อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 996 เจ้าคงทนทุกข์ทรมานมากสินะ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 996 เจ้าคงทนทุกข์ทรมานมากสินะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 996 เจ้าคงทนทุกข์ทรมานมากสินะ

ตอนที่ 996 เจ้าคงทนทุกข์ทรมานมากสินะ

ทันทีที่ร่างนั้นเข้ามาก็เบียดหมอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ออกไป แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงของเสิ่นอิงด้วยใบหน้าซีดเซียว “เสิ่น เสิ่นอิง เจ้าคนแซ่เสิ่น ช่วยฟื้นเพื่อข้าที อย่าตายนะ…”

คนสองสามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตกตะลึง โดยเฉพาะฟ่านฉี่อวิ๋น เขามองดูร่างที่คุ้นเคยกำลังทิ้งตัวอยู่ข้างเตียงด้วยความประหลาดใจ จนถึงกับไม่รู้สึกตัวอยู่นาน

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เรียกออกมาอย่างไม่แน่ใจ “น้องเล็ก?”

คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่สนใจเขา แต่จู่ ๆ ก็หันหน้าไปมองเย่ซิวตู๋ที่เดินตามเข้ามาด้วยสายตาจริงจัง “ท่านอ๋อง?”

เย่ซิวตู๋กวาดสายตามองไปรอบห้อง และเมื่อเขาเห็นเย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลียืนอยู่ด้านข้าง เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นมองไปยังเสิ่นอิงที่อยู่บนเตียง ขมวดคิ้วก่อนพยักหน้า แล้วพูดว่า “อืม”

เมื่อคนผู้นั้นได้รับการยืนยันจากเย่ซิวตู๋ ก็เหลือบไปมองแวบเดียว แล้วรีบวิ่งออกไป

เย่ซิวตู๋วางหนานหนานลง แล้วเดินอยู่ข้างเสิ่นอิง ท่าทางของเขาดูโกรธจัด ปากเม้มแน่น

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถามเสียงเบา “ใครทำร้ายเขา?”

เย่ฮ่าวหรานตอบว่า “เผิงอิงขอรับ”

“เผิงอิงหรือ?” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขามืดมนทันที หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยถามว่า “เขาเป็นไส้ศึกหรือ?”

เสิ่นอิงถูกทำร้ายจนต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ โดยที่เขาไม่ได้อยู่ใกล้ด้วย ส่วนสีหน้าของเย่ฮ่าวหรานเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเคียดแค้น แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะไม่ต้องการคิดเช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

“ใช่ขอรับ” เย่ฮ่าวหรานสูดหายใจเข้า แล้วพยักหน้าช้า ๆ

สีหน้าของเย่ซิวตู๋ยิ่งแย่ลงไปอีก กำปั้นที่อยู่ข้างตัวเขาบีบแน่น

เมื่อหนานหนานเห็นดังนั้นก็รีบวางมือเล็ก ๆ ลงบนฝ่ามือของเขา แล้วลูบเบา ๆ “ท่านพ่อ…”

“เด็กดี” เย่ซิวตู๋ก้มลงลูบศีรษะเด็กชาย

ฟ่านฉี่อวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านข้างลังเลที่จะพูด เขาอยากจะถามจริง ๆ ว่าเหตุใดน้องสาวคนเล็กของเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่ แต่เขาก็รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือชีวิตของเสิ่นอิง

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ น้องเล็กมาถึงเมืองหลวง แล้วพี่ใหญ่กับพี่รองรู้หรือไม่

และ… น้องเล็กและเสิ่นอิงรู้จักกันหรือ? ไปเจอกันเมื่อไร? เหตุใดเขาไม่รู้?

ขณะที่เขากำลังคิด ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งวิ่งออกไปอย่างรีบร้อนก็กลับมาอีกครั้ง แต่มือของนางจูงใครบางคนเข้ามาด้วย

ทุกคนมองด้วยความตกตะลึง “ท่านหมอเจียง?”

เจียงอวิ๋นเซิงเดินโซเซขณะพึมพำตลอดทาง “เฮ้อ สาวน้อย ช้าลงหน่อย ข้าวิ่งไม่ไหว เดินเร็วเท่าเจ้าไม่ได้หรอก”

“ถ้าท่านไม่รีบ เสิ่นอิงจะตายนะเจ้าคะ” เสียงของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวคมชัด สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

หากมองดี ๆ จะเห็นขอบตาที่เปียกชื้นของนาง ดูเหมือนนางกำลังจะร้องไห้

เจียงอวิ๋นเซิงเม้มปาก แม้ว่าร่างกายของเขาจะเกือบหายดีแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจทนต่อสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทางที่มาจากเมืองตันหยางได้

เดิมทีท่านอ๋องขอให้เขากลับไปมาพักผ่อนที่วัง แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลังจากที่เขาเข้ามาในวัง ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวคนนี้ก็รีบเข้าไปลากเขาเข้ามา และบอกว่าต้องการให้เขาช่วยชีวิตคน

เป็นเรื่องดีที่เขายังไม่ทันได้อาบน้ำเพื่อจะพักผ่อน ไม่เช่นนั้นหากแม่สาวน้อยคนนี้วิ่งเข้าไปหาในสภาพนั้น ชื่อเสียงของเขาคงจะป่นปี้หมดไม่ใช่หรือ?

เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าคนที่เขาต้องช่วยชีวิตจะเป็นเสิ่นอิง

ตอนนี้เจียงอวิ๋นเซิงไม่กล้าบ่นอีกต่อไป เขารีบไปที่เตียงของเสิ่นอิงทันที

สาวน้อยคนนี้ยังเด็กมาก คาดไม่ถึงว่านางจะมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้ เจียงอวิ๋นเซิงดึงชายเสื้อที่ถูกนางดึงไว้แน่นออก แล้วมองไปยังเสิ่นอิงที่มีใบหน้าซีดเซียว

คิ้วของเขาขมวดคิ้วทันที ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวรีบถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ช่วยให้เขารอดได้หรือไม่เจ้าคะ?”

เจียงอวิ๋นเซิงไม่สนใจนาง เขาวางนิ้วจับชีพจร หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดด้วยสีหน้าหนักใจ “ท่านอ๋อง ท่านเสิ่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บภายใน ข้าต้องฝังเข็ม…”

“ตกลง เชิญท่านเริ่มฝังเข็มได้เลย” เย่ซิวตู๋พยักหน้า แล้วโบกมือให้ทุกคนออกไป

ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง ก่อนมองเจียงอวิ๋นเซิงแล้วถามว่า “ท่านบอกข้าที เขาจะรอดหรือไม่? เขาจะไม่ตายใช่หรือไม่เจ้าคะ? โปรดบอกข้าทีเจ้าค่ะ”

เจียงอวิ๋นเซิงถอนหายใจ “ข้าไม่แน่ใจ แต่ท่านเสิ่นน่าจะได้กินยาช่วยชีวิตมาก่อน ตอนนี้ชีวิตของเขาเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าเขาคงจะตายไปแล้ว ข้าทำได้เพียงพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อรักษาท่านเสิ่น”

ใบหน้าของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวซีดเผือด ราวกับว่านางสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไปแล้ว ร่างกายของนางโซเซ ก่อนจะล้มลงข้างเตียง

เย่ซิวตู๋ขยิบตาให้ฟ่านฉี่อวิ๋น ซึ่งฝ่ายหลังก็รีบก้าวเข้ามาประคองฟ่านเสี่ยวเสี่ยวให้ลุกขึ้น “เอาล่ะ พวกเราออกไปก่อนเถิด อย่ารบกวนหมอเจียงที่กำลังรักษาเสิ่นอิง ออกไปรอข่าวข้างนอกกัน”

ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าสติของนางหลุดลอยไปแล้ว และปล่อยให้ฟ่านฉี่อวิ๋นจูงนางออกจากประตู

จากนั้นคนในห้องก็ออกจากห้องไปทีละคน ปล่อยเจียงอวิ๋นเซิงไว้รักษาเขาตามลำพัง

อย่างไรเสีย เจียงอวิ๋นเซิงก็เคยฝึกงานกับหัวหน้าหมอหลวง ที่ถวายการรักษาให้ฮ่องเต้ในอดีต ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากในเมืองหลวง และด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ทักษะทางการแพทย์ของเขาจึงย่อมไม่ธรรมดา แม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอวี้ชิงลั่ว หมอเฒ่าฉยงซาน หรือคนอื่น ๆ แต่ก็เก่งกว่าหมอทั่วไปมากเช่นกัน

ก่อนที่หนานหนานจะออกไป เขาส่งขวดยาสีน้ำตาลให้เจียงอวิ๋นเซิง

“ท่านลุงเจียง นี่คือยาของท่านแม่ เมื่อครู่นี้ข้าให้ท่านอาเสิ่นไปสองเม็ด มันมีประโยชน์มาก ข้าจะวางไว้ที่นี่ก่อน ท่านลองดูว่าจะใช้ได้หรือไม่ขอรับ”

เจียงอวิ๋นเซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเทยาใส่มือข้างหนึ่ง และจ่อที่ปลายจมูกเพื่อดมกลิ่น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และรีบพยักหน้าให้หนานหนาน “ไม่ต้องกังวล ข้าสามารถช่วยชีวิตท่านเสิ่นได้แน่นอนด้วยเจ้าสิ่งนี้”

ด้วยคำพูดนี้ หนานหนานถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แล้วออกจากห้องไปพร้อมเย่ซิวตู๋

เมื่อปิดประตู ภายในห้องก็เงียบสงัด และข้างนอกห้องก็เงียบกริบเช่นกัน

โดยเฉพาะฟ่านเสี่ยวเสี่ยว ที่เกือบจะเอาตัวแนบอยู่กับกรอบประตู และส่องเข้าไปในรอยแตกของประตู เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

เย่ซิวตู๋ไม่กังวลเรื่องเสิ่นอิงแล้ว เขาจึงสั่งให้คนวางเก้าอี้ไว้นอกห้อง อุ้มหนานหนาน แล้วถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าบอกความจริงพ่อมาที”

หนานหนานพยักหน้า ก่อนเล่าทันทีว่าเมื่อคืนนี้เขาเข้าไปในวัง แล้วพบอวี้เป่าเอ๋อร์อยู่ในตำหนักของคังเฟย จากนั้นก็กลับมาบอกแม่ แล้วบังเอิญเจอเสิ่นอิงกำลังคุยกับขันที จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปกับเผิงอิงและเสิ่นอิง เมื่อไปถึงชานเมืองก็พบว่ามีคนไล่ตามมา จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องที่ได้พบกับเย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลีทั้งหมด

“ท่านลุงเผิง… เผิงอิงยอมรับด้วยตัวเอง ว่าเขาใช้ประโยชน์จากท่านลุงเสิ่น ใช้ความกระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิตคนของข้า และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ท่านกับท่านแม่ไม่ได้อยู่ในตำหนัก เขาจึงได้คิดแผนดังกล่าวขึ้นมา”

เย่ซิวตู๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกอดเขาไว้ในอ้อมแขน “เจ้าคงทุกข์ทรมานมากสินะ”

แม้ว่าหนานหนานจะไมได้เล่าอะไรมาก แต่ก็จินตนาการได้ถึงสภาพจิตใจของหนานหนานตอนบอกว่าอวี้เป่าเอ๋อร์กำลังถูกทรมาน เขาจึงรู้สึกสะเทือนใจมาก

หนานหนานลูบแขนเขา แล้วส่ายหน้า

จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็หันหน้าไปมองเย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลีที่กำลังคุยกัน แล้วถามว่า “แล้วพวกเจ้าเล่า? เหตุใดจู่ ๆ ถึงกลับมาที่เมืองหลวง?”

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มาลุ้นกันค่ะว่าท่านเสิ่นจะรอดไหม ว่าแต่ท่านเสิ่นแอบคบกับน้องสาวตระกูลฟ่านเมื่อไหร่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด