ขณะที่พูด มือของเขาก็เริ่มล้วงเข้าไปใต้กระโปรงนางทันที “ข้าจะเกาให้เจ้า”

“เย่ซิวตู๋!!” อวี้ชิงลั่วโกรธด้วยความเขินอาย

เย่ซิวตู๋ปล่อยนางทันที และไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางเรียบร้อย

อวี้ชิงลั่วตกใจและมองเขาด้วยความสงสัย เหตุใดจู่ ๆ เขาจึงไปเร็วนัก…

วินาทีต่อมา เสียงฝีเท้าก็แว่วเข้ามาในหูของนาง ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้

แน่นอนว่าหลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ได้ยินเสียงหนานหนานดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ ท่านแม่…”

อวี้ชิงลั่วมองเย่ซิวตู๋แล้วเดินไปเปิดประตู

หนานหนานโถมตัวเข้ากอดนางทันที ก่อนจะยิ้มและมอบสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือให้นาง “ท่านแม่ พี่ฟ่านสามให้ข้ามาขอรับ”

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ฟ่านฉี่อวิ๋นและหนานหนานอยู่ใกล้ชิดกันมาก และนิสัยของพวกเขาก็คล้ายกัน ทั้งสองคนจึงเล่นด้วยกันเสมอ ทว่าฟ่านฉี่อวิ๋นไม่ชอบให้หนานหนานเรียกเขาว่าลุง เพราะเกลียดการถูกเรียกว่าแก่ ดังนั้นเขาจึงขอให้เรียกเขาว่าพี่ชาย

หนานหนานรู้สึกประหม่าจึงไม่ยอมเรียกเช่นนั้น จนกระทั่งฟ่านฉี่อวิ๋นล่อลวงเขาด้วยการบอกว่า เขาถูกเรียกว่าพี่ฟ่านสามมาโดยตลอด เพราะฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านผิงอวิ๋นมีอายุน้อยกว่าเย่ซิวตู๋ ดังนั้นระดับอาวุโสของเขาจึงสูงกว่า

หนานหนานได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำเรียกทันที

เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินเหตุผลนี้ นางก็แทบจะพ่นน้ำออกมาเต็มปาก

เพื่อไม่ให้ถูกเรียกเหมือนเป็นคนแก่ ฟ่านฉี่อวิ๋นจึงได้ทำเรื่องน่าขันเหล่านี้ แต่เมื่อนางหันไปเห็นว่าฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านผิงอวิ๋นดูเหมือนจะไม่แยแส และไม่ได้สนใจเรื่องคำเรียกนี้เลย อีกทั้งยังบอกให้หนานหนานเรียกพวกเขาว่าพี่ชายอย่างร่าเริง นางก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่านางจะเดือดร้อนแทนไปเพื่ออะไร

นึกถึงเรื่องนี้แล้ว อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกว่านางตามจังหวะความคิดของสามพี่น้องสกุลฟ่านไม่ทันเล็กน้อย

นางมองลงไปยังสิ่งที่อยู่ในมือหนานหนาน มันมีลักษณะเป็นลูกกลม ๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ ข้างในมีสิ่งที่คล้ายกระดิ่งอยู่ ซึ่งจะส่งเสียงแหลมเมื่อเขย่า

“ท่านแม่ พี่ฟ่านสามบอกว่าเขาจะสอนให้ข้าทำ ข้าคิดว่านี่เป็นงานฝีมือที่ดีมาก หลังจากทำสิ่งนี้เป็นแล้ว ข้าก็จะนำมันไปขายได้เงินใช่หรือไม่ขอรับ? นี่เป็นหนทางรวยใช่หรือไม่ขอรับ? ข้านึกออกแล้วขอรับ”

อวี้ชิงลั่วทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ “ถ้าเจ้าต้องการเรียนก็ไปเรียนเถิด” อืม มันเป็นงานฝีมือ อย่างน้อยหนานหนานก็จะไม่อดตายในอนาคต

ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ร่างหนึ่งก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว

อวี้ชิงลั่วยืนขึ้น และเห็นเยว่ซินที่เหงื่อโซมกายวิ่งเข้ามาหานาง

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หนานหนานทำงานฝีมือเป็นด้วยเหรอ หนานหนานพัฒนาตัวเองแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด