อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 215 ตอนนี้เจ้าหนักกี่ชั่งแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 215 ตอนนี้เจ้าหนักกี่ชั่งแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215 ตอนนี้เจ้าหนักกี่ชั่งแล้ว
ตอนที่ 215 ตอนนี้เจ้าหนักกี่ชั่งแล้ว

ใต้เท้าเย่แสดงสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวทีละคำทีละประโยคว่า “จากกฎของอาณาจักรเฟิงชาง ควรตัดศีรษะทั้งชั่วโคตรขอรับ”

“ไม่ พวกท่านอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเขา” เวยเยวี่ยนโหวหน้าขาวซีด รีบร้อนเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ

ถูกต้อง เขาเคยพูดว่าเย่ซิวตู๋จะกลายเป็นฮ่องเต้ และเคยพูดว่าหลิ่วเซียงเซียงย่อมกลายเป็นฮองเฮา แต่เขาไม่เคยพูดเรื่องที่ฮ่องเต้จะสวรรคต และไม่เคยร่วมมือกับหมอเสิ่นเพื่อหลอกลวงฮ่องเต้เลย

ทว่า ตอนนี้ในเวลานี้รัชทายาทและองค์ชายกลับพร้อมใจกันคิดจะฆ่าเขา มีหรือที่จะฟังคำแก้ตัวจากเขา?

เย่ซิวตู๋เห็นสถานการณ์ มุมปากจึงกระตุกเป็นเส้นโค้งเบา ๆ พูดกับรัชทายาทและคนอื่น ๆ ว่า “รัชทายาท ความผิดทั้งหมดที่เวยเยวี่ยนโหวทำไว้ขอยกให้รัชทายาทและองค์ชายทุกท่านจัดการ ถึงอย่างไรเราและบุตรีของเวยเยวี่ยนโหวก็ได้รับพระราชทานงานมงคลสมรสจากเสด็จพ่อ เพื่อเลี่ยงความสงสัย เรื่องนี้เราจะไม่เข้าไปแทรกแซง เรื่องทั้งหมดขอให้รัชทายาทเป็นผู้ตัดสิน”

รัชทายาทพยักหน้าเล็กน้อย ถือว่าพอใจต่อทัศนคติของเย่ซิวตู๋ ถึงอย่างไรการไว้หน้าเขาภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ก็นับว่าให้ความเคารพแล้ว

ณ เวลานี้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่รัชทายาทให้ความสำคัญมากที่สุดและต้องการมากที่สุด เขาถูกกดขี่ข่มเหงมานานเกินไป ทำให้เขาร้อนใจอยากพิสูจน์สถานะรัชทายาทซึ่งมีความสูงศักดิ์กว่าเกินกว่าจะหาสิ่งใดทัดเทียมจนแทบทนไม่ไหว

เย่ซิวตู๋จึงถอนตัวออกมาจากคลื่นพายุฉากนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ หันหน้าไปพูดกับหลีจื่อฟานที่อยู่ข้าง ๆ “เสนาบดีฝั่งขวาเป็นหัวหน้าของเหล่าขุนนาง จัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยความยุติธรรมเสมอมา เสด็จพ่อเชื่อมั่นในตัวเสนาบดีฝั่งขวาอย่างมาก เช่นนั้นเสนาบดีก็อยู่ที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานได้พอดี กลับไปจะได้นำไปรายงานต่อเสด็จพ่อตามความเป็นจริง”

หลีจื่อฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องห่วยแตกเหล่านี้เขาไม่คิดจะเข้าร่วม เรื่องในวันนี้แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะทำไว้อย่างคลุมเครือ แต่เขากลับคาดเดาได้

เย่ซิวตู๋คิดจะจัดการเวยเยวี่ยนโหวถึงตาย คาดว่าคงเป็นเพราะ…เรื่องงานแต่งงานพระราชทานของเขาและหลิ่วเซียงเซียง มิเช่นนั้น เขาคงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเหตุผลใดที่ทำให้ท่านอ๋องซิวต้องจัดการกับท่านโหวเช่นนี้

ทว่าในเมื่อเย่ซิวตู๋พูดเช่นนี้แล้ว เขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะปฏิเสธบ่ายเบี่ยง จึงได้แต่พยักหน้าตอบกลับไป และเดินไปยืนข้าง ๆ รัชทายาท จากนั้นจึงตรวจสอบเวยเยวี่ยนโหวที่ถึงกับพูดไม่ออกร่วมกับใต้เท้าเย่ผู้ตรวจการของเมืองหลวง

เพียงแต่ ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีนั้นที่ยังมีความครึกครื้น กลับไม่เห็นเงาของอวี้ชิงลั่วแล้ว

หลีจื่อฟานรู้สึกประหลาดใจ เกิดความคิดอยากไปดูให้แน่ชัด ทว่ารัชทายาทและองค์ชายคนอื่น ๆ กลับรั้งเขาไว้ เพื่อให้จัดการกับเว่ยเหยี่ยนโหว

หลีจื่อฟานถึงกับหมดคำพูด ทำได้เพียงแค่เงยหน้าจัดการกับพวกเขาต่อไป อย่างไรก็ตาม เย่ซิวตู๋ก็หายตัวไปภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้เช่นเดียวกัน

ไม่เพียงแต่เขา ข่งอวิ๋นเซิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ค้นพบว่าอวี้ชิงลั่วหายไปแล้วเช่นกัน จึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “แม่นางชิงล่ะ?”

“เอ๋ จริงสิ แม่นางชิงล่ะ?” ขงอวิ๋นเซิงพูดเช่นนี้ คนอื่น ๆ ก็กวาดตามองตามเช่นเดียวกัน เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงนั้น เหตุใดถึงได้หายไปภายในพริบตาเดียวเสียได้

เย่ฮ่าวหรานแอบก่ายหน้าผาก เพราะเขาค้นพบว่าเจ้าเด็กหนานหนานคนนั้นก็หายไปด้วย มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คาดว่าอวี้ชิงลั่วคงพาตัวเด็กคนนั้นออกไปแล้ว นางออกไปได้ตรงเวลาดีจริง ๆ ส่วนเขาที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้กลับยังต้องฟังการแข่งขันโต้วาทีระหว่างรัชทายาทและเวยเยวี่ยนโหวต่อไป น่าหดหู่จริง ๆ

“อะแฮ่ม เมื่อครู่แม่นางชิงพูดไว้แล้ว ใต้เท้าอวี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะช่วยเหลือนาง ในเมื่อเรื่องทางฝั่งนี้จบลงแล้ว นางจึงขอรบกวนให้ท่านอ๋องซิวพานางไปช่วยรักษาใต้เท้าอวี๋”

เย่ฮ่าวหรานครุ่นคิด คงมีแค่คำแก้ตัวเช่นนี้ที่จะช่วยให้นางหลุดพ้นได้ ถึงอย่างไรแม้แต่พี่ห้าและโม่เสียนก็หายไปแล้ว ทางฝั่งนั้นมีแค่เหวินเทียนและเผิงอิงที่กำลังให้ปากคำกับรัชทายาทและคนอื่น ๆ

ทุกคนได้ยินต่างก็พากันยกย่อง “แม่นางชิงผู้นี้ สมกับที่เป็นหมอปีศาจจริง ๆ ความเมตตากรุณาเช่นนี้ คือตัวอย่างของการเป็นหมอเลย”

“ถูกต้อง ๆ มีหมออย่างแม่นางชิงเช่นนี้ นับเป็นพรของเมืองหลวงเราจริง ๆ”

เย่ฮ่าวหรานถึงกับมุมปากกระตุกวูบอย่างหนักสองหน พรของเมืองหลวง? เหตุใดเขาถึงรู้สึกได้ว่าการมาถึงเมืองหลวงของแม่นางชิงในครานี้ จะทำให้เมืองหลวงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินล่ะ? สตรีผู้นั้นและอวี๋จั้วหลินเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมฟ้าเดียวกันไม่ได้หรอก

เย่ฮ่าวหรานแอบสบถเงียบ ๆ ตอนที่เงยหน้าขึ้น กลับพบว่าเวยเยวี่ยนโหวไม่สามารถรับมือกับการสอบปากคำของทุกคนได้ จึงโบกมือใส่รัชทายาทและคนอื่น ๆ เตรียมตัวที่จะหลบหนีออกจากโรงเตี๊ยม

เขายิ้มเยาะ อีกฝ่ายทำเช่นนี้ มิเท่ากับเป็นการหลบหนีเพราะกลัวความผิดอย่างชัดเจนหรอกหรือ?

ใต้เท้าเย่ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งให้คนจับตัวในทันที เขาไม่ออมมือเพราะกังวลถึงสถานะของอีกฝ่ายอีกต่อไป หลังจากจับกุมตัวเวยเยวี่ยนโหว จึงเพิ่มข้อหาอีกหนึ่งข้อ…จับกุมและสังหารเจ้าหน้าที่

เป็นเพราะการปรากฏตัวของเขาในโรงเตี๊ยม ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ถูกลูกหลงจนพลอยลำบากไปด้วย สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจเวยเยวี่ยนโหวแม้แต่น้อย ต่างคนต่างพากันประณามเขาสาปแช่งถึงตาย

เพียงชั่วครู่ ภายในโรงเตี๊ยมก็เกิดเสียงดังกระหึ่มราวเสียงอสนีบาต สะเทือนจนผู้คนที่เดินอยู่บนถนนข้าง ๆ โรงเตี๊ยมหันมามองทางฝั่งนี้อย่างห้ามไม่อยู่

อวี้ชิงลั่วพาหนานหนานออกมาจากประตูโรงเตี๊ยมขณะที่กำลังเกิดความวุ่นวาย

“ท่านแม่ วันนี้ท่านเก่งมากเลย หนานหนานมองดูจากด้านบนหน้าต่างเห็นได้อย่างชัดแจ้งแจ่มชัด ท่านช่วยชีวิตของเด็กตัวเล็ก ๆ คนนั้นกลับมา ข้าเคารพท่านราวกับสายน้ำไหลเชี่ยวไม่มีที่สิ้นสุด และราวกับ…”

“พอแล้ว ทุกครั้งเจ้าก็เอาแต่พูดประโยคนั้นวนไปวนมา แม่ฟังจนเบื่อแล้ว” อวี้ชิงลั่วถลึงตาใส่หนานหนานด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะดึงมือเล็ก ๆ ของเขาเดินไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้คน

ไม่ได้เจอกันหลายวัน นางเองก็รู้สึกคิดถึงเขาจริง ๆ

แต่ไม่ว่านางจะมองอย่างไร เด็กคนนี้ก็ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นอีกแล้ว อาหารที่อยู่ในวังคงอร่อยเกินไป อร่อยจนทำให้เขาไร้การควบคุมมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากกินก็คงจะนอนนั่นแหละ

“หนานหนาน ตอนนี้เจ้าหนักกี่ชั่งแล้ว?”

“หา?” หนานหนานกำลังคิดว่า กลับไปเขาควรจะเรียนรู้ประโยคชื่นชมจากเย่หลานเฉิงสักสองสามประโยคดีหรือไม่ จะปล่อยให้ท่านแม่ฟังจนเบื่อไม่ได้ มิเช่นนั้นคงประจบสอพลอไม่ได้แล้ว เพียงแต่ตอนที่ยังนึกหาข้อสรุปไม่ได้ หนานหนานกลับได้ยินคำถามไร้ความเกรงใจเช่นนี้จากปากของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงบุ้ยปากกระซิบเสียงเบาว่า “ก็…ก็ไม่หนักเท่าไรหรอก”

อวี้ชิงลั่วหัวเราะพรืด ใช้มือหยิกแก้มนุ่มนิ่มของหนานหนาน หยิกราวกับเป็นเนื้อก้อนหนึ่ง หากเฉือนออกมาขายคงได้เงินไม่น้อย

“อวี้ฉิงหนาน ครั้งก่อนแม่บอกกับเจ้าอย่างไร? แม่เคยตั้งกฎไว้แล้วใช่หรือไม่ว่าหนึ่งวันกินได้มากสุดเท่าไร? เจ้าไม่เชื่อฟังในสิ่งที่แม่พูดใช่หรือไม่?”

หนานหนานเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นดิน สายตาล่องลอยแสดงออกถึงความรู้สึกผิด ทว่าดวงตากลับกลอกไปมา ไม่ยอมสบตาอวี้ชิงลั่ว

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง “หนานหนาน หากเจ้ายังกินแบบนี้ต่อไป เจ้าคงไม่เหลือภาพลักษณ์วีรบุรุษผู้หล่อเหลาอีกต่อไปแล้ว หากกินต่อไปคงได้กลายเป็นเจ้าอ้วนตุ๊ต๊ะ แม้แต่แม่ก็คงรังเกียจเจ้าด้วย”

ขาทั้งสองข้างของหนานหนานถึงกับชะงัก มองอวี้ชิงลั่วราวกับรู้สึกเหลือเชื่อ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ท่านแม่ ท่านแม่เคยบอกว่าหลังจากนี้จะไม่รังเกียจข้าแล้วมิใช่รึ? งั้น…หากท่านรังเกียจข้าแล้ว ไม่อยากได้ข้าแล้ว งั้น…งั้นท่านก็เอาของที่ข้าฝากให้ท่านแม่เก็บไว้ให้ภรรยาของข้าคืนกลับมาให้หมดเลย”

“…”

“ฮ่า ๆ หนานหนาน ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอก” ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกัน จู่ ๆ ด้านหน้าก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นดังขึ้น

…………………………

สารจากผู้แปล

ท่านโหวถึงคราวดวงกุดแล้วสินะ หลายข้อหาเลย

หนานหนานไอ้อ้วง เอาแต่กินไม่ได้ออกกำลังกาย ระวังไม่หล่อนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *