อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 953 ฝ่าบาทถูกลอบปลงพระชนม์

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 953 ฝ่าบาทถูกลอบปลงพระชนม์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 953 ฝ่าบาทถูกลอบปลงพระชนม์

ตอนที่ 953 ฝ่าบาทถูกลอบปลงพระชนม์

จากท่าทางอ่อนโยนที่หาได้ยากของอวี้ชิงลั่ว ประกอบกับความลังเลที่จะกล่าวบางอย่างด้วยความลังเลใจอย่างหาได้ยากเช่นนี้ ดังนั้นแล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะร้ายแรงอย่างมาก

มือของเย่ซิวตู๋บีบแน่น เขาไม่ได้โง่ ชิงเอ๋อร์ไปที่จวนอวี๋ตัวคนเดียว ไม่แม้แต่จะพาหนานหนานไปด้วย น่าจะเป็นเพราะแม่นมเก๋อบอกอะไรกับนางเอาไว้

เมื่อก่อนหว่านเฟยก็เคยพูดไว้ว่าแม่นมเก๋อมีความลับเกี่ยวกับเหมิงกุ้ยเฟยอยู่ แต่ตั้งแต่พวกเขาได้พบแม่นมเก๋อที่ดินแดนเหมิง แม่นมเก๋อกลับไม่เคยกล่าวถึงมันต่อหน้าเขาแม้แต่น้อย

เขาคิดว่า นางน่าจะบอกกล่าวกับอวี้ชิงลั่วตามลำพัง

เกี่ยวกับความลับของเหมิงกุ้ยเฟย ในวังมีความลับเหล่านั้นซ่อนอยู่ไม่น้อย หมู่เฟยของเขาเกลียดชังเขาและตามฆ่าเขามาตั้งแต่เด็ก จะต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่

เขาเองก็เคยสงสัยว่าตนนั้นไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของเหมิงกุ้ยเฟย

แต่ทว่าบนร่างของเหมิงกุ้ยเฟยมีปานรูปดอกไม้ เขาเองก็มี หากบอกว่าน้องเจ็ดไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของหมู่เฟยยังจะเป็นไปได้เสียมากกว่า โดยที่เขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย

เช่นนั้นเหตุใดเหมิงกุ้ยเฟยจึงปฏิบัติกับเขาเช่นนี้? ไหนจะมีความคิดหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงนี้มันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และความคิดนี้ก็แทบจะทำให้เขาหายใจไม่ออก

เขาสงสัยว่าน้องเจ็ดเป็นบุตรชายของหมู่เฟยกับชายอื่น สงสัยว่าในใจหมู่เฟยมีชายอื่น ดังนั้นจึงใจร้ายกับตนที่เป็นโอรสของเสด็จพ่อเช่นนี้ ถึงขนาดอยากจะกำจัดตนอย่างรวดเร็ว

ยิ่งรวมไปถึงนางและท่านน้าเหมิงจื้อเฉิงลอบวางแผนชิงตำแหน่งประมุขแห่งดินแดนเหมิง เขาก็ไม่สงสัยในความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ในใจของหมู่เฟยเลย

ตอนนี้เห็นท่าทางชิงเอ๋อร์เช่นนี้ เห็นนางไปหาเหมิงจื่อเชียน ในใจของเขาก็ยิ่งมั่นใจกับความคิดนี้มากขึ้น

เพียงแต่เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง เขาก็ยิ่งกลัวที่จะได้รับการยืนยันมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้เขารับเอาไว้ได้ แต่เสด็จพ่อเล่า? เสด็จพ่อจะรับไหวได้อย่างไร?

เย่ซิวตู๋ขบกรามแน่น มือที่กอดร่างของอวี้ชิงลั่วก็กระชับแน่นขึ้นด้วย

ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงกล่าวเบาๆ “ได้ เมื่อไรที่เจ้าคิดตกแล้ว ก็มาบอกข้า”

จริงๆ แล้วเขาเองก็หลีกเลี่ยงมันอยู่ ไม่อยากรู้เรื่องเร็วเกินไปนัก

อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย อยากจะมองดูสีหน้าของเขาให้ชัดเจน แต่กลับถูกเขาใช้มือกดเอาไว้เบาๆ จนนางขยับไม่ได้

นางลอบถอนหายใจ นึกถึงเนื้อหาเหล่านั้นในสมุด สีหน้าก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น

นางอยากจะบอกอยู่เสมอ แต่เรื่องนี้ใหญ่หลวงมาก คนที่เกี่ยวข้องล้วนมีความใกล้ชิดกับเย่ซิวตู๋ จึงไม่สามารถพูดออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ต้องให้เวลานางเสียหน่อย ให้เวลาเพียงนิดเดียวก็พอ

ครั้นสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่หนักอึ้งเล็กน้อยของเย่ซิวตู๋ มือของอวี้ชิงลั่วก็ลูบหลังของเขาอีกครั้ง กล่าวเบาๆ “ไม่สงสัยข้าและเหมิงจื่อเชียนแล้วหรือ?”

“ครั้งต่อไปห้ามทำอีกเล่า” เย่ซิวตู๋เม้มปาก ไม่พอใจอย่างมาก “ต่อให้มีเรื่องรีบร้อนอันใด ก็อย่าไปอยู่ในห้องกับคนอื่นตามลำพัง ข้าเชื่อใจเจ้า แต่ไม่เชื่อใจเขา หากเจ้าถูกรังแกขึ้นมาเล่า?”

ขีดสามขีดปรากฏบนหน้าผากของอวี้ชิงลั่ว ตอนที่เขาอยู่ในดินแดนเหมิงก็ร่วมมือกับเหมิงจื่อเชียนและเชื่อใจเขามากไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้จึงกลับตาลปัตรไปเสียแล้ว?

“ในเมื่อเชื่อใจข้า แล้วเหตุใดเมื่อครู่จึงโกรธขนาดนั้นเล่า” มือของนางถูกบีบจนเจ็บไปหมดแล้ว

เย่ซิวตู๋เม้มปากอีกครั้ง “เชื่อใจก็เรื่องหนึ่ง การเห็นเจ้ามีความลับเก็บไว้กับตัวไม่ยอมบอกข้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

อวี้ชิงลั่วตะลึง สองมือกระชับในทันใด กอดเขาแน่นขึ้น “เรามีความลับต่อกันที่ไหนเล่า? เพียงแต่มีเรื่องอยากไปถามเขาเสียหน่อยก็เท่านั้น ตอนนั้น… ตอนนั้นเสิ่นอิงก็ตามหลังมาไม่ใช่หรือ ในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้ ข้าเองก็ต้องกันเขาไว้ก่อน จึงได้ปิดประตูเสีย อาจจะดูท่าทางเหมือนว่าพวกเราทำเรื่องน่าอายกัน แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย”

“อืม”

“ท่านอย่าคิดอะไรไปไกลนะ” อวี้ชิงลั่วสางผมเขา “ข้า ข้าก็มีลูกให้ท่านแล้ว อีกอย่าง ท่านเองก็ดีกว่าเหมิงจื่อเชียนร้อยเท่า ข้าพบท่านที่เป็นบุรุษที่ดีที่สุดในโลกแล้ว ไม่มีทางชอบคนอื่นอีก”

เย่ซิวตู๋อึ้งงันไป ชิงเอ๋อร์ไม่เคยชื่นชมเขาเช่นนี้มาก่อน จนในใจของเขาอ่อนยวบไปหมด

จะว่าไปคำพูดสองประโยคนี้ของนางก็เพียงพอแล้ว เขายังมีอะไรไม่เชื่อใจนางอีกหรือ?

“ดังนั้นอย่าโกรธเลยนะ หากในใจท่านยังไม่พอใจอยู่อีก ท่าน ท่านก็ไปตีหนานหนานเสีย” อวี้ชิงลั่วเอ่ยแนะอย่างจริงจัง

เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก ใช้มือตบก้นของนางเบาๆ “เจ้ากับหนานหนานมีความแค้นต่อกันหรือ?”

อวี้ชิงลั่วหัวเราะแล้วเงยหน้า จูบคางของเขา “ข้าเป็นแม่ของเขานะ เขาช่วยรับแทนข้าก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”

เย่ซิวตู๋เริ่มเห็นใจหนานหนานแล้ว เจ้าเด็กนั่นอยู่ตั้งไกล ก็ยังต้องมาซวยไปด้วย

คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ห่างไกลจามออกมาอย่างแรง ออกแรงขยี้จมูก

เย่หลานเฉิงเห็นเช่นนั้นก็รีบจับมือของเขาเอาไว้ “อย่าขยี้สิ จมูกแดงหมดแล้ว”

“ข้ารู้สึกว่ามีคนกำลังด่าข้าอยู่” หนานหนานกล่าวอย่างมั่นใจ

อวี้เป่าเอ๋อร์ล้อเขา “เจ้าบอกว่าตนนั้นมีแต่คนรักใคร่ไม่ใช่หรือ? มีแต่คนที่คิดถึงเจ้า ไม่มีใครด่าเจ้าไม่ใช่หรือ?”

หนานหนานหน้ามุ่ยหันมามองเขา กำลังคิดจะเถียง ก็เห็นพ่อบ้านหยางเดินมาอย่างเร่งรีบ สีหน้าซีดเผือด เหมือนกับว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

หนานหนานยกมือขึ้นคิดจะทักทาย พ่อบ้านหยางกลับเหมือนว่าไม่เห็นเขาแม้แต่น้อย เดินผ่านร่างของเขาไป

หนานหนานชะงัก “เหมือนจะเกิดเรื่องแล้ว ไปกัน เราไปดูเสียหน่อย”

เขารีบไถลตัวลงจากเก้าอี้แล้วรุดตามพ่อบ้านหยางไป วิ่งไปทางเรือนตู๋พร้อมกัน

เย่ซิวตู๋กำลังถกเถียงกับอวี้ชิงลั่วเรื่องชื่อ “เจ้าเรียกเขาว่าจื่อเชียน แต่พอเรียกข้ากลับเรียกทั้งชื่อและสกุล”

อวี้ชิงลั่วตะลึงไปเล็กน้อย นางเพิ่งบอกเขาว่าหากมีเรื่องอันใดไม่พอใจก็ให้บอกมา แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เขาไม่พอใจ… คือเรื่องนี้

อวี้ชิงลั่วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เหล่ตามองเขา “เช่นนั้นข้าต้องเรียกท่านว่าอะไรเล่า ซิวตู๋หรือ ดูแปลกๆ ไปหน่อย”

“แปลกตรงไหนกัน ต่อไปก็เรียกเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นก็เรียกสามีสิ”

“…” ยังไม่ได้แต่งงาน จะมาเรียกสามีได้อย่างไร? อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขา จากนั้นก็ราวกับคิดอะไรออก กล่าวขึ้นมาทันใด “จริงสิ มีบางอย่างที่ข้าอยากถามมานานแล้ว เหตุใดท่านจึงชื่อว่าเย่ซิวตู๋ ไม่เหมือนกับองค์ชายคนอื่นๆ ?”

เหมือนเย่ฮ่าวหราน เย่ฮ่าวถิงเหล่านั้นล้วนเป็นชื่อขององค์ชาย มีเพียงเย่ซิวตู๋เท่านั้นที่ไม่เหมือนใคร

“…” เย่ซิวตู๋เงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “บนร่างข้ามีปานรูปดอกไม้ เป็นเด็กจากดินแดนเหมิง ต้องตั้งชื่อตามชาวเหมิง ชื่อของข้านั้นหมู่เฟยเป็นคนตั้ง

ตู๋ ที่หมายความว่าโดดเดี่ยว นี่คือความคิดของเหมิงกุ้ยเฟย

กฎของดินแดนเหมิงช่างแปลกประหลาดนัก อวี้ชิงลั่วยักไหล่ ไม่ถามอันใดอีก

จู่ๆ กลับมีเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายดังมาจากนอกเรือน เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านหยางเคาะประตูอยู่ด้านนอก “ท่านอ๋องๆ ท่าไม่ดีแล้วขอรับ”

เย่ซิวตู๋รีบเดินไปเปิดประตู เห็นใบหน้าชุ่มเหงื่อของเขา ใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”

“ท่านอ๋อง มีคนมาจากในวัง แจ้งว่า แจ้งว่าฝ่าบาทถูกลอบปลงพระชนม์ขอรับ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แย่แล้ว ใครเป็นคนลงมือกับฮ่องเต้ละเนี่ย ใช่นังกุ้ยเฟยหรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด