อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 970 หาข้อพิสูจน์

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 970 หาข้อพิสูจน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 970 หาข้อพิสูจน์

ตอนที่ 970 หาข้อพิสูจน์

ตามท้องถนนมีคนเดินไปเดินมาอยู่ขวักไขว่ จนโม่เสียนที่ขับรถม้าขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนพวกนี้ช่างรู้จักกระจายข่าวกันเสียจริงๆ”

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก “ที่แท้คนตายก็มีประโยชน์อยู่บ้าง”

นางประเมินเหมิงกุ้ยเฟยต่ำเกินไป คิดว่าอวี๋จั้วหลินตายแล้วก็จบ เดิมทีการที่เขาปรากฏตัวในจวนอวี๋ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเปิดเผยอยู่แล้ว ตายไปเสียก็จบ คิดไม่ถึงว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะใช้การตายของเขามาจัดการเย่ซิวตู๋

โม่เสียนได้ยินไม่ชัดนัก รู้สึกเพียงว่าคนในรถม้าพูดอะไรพึมพำเบาๆ อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูแล้วถาม “แม่นางอวี้ว่าอะไรนะขอรับ?”

“ไม่มีอะไร” อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวอย่างเกียจคร้าน “ตรงไปจวนอวี้เลย”

“ขอรับ” โม่เสียนควบม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังเส้นทางสู่จวนอวี้

ใครจะรู้ว่ารถม้าเพิ่งเดินหน้าไปได้สองก้าว ไม่ไกลนักก็มีคนชี้มาที่รถม้าของพวกเขาแล้วตะโกน “ทุกคนดูสิ คนผู้นั้นเหมือนจะเป็นผู้อารักขาข้างกายของท่านอ๋องซิว ในรถม้านั่นใช่ท่านอ๋องซิวหรือไม่นะ”

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ยังไม่ทันให้โม่เสียนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก็มีผู้คนมากมายบนท้องถนนพากันมารวมตัวรอบรถม้าแล้วตะโกนใส่รถม้า “ข้างในรถม้านั่นใช่ท่านอ๋องซิวหรือไม่ ท่านอ๋องซิว ได้ยินว่าใต้เท้าอวี๋ตายในคุกหลวง เขาถูกท่านอ๋องบีบคั้นจนตายอย่างนั้นหรือ”

อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะออกมาสองสามครั้ง คนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก กล้าถามคำถามเช่นนี้อย่างโจ่งแจ้งเพียงนี้

นี่ไม่ใช่คนที่มีใจจะปลุกระดม แต่เป็นคนที่ถูกปลุกระดม

“ได้ยินว่าระหว่างทางที่ใต้เท้าอวี๋คุ้มกันท่านอ๋องกลับเมืองหลวงมานั้นไม่ราบรื่น หลังจากท่านอ๋องซิวกลับมาก็พาลโกรธ บีบคั้นให้ใต้เท้าอวี๋ฆ่าตัวตายในคุกหลวง ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงพิโรธมาก ตรัสว่าใต้เท้าอวี๋เป็นบุคคลสำคัญของบ้านเมือง ท่านอ๋องกระทำการเช่นนี้ส่งผลให้ราชวงศ์ต้องเสื่อมเกียรติ และยังโกรธเกรี้ยวขนาดส่งคนไปล้อมตำหนักบรรทมของฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นจริงหรือขอรับ?”

นี่เป็นคำพูดของบัณฑิตที่ไม่พอใจ ในโลกใบนี้จะมีบัณฑิตบางกลุ่มที่คิดว่าตนมีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ มีความกล้าในการตรวจสอบ แต่กลับไม่พอใจต่อความไม่เป็นธรรมในข่าวลือที่ถูกแพร่กระจายออกไปเช่นนี้เสียจนโจมตีโดยไม่แยกแยะว่าสิ่งใดถูกหรือผิด

“ท่านอ๋องซิว ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ใต้เท้าอวี๋ก็เคยเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้ราชสำนัก เขาเองก็เคยกวาดล้างกลุ่มโจรชั่ว กำราบศัตรูในสนามรบ เป็นแม่ทัพหนุ่มของอาณาจักรเฟิงชางของข้า เหตุใดท่านอ๋องจึงบีบคั้นคนมีความสามารถให้ตายเพียงเพราะความโกรธแค้นส่วนตัวเช่นนี้เล่าขอรับ?”

“ท่านอ๋องซิวคิดปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวจริงๆ น่ะหรือ?”

“ท่านอ๋องซิว ท่านไม่ส่งเสียงใดๆ เช่นนี้ เป็นการยอมรับอย่างเงียบๆ หรือขอรับ?”

ให้ตายสิ เหตุใดจึงมีคนไร้ยางอายมาพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ด้วยนะ อวี้ชิงลั่วขบฟันกรอดจนดังกระทบกึกๆ

โม่เสียนที่อยู่ด้านนอกโกรธเสียจนหน้าเคร่งเครียด กล่าวเสียง “พูดจาไร้สาระ พวกเจ้าได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาจากที่ใดกัน จึงได้เอามาใส่ร้ายท่านอ๋องของข้าเช่นนี้ พวกเจ้าไม่รู้ความจริง ได้ยินเพียงข่าวลือ ทำให้ท่านอ๋องของพวกข้าต้องตกอยู่ในสภาพที่ไร้คุณธรรมและไร้ความเป็นธรรมเช่นนี้ ควรลงโทษอย่างไรดี?”

อวี้ชิงลั่วสูดหายใจลึกๆ ค่อยๆ หลับตาลง จากนั้นก็เปิดม่านบนรถขึ้น ก้มลง… แล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างสง่างาม

นางยืนอยู่ตรงหน้ารถม้า ก้มมองประชาชนที่ยืนล้อมรถม้าเช่นนั้น แววตาเฉียบคมกวาดมองสองสามคนที่มีความกระหายอยากจะซักถามอีก

นางยิ้มออกมา “ขอโทษทุกท่านด้วย ข้าไม่ใช่ท่านอ๋องซิว ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องที่ว่ายอมรับอย่างเงียบๆ อะไรนั่น ส่วนคำถามของพวกท่านเมื่อครู่ ข้าเองก็สามารถตอบพวกท่านได้แทนท่านอ๋องซิวเช่นกัน”

ทุกคนมองดู ก็เห็นว่าหญิงสาวผู้นี้คือแม่นางชิง หมอปีศาจตัวจริงที่เคยแข่งขันฝีมือทางการแพทย์กับหมอปีศาจตัวปลอมที่ร้านอาหารเมื่อตอนนั้นไม่ใช่หรือ?

หมอปีศาจ…

ทุกคนไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ได้ยินว่าแม่นางผู้นี้ร้ายกาจนัก อารมณ์ก็แปรปรวน หากเห็นใครขัดหูขัดตาก็ทำให้คนผู้นั้นพิการได้ง่ายๆ โดยไม่มีทางรู้เลยว่านางลอบวางยาพิษตอนไหน

อวี้ชิงลั่วในตอนนี้นั้นควรจะขอบคุณชื่อเสียงภายนอกของตนที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ ไม่อย่างนั้นในตอนนี้หากทุกคนมองว่านางเป็นหญิงสาวอ่อนแอ ก็เกรงว่าพวกเขาจะรุมทึ้งนางเสียจนไม่เหลือกระดูก

อวี้ชิงลั่วกวาดตามองอีกครั้ง คนเหล่านั้นตัวสั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ได้ ถึงกับถอยเท้าไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างพร้อมเพรียงอีกด้วย

อวี้ชิงลั่วยิ้มอย่างพึงพอใจมาก จากนั้นก็ยื่นมือชี้ไปที่ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงในเสื้อผ้าธรรมดาที่อยู่ไม่ไกล “เจ้า ใช่ เจ้านั่นแหละ มาตรงนี้หน่อยสิ ข้ามีคำถามอยากถามเจ้า”

ชายหนุ่มผอมสูงผู้นั้นหลบสายตาเล็กน้อย หลังจากขดตัวอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นอย่างมั่นคง เชิดหน้าก้าวเท้าออกไป

“แม่นางมีสิ่งใดก็เชิญถามมาเถิด แต่เมื่อครู่แม่นางก็กล่าวแล้วว่า เรื่องปัญหาที่ทุกคนกล่าวถึงนั้น แม่นางเองก็สามารถตอบแทนท่านอ๋องซิวได้ใช่หรือไม่ขอรับ?”

“ใช่” อวี้ชิงลั่วมองบัณฑิตที่เมื่อครู่ซักถามเย่ซิวตู๋เสียงดังอย่างมาก ยิ้มแบบเป็นกันเองอย่างน่าประหลาด “เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ เรื่องที่เจ้าบอกว่าอวี๋จั้วหลินตายในคุกหลวง เป็นเพราะท่านอ๋องซิวบีบคั้นจนตาย ทั้งยังบอกว่าฝ่าบาททรงกริ้วเสียจนระเบิดโทสะ ทำให้ถูกท่านอ๋องซิวนำคนไปล้อมตำหนักบรรทม เรื่องเหล่านี้… ใครบอกเจ้ามาหรือ?”

บัณฑิตผู้นั้นชะงัก มองไปรอบๆ รู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย

คำพูดเหล่านี้แน่นอนว่าเขาได้ยินมา อีกอย่างต่อให้มีคนมาบอกเขา เขาเองก็ไม่สามารถพูดได้ เช่นนั้นมันจะต่างกับการขายผู้อื่นอย่างไรหรือ

“ข้า เรื่องนี้นั้น ตามท้องถนนเขาก็ล้วนพูดกันเช่นนี้ขอรับ”

เขายืดคอตอบเสียงดังอย่างมาก ราวกับว่าต้องการให้คนรอบๆ ยอมรับและสนับสนุนอย่างไรอย่างนั้น

และก็มีคนพยักหน้าเห็นด้วยจริงๆ “นั่นสิๆ ตามท้องถนนเขาก็พูดกันเช่นนั้น”

“อ้อ…” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า รอยยิ้มยังคงไม่เปลี่ยนไป “เช่นนั้นก็แปลว่า พวกท่านไม่ได้ตรวจสอบความเป็นจริงของเรื่องราว ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วใครเป็นคนปล่อยข่าว ทั้งยังไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่องราวเหล่านี้อีกด้วยหรือ?”

“ข้า… พวกเรา…” ทุกคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องลับอย่างมาก พวกเขาเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา จะไปมีหลักฐานได้อย่างไรเล่า?

“ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ทั้งยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกมา” อวี้ชิงลั่วเปลี่ยนสีหน้าดูจริงจังขึ้นมาในทันใด สีหน้านางแลเคร่งเครียดทั้งยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ไม่รู้เรื่องอันใดทั้งนั้น รู้เพียงข่าวลือที่เขาลือกัน แต่พวกท่านกลับกล้ามาล้อมรถม้าของท่านอ๋องซิวเพื่อซักถามท่านอ๋องซิวอย่างนั้นหรือ? พวกท่านช่างกล้าหน้าด้านถึงเพียงนี้เลยหรือ หรือว่ามีใครมายุยงส่งเสริมพวกท่านกัน?”

เพียงอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนสีหน้า คนเหล่านั้นก็หวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

จากนั้นทุกคนก็เริ่มตระหนัก นั่นน่ะสิ ดูเหมือนพวกเขาจะล้อมรถม้าของท่านอ๋องซิว พวกเขาเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา ไม่มีแม้แต่คนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ถ้าหากท่านอ๋องซิวต้องการสอบสวนขึ้นมา ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะตายก็เป็นได้

ทันใดนั้นทุกคนก็ตื่นตระหนกขึ้นมา บัณฑิตผู้นั้นยิ่งหน้าแดงขึ้น เมื่อเห็นท่าทางเยาะหยันของอวี้ชิงลั่ว ในใจก็ตื่นกลัวเป็นอย่างมาก

เขารีบเงยหน้าขึ้นและอธิบายอย่างกระตือรือร้น “พวกเราไม่ได้ต้องการซักถามนะขอรับ เพียงแต่ เพียงแต่เรื่องนี้ถูกกล่าวถึงอย่างมาก ดังนั้น ดังนั้นจึงเพียงแค่พากันมาเพื่อหาข้อพิสูจน์จากท่านอ๋องก็เท่านั้น เช่นนั้น เช่นนั้นจะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านอ๋องอย่างไรเล่าขอรับ”

“อ้อ หาข้อพิสูจน์…” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ใครเป็นคนปล่อยข่าวก็ให้ไปจัดการคนนั้นค่ะ ไม่ต้องมาถามตำหนักอ๋องซิวหรอก

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด