อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 923 ออกเดินทางกลับสู่เมืองหลวง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 923 ออกเดินทางกลับสู่เมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 923 ออกเดินทางกลับสู่เมืองหลวง

ตอนที่ 923 ออกเดินทางกลับสู่เมืองหลวง

องค์ชายหกอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว เหลือบมองฟ่านผิงอวิ๋นและพูดว่า “คาดไม่ถึงเลยว่าท่านฟ่านที่ดูสุภาพอ่อนโยนกลับเป็นชายผู้รักความยุติธรรมและกล้าหาญเช่นนี้”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านผิงอวิ๋นยกยิ้มและโบกมือ

องค์ชายหกชำเลืองมองเขาอีกครั้ง จากนั้นมองอวี้ชิงลั่ว แล้วพูดด้วยเสียงเบา “เมื่อเสด็จพ่อทราบว่าพวกเจ้าหายตัวไปก็ร้อนใจยิ่งนัก ท่านจึงส่งข้าออกมาตามหาพี่ห้าและองค์หญิงทันที อวี๋จั้วหลินละเลยหน้าที่จึงถูกเสด็จพ่อสั่งจองจำในคุก”

อวี้ชิงลั่วเพิกเฉยต่อประโยคหลังโดยอัตโนมัติ และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น “เป็นความจริงที่ว่าองค์ชายซิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่งจนไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นได้ จึงไม่ได้ขอให้ใครส่งจดหมายไปยังเมืองหลวง คาดไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะทรงทราบเรื่องนี้ และเป็นการทำให้ท่านต้องกังวล เป็นโทษที่สมควรตายยิ่งนัก”

องค์ชายหกมองต่ำก่อนจิบชาด้วยท่าทางสุภาพขณะฟังคำพูดของอวี้ชิงลั่ว

มุมปากเพียงปรากฏรอยยิ้มจาง พี่ห้าบาดเจ็บสาหัสจนไม่มีเวลารายงานให้เสด็จพ่อทราบกระนั้นหรือ? แล้วเหตุใดจึงรายงานต่อเสนาบดีฝั่งขวาได้?

เขาพอจะเดาแผนการของพี่ห้าของเขาได้บ้าง สันนิษฐานว่าเขาน่าจะใช้โอกาสนี้จัดการอวี๋จั้วหลิน และยังบังเอิญไปตัดแขนองค์ชายเจ็ดข้างหนึ่งด้วย

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เสนาบดีฝั่งขวาพูดจาฉะฉานขณะอยู่ในราชสำนัก และเขาเชื่อว่าพี่ห้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว

มันค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว สุดท้ายเหมิงกุ้ยเฟยก็ได้รับแรงกดดันเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้จะยังมีท่าทางสงบมาก แต่เขาก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อนางยิ่งนัก

ไท่จื่อถูกปลด องค์ชายหนึ่งมีความสามารถธรรมดา องค์ชายสามและองค์ชายสี่นั้นสุดโต่งและไร้ยางอาย ส่วนองค์ชายสิบเอ็ดยังทรงพระเยาว์

ส่วนฮองเฮาที่พอจะต่อกรกับเหมิงกุ้ยเฟยได้ก็กำลังทุกข์ระทมเพราะเรื่องไท่จื่ออยู่ในขณะนี้ นางอดมื้อกินมื้อกินและเฝ้าวิงวอนต่อพระพุทธเจ้า โดยไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป

คนเดียวที่สามารถต่อกรกับองค์ชายเจ็ดได้ในตอนนี้ ก็คือพี่ห้าผู้เป็นที่รักยิ่งของเสด็จพ่อ

คิดเรื่องนี้ดูแล้วก็ดูเหลวไหล ในบรรดาองค์ชายมากมาย มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถเป็นศัตรูกันได้ ก็คือพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน

เมื่อเทียบกับองค์ชายเจ็ด เขาย่อมสนับสนุนเย่ซิวตู๋มากกว่า

แม้หากมองผิวเผิน เย่ซิวตู๋จะดูเฉยเมยเรียบง่าย แต่เขาจะไม่ทำร้ายพี่น้องของเขา และจะไม่เจ้าเล่ห์เพทุบาย ทำสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดเกรง

แต่องค์ชายเจ็ดนั้นต่างออกไป หากเขาได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงจริง ก็เกรงว่าพี่น้องคู่นี้จะลงเอยกันไม่ดี

นอกจากองค์ชายหนึ่งที่แสดงความเมตตาต่อพี่ห้า องค์ชายองค์อื่น ๆ ก็เฝ้าดูอย่างเย็นชา โดยหวังว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ทั้งคู่ แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายอย่างพวกเขาเองจะตกเป็นเหยื่อในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย

ในเรื่องเหล่านี้ไม่มีใครทราบดีไปกว่าองค์ชายหก

ปัจจุบันเขาและพี่ห้าอยู่ในระดับเดียวกัน

แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าสิ่งที่อวี้ชิงลั่วเพิ่งพูดไปนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลเสียส่วนใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือของเย่ซิวตู๋จริงหรือไม่

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ องค์ชายหกก็จิบชาอีกครั้ง แล้วถามหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “อาการบาดเจ็บของพี่ห้าร้ายแรงหรือไม่? องค์หญิง โปรดแจ้งให้ข้าทราบตามความจริง ข้าจะได้เตรียมใจ แล้วจะส่งจดหมายไปรายงานเสด็จพ่อ บอกเล่าสถานการณ์ฝ่ายเรา เพื่อไม่ให้เสด็จพ่อต้องเป็นห่วง”

อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่เขาไม่บ้าพลัง และข้าดูแลเขาตลอดทาง มันก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และสามารถเริ่มออกเดินทางในวันมะรืนนี้ได้”

นัยน์ตาขององค์ชายหกเป็นประกาย ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บนั้นอาจไม่ใช่ของจริง เขาถอนหายใจยาวต่อหน้านาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดีแล้ว ดีแล้ว”

เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่รบกวนเจ้าอีกต่อไป และให้พี่ห้าได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ข้าจะกลับมาพรุ่งนี้และคุยธุระกับพี่ห้า วันนี้ข้าจะกลับไปก่อน แล้วส่งคนไปรายงานเสด็จพ่อว่าเขาปลอดภัย”

เขาเงียบแล้วพูดว่า “ส่วนพวกมือสังหารที่ซุ่มโจมตีพวกเจ้า ข้าจะสั่งให้คนอยู่สอบสวนให้ชัดเจน ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้คนเหล่านั้นลอยนวล จากนั้นข้าจะขอคำแนะนำจากเสด็จพ่อเมื่อข้ากลับไป”

“ตกลง เดินทางปลอดภัยนะเพคะองค์ชายหก” อวี้ชิงลั่วส่งเขาออกไป แต่ในใจนางรู้สึกผิดเล็กน้อย มือสังหารเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกับฝ่ายเราทั้งหมด แล้วเขาจะตามสืบจนรู้ได้อย่างไร?

นางส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นส่งองค์ชายหกจนถึงประตูลานบ้าน แล้วให้ฟ่านผิงอวิ๋นช่วยไปส่งเขาออกไป

เมื่อนางหันกลับมาก็เห็นเย่ซิวตู๋มานั่งดื่มชาอยู่ข้างนอกแล้ว โดยยังคงถือถ้วยชาใบเดิมที่นางดื่ม

ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที นางรีบคว้าถ้วยจากมือของเขา “ท่าน ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าใช้ถ้วยชาใบไหน? แล้วถ้าท่านดื่มจากถ้วยชาขององค์ชายหกเล่า?”

เย่ซิวตู๋ไม่ได้จริงจังกับและไม่ได้อธิบาย แต่ถามนางว่า “น้องหกไปแล้วหรือ?”

“อืม” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า จากนั้นขมวดคิ้ว “แต่ดูแล้วเขาน่าจะไม่เชื่อว่าท่านได้รับบาดเจ็บ”

“ข้าไม่ได้คาดหวังให้เขาเชื่อตั้งแต่แรก นี่เป็นเพียงการใช้วาทศิลป์เท่านั้น ตอนนี้เราเพิ่งเผชิญกับการซุ่มโจมตีมา จะเป็นไปได้หรือที่ทุกคนจะไม่ได้รับอันตราย?” เย่ซิวตู๋ยกยิ้มและจับมือนางเดินเข้าไปข้างใน

แต่อวี้ชิงลั่วเอียงศีรษะมองเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฟังจากที่ท่านพูดแล้ว ท่านยังประเมินน้องหกอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่ใช่หรือไม่?”

“อืม ดูจากหมู่เฟยของเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันเป็นเหมือนพี่สามและพี่สี่ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลยมาหลายปีแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องบังคับให้เขาทำอะไร”

อวี้ชิงลั่วเดาะลิ้น เย่ซิวตู๋ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร แต่เหตุใดเขาจึงรู้ทุกเรื่องเมื่อถูกถาม

คืนนั้นองค์ชายหกทิ้งทหารรักษาพระองค์ไว้ที่นี่หลายคน พวกเขาลาดตระเวนบริเวณชั้นนอกและชั้นในของบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง โดยบอกว่าเพื่อรักษาความปลอดภัยของเย่ซิวตู๋และพรรคพวก ซึ่งกระตุ้นให้คนบริเวณใกล้เคียงพากันมองด้วยความสงสัย และเกินครึ่งก็คิดว่าคนสกุลฟ่านทำเรื่องไม่ดีหรือไม่

ต่อมาองค์ชายหกได้ส่งคนไปแจ้งว่า ท่านฟ่านคือที่ช่วยองค์ชายซิวและองค์หญิงไว้ และตอนนี้พวกเขากำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง ส่วนคนเหล่านั้นก็แค่ไปอยู่ที่นั่นเพื่ออารักขาเท่านั้น

จากนั้นทุกคนก็แสดงความอิจฉาในสายตา แล้วเดินกลับไปอย่างไม่เต็มใจ หลังจากเฝ้าดูสภาพแวดล้อมจนถึงเที่ยงคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น องค์ชายหกมาที่บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเย่ซิวตู๋ในครั้งนี้ดีขึ้นกว่าวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด เขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมากเช่นกัน

องค์ชายหกพูดคุยกับเขา แม้เขาจะไม่แสดงออกมากนัก แต่เขาก็ตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว

แม้ว่าองค์ชายหกจะเดาได้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาส่วนใหญ่เป็นของปลอม แต่เขาก็ยังคงสงสัยเล็กน้อย และอยากจะดูว่าแผลของเขาอยู่ที่ใด ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเขาหลายรอบ

มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุก เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แล้วจงใจทำผ้านวมผืนบางที่ปิดร่างของเขาลงกับพื้น เผยให้เห็นหน้าอกที่พันด้วยผ้าพันแผลที่ยังมีเลือดไหลอยู่

หลังจากนั้นองค์ชายหกก็นั่งตัวตรงโดยไม่ขยับสายตาอีก และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ในช่วงเวลานี้ สถานการณ์ในห้องโถงวันนั้น และเรื่องการเดินทางกลับ

เย่ซิวตู๋เป็นพี่ชายของเขามาหลายปีแล้ว ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขานั่งพูดคุยกันในห้องแบบตัวต่อตัว

อวี้ชิงลั่วไม่กล้าแสดงท่าทางสนใจการเตรียมการที่พวกเขากำลังหารือกัน นางจึงไปหาหนานหนานและแม่นมเซียวเพื่ออธิบายบางอย่าง

วันต่อมา ช่วงบ่ายอากาศแจ่มใส

เย่ซิวตู๋ อวี้ชิงลั่ว องค์ชายหกและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางกลับสู่เมืองหลวง

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ต้องลุ้นกันต่อไปค่ะว่าองค์ชายหกจะมาดีหรือร้าย พวกที่ดูเหมือนไม่รู้อะไรเลยนี่มีโอกาสเป็นลาสต์บอสสูงมาก

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด