อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 195 หมายความเช่นนี้แหละ
ตอนที่ 195 หมายความเช่นนี้แหละ
เยว่ซิวเบิกตาโต รีบตะโกนเสียงดังว่า “คุณชาย ช่วยด้วยเจ้าค่ะ”
นางเป็นคนรับใช้ในจวนอวี๋มาหลายปี ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดนี้ จึงตะโกนเรียกอวี๋จั้วหลินออกมา
หางตาของอวี๋จั้วหลินเหลือบเห็นถึงความตึงเครียดทางฝั่งนี้ จึงรีบใช้กระบี่ปัดดาบของนักฆ่าที่อยู่ตรงหน้า รีบเคลื่อนกายลงมาหาอย่างรวดเร็วเพื่อขวางไว้ตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
“พวกเจ้าเป็นใคร?” อวี๋จั้วหลินสีหน้าตึงเครียด มือที่กำด้ามกระบี่ก็กำไว้แน่นขึ้น สายตาพุ่งเป้าไปยังการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น ราวกับว่าหากคนเหล่านั้นขยับแค่เพียงนิดเดียว เขาก็จะลงมืออย่างไม่ลังเล
สถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก
คนเหล่านั้นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา หัวหน้าของคนเหล่านั้นถึงกับเย้ยหยัน “เจ้าไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ หากคิดจะมีชีวิตรอดต่อไป ก็ส่งตัวสตรีผู้นั้นที่อยู่ด้านหลังมาให้ข้าซะ”
“เหอะ ช่างน่าขัน อวี๋จั้วหลินอย่างข้ามีหรือจะรักตัวกลัวตาย? คิดจะทำร้ายแม่นางชิง ก็ต้องผ่านข้าไปก่อน” พวกเขาพุ่งเป้ามาที่แม่นางชิง ทั้งยังเลือกที่จะลงมือในวันนี้ เช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องการแข่งขัน คนเหล่านี้เป็นคนแซ่เสิ่นผู้นั้นส่งตัวมางั้นหรือ? ช่างน่าดูหมิ่นจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แม้ว่าอวี๋จั้วหลินผู้นี้จะห่วยแตก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นแม่ทัพมาก่อน ช่วงเวลาเช่นนี้ หากเขาหนีไป หลังจากนี้คงไม่มีหน้าจะมีชีวิตต่อไปแล้ว
นักฆ่าทั้งสี่คนนั้นได้ยินคำพูดนี้ ก็เงื้อดาบพุ่งตัวเข้ามาทันที
อวี๋จั้วหลินมีความมั่นใจในฝีมือของตนเองมาก เขาคือผู้บัญชาการทหาร และเคยเป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ ภายในเมืองหลวงแห่งนี้คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ช่างน้อยนิด
การรับมือกับนักฆ่าไม่กี่คน ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
อวี้ชิงลั่วเงยหน้ามองอวี๋จั้วหลินที่ไม่ได้เสียเปรียบนักฆ่าทั้งสี่คนนี้ ดวงตาจึงหรี่ลงเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่
เยว่ซินที่เดิมทียังตื่นตระหนกขณะปลดบังเหียนม้าออกจากรถม้าด้วยมือที่สั่นเทา ครั้นเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดกับอวี้ชิงลั่วด้วยความดีใจว่า “คุณหนู ดูเหมือนว่าพวกเราคงไม่แพ้แล้ว คุณ…คุณชายอวี๋มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ต้องเอาชนะคนเหล่านั้นได้แน่นอนเจ้าค่ะ”
คำพูดนี้ไม่ดังแต่ก็ไม่ได้เบา ทว่ากลับเข้าไปถึงหูของนักฆ่าสี่คนนั้นพอดี
อวี๋จั้วหลินรู้สึกมีความสุข ยิ่งสู้ก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น เกิดความคิดอยากให้ตนเองแสดงออกมาต่อหน้าทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
นักฆ่าเหล่านั้นหันสบตากันในทันที หัวหน้าขมวดคิ้วคำรามเสียงทุ้มต่ำ “อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่ที่นี่ ฆ่าสตรีนางนั้นซะ”
ครั้นคำพูดนี้ถูกเปล่งออกมา เยว่ซินก็ตกใจจนหน้าถอดสีอย่างหนัก “คุณ…คุณ…คุณ…คุณหนู พวกเรารีบหนีเถอะเจ้าค่ะ” ระหว่างที่พูด เยว่ซินก็รีบปลดรถม้าต่อ
ทว่านักฆ่าสี่คนนั้นกลับไม่คิดจะเปิดโอกาสนี้ให้พวกเขา จึงรีบยกมือขึ้นและฟันดาบลง ม้าตัวนั้นจึงเกิดอาการตื่นตระหนกยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นเงยหน้าคำรามเสียงสูงทันใด เท้าหลังยกขึ้นเตะเข้าที่กลางอกของเยว่ซิน
อวี้ชิงลั่วดึงเยว่ซินให้ถอยหลังออกมาสองสามก้าว ก่อนจะล้มลงบนพื้นกลิ้งไปตามพื้นสองตลบ หลบดาบของนักฆ่าที่ฟันลงมาได้อย่างพอดิบพอดี
ม้าได้รับบาดเจ็บจนเลือดหยดลงบนพื้นวิ่งหนีเตลิดไปแล้ว นักฆ่าเหล่ากระจายตัวออกจากกัน สองคนเข้าไปขวางอวี๋จั้วหลินเพื่อยื้อเวลา ส่วนอีกสองคนที่เหลือยกอาวุธพุ่งตรงเข้ามาที่อวี้ชิงลั่วและเยว่ซิน
อวี๋จั้วหลินถึงกับตกใจอย่างหนัก เขาทิ้งนักฆ่าสองคนนั้นเพื่อวิ่งตรงมาทางนี้ ทว่าตอนที่เขาหมุนกายกลับมากลับเผยให้เห็นช่องว่าง เปิดโอกาสให้นักฆ่าสองคนนั้นใช้ดาบฟันเข้าที่กลางแผ่นหลังของเขา
อวี๋จั้วหลินแผดเสียงอู้ด้วยความเจ็บปวด เหงื่อผุดออกมาบริเวณหน้าผาก ตอนนี้เขาไม่สนใจทางฝั่งอวี้ชิงลั่วแล้ว เขาต้องรักษาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลัง
เขาแผดเสียงคำรามทุ้มต่ำหนึ่งเสียง หมุนตัวและพุ่งเข้าใส่คนสองคนนั้น ท่ามกลางแสงจากกระบี่ แขนของหนึ่งในนั้นถูกสับจนขาดออกจากร่างกายทันที
อวี๋จั้วหลินยิ้มเยาะ อดทนต่อบาดแผลบนแผ่นหลังขณะขยับเข้าใกล้นักฆ่าอีกคน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หน้าอีกของอีกฝ่าย
ใครจะไปคิดว่านักฆ่าที่ถูกอวี๋จั้วหลินฟันเข้าที่กลางหน้าอกจะหัวเราะหึหึออกมา นักฆ่าคนนั้นจับเข้าที่คมกระบี่ของอวี๋จั้วหลิน ก่อนจะยกมือขึ้นมาตรงหน้าอวี๋จั้วหลินพร้อมกับโปรยซัดผงสีขาวเข้าใส่ดวงตาของเขา
อวี๋จั้วหลินรีบยกมือขึ้นมาขวางไว้เพื่อหลบหลีกผงสีขาวนั้น ตอนที่เขายกมือขึ้นมาปิด นักฆ่าที่จากเดิมกำลังจะจัดการอวี้ชิงลั่วกลับพุ่งตัวเข้ามาจากทางด้านหลัง พร้อมกับใช้ฝ่ามือตบเข้าที่บาดแผลกลางหลังของอวี๋จั้วหลินอย่างแรง
ฝ่ามือนั้นถูกส่งพลังออกมาสุดแรง อวี๋จั้วหลินได้รับบาดเจ็บจึงทำให้ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าลงหนึ่งขั้น ทั้งยังกระอักเลือดจนเลือดพุ่งไปด้านหน้าอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะเป็นลมหมดสติล้มตัวลงไปกองอยู่บนพื้น
เยว่ซินอุทานออกมาด้วยความตกใจ จ้องมองอวี๋จั้วหลินที่ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ภายในใจก็รู้สึกสิ้นหวังถึงขีดสุด ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบขณะยืนขวางตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว เริ่มถอยหลังด้วยการก้าวเท้าสั้น ๆ
นักฆ่าที่อยู่ตรงหน้าเผยสายตาที่ชั่วร้ายออกมา คมดาบส่องประกายเย็นเยียบ “แม่นาง หากจะโทษก็โทษความไม่รู้ของเจ้าเถิด อยู่ดีไม่ว่าดีจะแส่หาเรื่องทำไมกัน?”
แส่หาเรื่อง? เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เรื่องการประลองของข้ากับหมอเสิ่นน่ะรึ? ดังนั้นพวกเจ้าเป็นคนที่หมอเสิ่นส่งมา หรือเป็นคนที่จวนเว่ยหยวนโหวส่งมา หรือว่า…เป็นคนที่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงส่งมากันล่ะ?” อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ คำพูดแต่ละคำชัดเจนแจ่มชัด ไม่ได้มีความประหม่าแต่อย่างใด
คนคนนั้นถลึงตาโต สายตาแอบแฝงด้วยความตื่นตระหนกปราดหนึ่ง ภายหลังดูเหมือนว่าจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงไม่คิดจะเสียเวลาอีกต่อไป ตวัดดาบวาดเข้าใส่เยว่ซินอย่างสุดแรง
“ดูเหมือนว่าวันนี้คงไว้ชีวิตแม่นางไม่ได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วผลักเยว่ซินไปด้านหลัง โน้มตัวลงเพื่อหลบการโจมตีของมีดเล่มนั้น
คนคนนั้นชะงัก ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่หัวหน้านักฆ่าคนนั้นที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ก็ชะงักเช่นกัน “เจ้ามีวรยุทธ์หรือ?”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “หากเทียบกับพวกเจ้าแล้ว ฝีมือของข้าแค่นี้มากสุดก็คงเป็นแค่หมัดเท้าปักบุปผา ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”
หัวหน้านักฆ่าคนนั้นหรี่ตาลง มือทั้งสองข้างกุมดาบไว้แน่นไม่กล้าประเมินคู่ต่อสู้ต่ำ
อวี้ชิงลั่วกลับหลุดหัวเราะ “ข้าบอกไปแล้ว ไม่ต้องรออย่างใจจดใจจอขนาดนี้หรอก ข้าเป็นแค่หมัดเท้าปักบุปผาจริง ๆ จุดแข็งของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ จุดแข็งของข้าคือการใช้ยา ทั้งยังเป็นยาพิษเสียด้วยสิ” เมื่อเห็นท่าทางที่ดูจริงจังยิ่งขึ้นของคนเหล่านั้น อวี้ชิงลั่วก็ยิ่งยิ้มอย่างมีความสุข “แต่พวกเจ้าไม่ต้องห่วง วันนี้ข้าไม่ใช้ยาพิษหรอก ที่นี่ คาดว่าคงไม่ถึงขั้นต้องให้ข้าลงมือเองหรอก จริงหรือไม่”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หัวหน้านักฆ่าขมวดคิ้ว รีบหันกลับไปมองอวี๋จั้วหลิน คนคนนั้นถูกพวกเขาจัดการจนพ่ายแพ้ไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คงลุกขึ้นมาสู้กับพวกเขาไม่ได้อีกแล้ว
เยว่ซินก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสั่นเทา เดินเข้ามายืนข้าง ๆ อวี้ชิงลั่วด้วยความหวาดกลัว ทั้งยังยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางราวกับกำลังคุ้มกันนาง
ทว่าภายในใจของนางกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เหตุใดคุณหนูถึงไม่มีท่าทีตื่นตระหนกอะไรเลย? อวี๋จั้วหลินไร้ประโยชน์คนนั้นนอนอยู่บนพื้นไปแล้ว ตอนนี้พวกนางควรคิดหาวิธีเพื่อหนีมิใช่หรือ?
หรือว่า คุณหนูคิดจะใช้แผนยื้อเวลา?
เยว่ซินเกิดความคิดยุ่งเหยิงอยู่ภายในใจ นักฆ่าเหล่านั้นกลับหมดความอดทนแล้ว จึงเงื้อดาบพุ่งตัวเข้าใส่เยว่ซิน
“ปึก…”
“พรวด…”
เสียงดังขึ้นสองเสียง ดวงตาของเยว่ซินยังไม่ทันได้ปิดลง นักฆ่าที่พุ่งตัวเข้าใส่นางคนนั้นกลับกระเด็นลอยถอยหลังไปแล้ว ทั้งยังกระแทกเข้ากับรถม้าที่จอดตะแคงอยู่ข้าง ๆ อย่างแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมาจากปาก
น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วดังทุ้มต่ำ ทั้งยังแฝงด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “หมายความเช่นนี้แหละ”
สิ้นสุดเสียงของนาง ก็ปรากฏคน 7-8 คนยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ด้านหลัง ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยแรงสังหาร จ้องมองไปยังนักฆ่าเหล่านั้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โถ่ นึกว่าจะมีฝีมือขนาดไหน โดนซัดหมอบไปแล้วกระจั๊วแซ่อวี๋เอ๊ย
ชิงลั่วเขามีผู้คุ้มกันนะคะ แกประมาทแล้วที่มาเล่นงานชิงลั่ว
ไหหม่า(海馬)
Comments