อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 224 โขกศีรษะของชิงลั่ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 224 โขกศีรษะของชิงลั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 224 โขกศีรษะของชิงลั่ว
ตอนที่ 224 โขกศีรษะของชิงลั่ว

ผิดแต่ผงยาที่เทลงเมื่อครู่กลับเปลี่ยนทิศทาง ม่านตาของจ้าวผิงหดลง ร่างกายของนางแข็งทื่อ แขนอ่อนระทวย ท้ายที่สุดนางก็ล้มลงไปบนพื้น

‘โครม’ เกิดเสียงดังสนั่นจนทำให้หัวใจของไท่จื่อเฟยแทบจะหยุดเต้น

เมื่อนางหลับตาไปดู ก็พบว่าจ้าวผิงนั้นได้หมดสติอยู่บนพื้นไปเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่หญิงสาวไม่ได้ล้มลงใส่ชิ้นส่วนแจกันที่แตก ไม่เช่นนั้นบนร่างกายของนางก็คงจะมีบาดแผลอยู่ไม่น้อย เกรงว่าจะรับสภาพไม่ไหว

เย่หลานเฉิงตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรแล้ว เขารีบปีนกลับลงไปบนพื้น และรีบปรี่เข้าไปที่เตียงของไท่จื่อเฟย “ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไท่จื่อเฟยมองดูผงยาที่ตกอยู่บริเวณขอบเตียง หญิงสาวค่อย ๆ ถอนหายใจ “ไม่เป็นไร หลานเฉิงไม่ต้องเป็นกังวล”

“เลวมาก เลวมาก ๆ นางผู้นี้เลวมาก ๆ” หนานหนานเบิกดวงตาเล็ก ๆ ขึ้นและใช้แรงของทั้งสองเท้าเหยียบลงไปบนตัวจ้าวผิง ใบหน้าเล็กนั้นฉายแววดุดัน

อวี้ชิงลั่วพาเด็กน้อยไปไว้ข้างกายเย่ซิวตู๋ หลังจากนั้นจึงขมวดคิ้วกับไท่จื่อเฟย “ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทและจ้าวผิงนี่คงทนกำจัดท่านทิ้งไปไม่ไหว ไท่จื่อเฟย สถานการณ์ของท่านตอนนี้…”

เย่หลานเฉิงตกใจกับคำพูดของหญิงสาวที่ยังเอ่ยออกมาไม่หมด จึงรีบเข้าไปจับมือท่านแม่ของตนเอาไว้ “ท่านแม่ ข้าจะไปร้องขอต่อท่านพ่อ เผื่อท่านพ่อจะอนุญาตให้ท่านเข้าไปในวังและคอยอยู่กับหลานเฉิง”

ไท่จื่อเฟยเงยหน้าขึ้นสบตากับอวี้ชิงลั่ว เกิดความเงียบขึ้นมาระหว่างเขาทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “หลานเฉิง เจ้าซ่อนตัวได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เจ้าไม่สามารถซ่อนตัวไปได้ตลอดชีวิต ตอนนี้แม่ยังเป็นไท่จื่อเฟย มีเหตุผลอันใดที่จะไม่อาศัยอยู่ในเรือนแห่งนี้? และมากไปกว่านั้น หากว่าแม่ไม่อยู่ที่นี่ องค์รัชทายาท…”

ถึงเวลานั้นทั้งตำหนักขององค์รัชทายาทก็คงเป็นโลกทั้งใบของจ้าวผิง มีนางคอยบงการอยู่ข้างหูขององค์รัชทายาท กลัวว่าพระองค์จะทำสิ่งที่ยุ่งเหยิงมากขึ้น และเวลานั้นพระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน แม้จะไม่คาดหวังอะไรกับองค์รัชทายาทแล้ว แต่มันก็จะมาพัวพันกับหลานเฉิง นั่นคือสิ่งที่นางไม่ยินยอมพบเห็น

แน่นอนว่าเย่หลานเฉิงเข้าใจเหตุผลภายในนั้น แต่ในตอนนี้มารดาของเขาได้รับบาดเจ็บ บิดาและจ้าวผิงก็ไม่ปล่อยนางไป แม้แต่คนที่คอยคุ้มครองอยู่ข้าง ๆ ก็ยังไม่มีเลย ไม่นานพวกเขาก็จะโดนพวกเขาทำร้าย

“ไม่เช่นนั้น ข้าจะไปขอเสด็จปู่ ให้ข้ากลับตำหนักแค่ในเวลาเพียงสั้น ๆ เมื่อรอให้บาดแผลบนร่างกายของท่านหายดีก่อนข้าค่อยกลับไป เช่นนี้…”

“ไม่ได้นะ” ไท่จื่อเฟยไม่ต้องการที่จะขัดเด็กชาย ใบหน้าของนางเริ่มจริงจังขึ้น “หลานเฉิง เจ้ากลับวังไปอย่างเชื่อฟังและอย่าเอ่ยอะไรกับเสด็จปู่ และก็อย่าได้บอกเรื่องที่แม่บาดเจ็บ เจ้าวางใจเสียเถิด แม่โตแล้ว ในเมื่อรู้แผนการของพวกเขาแล้ว จะต้องไม่โดนพวกเขาทำร้ายอีกแล้ว แม่ยังสามารถปกป้องตัวเองได้อยู่”

เย่หลานเฉิงไม่สามารถอยู่ที่ตำหนักรัชทายาทได้จริง ๆ ต่อให้เด็กชายต้องการที่จะกลับมา แต่จ้าวผิงจะต้องไม่ปล่อยเด็กชายไว้

“แต่ว่า แต่ว่า…”เย่หลานเฉิงยังต้องการเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่กลับมีเสียงของโม่เสียนดังขึ้นมาจากด้านนอก “ท่านอ๋อง มีคนมาพ่ะย่ะค่ะ”

เย่ซิวตู๋สบตากับอวี้ชิงลั่ว ทั้งสองขมวดคิ้วขึ้นมาสบตากัน ไท่จื่อเฟยเองก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา วันนี้เหตุใดเรือนจิ่นซิ่วถึงได้คึกคักเช่นนี้

“ข้าจะบอกท่านไว้ว่า ข้าจะไม่หลบอยู่หลังฉากกั้นห้องอีกแล้ว” อวี้ชิงลั่วจ้องมองเย่ซิวตู๋ ชายหนุ่มจึงชี้ไปที่คาน เพื่อส่งสัญญาณให้นางไปหลบบนนั้น

เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น ชายหนุ่มหันกลับมาอุ้มพาเย่หลานเฉิงและหนานหนานขึ้นไปบนคาน หลังจากนั้นก็กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับวางแผนที่จะอุ้มอวี้ชิงลั่ว เพียงแต่ยังไม่ทันที่จะเอื้อมมือออกไป ก็พบกับจ้าวผิงที่นอนอยู่บนพื้น ด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก

ชายหนุ่มสับสนเล็กน้อย เย่ซิวตู๋จึงเรียกให้โม่เสียนเข้ามา

โม่เสียนแปลกใจว่าด้านในนั้นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น คาดไม่ถึงว่าเมื่อเข้ามาแล้วก็พบกับเย่ซิวตู๋ที่ชี้ไปยังจ้าวผิงที่นอนอยู่บนพื้น ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น “พานางไปซ่อนไว้ที่หลังฉากกั้นห้อง”

“…” อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก

“…” โม่เสียนมองดูเจ้านายที่สงบนิ่ง และหันไปมองอวี้ชิ่งลั่วที่โดยไม่ได้ตั้งใจ ภายในใจของเขาก็สบถคำด่าขึ้นมานับพันคำ ท่านอ๋องนี่เกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่อยากสัมผัสจ้าวผิง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบงการกันถึงเพียงนี้ โม่เสียนเองก็เป็นบุรุษที่ขาวสะอาดเหมือนกันนะ?

โม่เสียนคิดเช่นนี้ก็จริง แต่กลับไม่กล้าแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจ จึงได้รีบลงมือลากนางเข้าไปหลังฉากกั้นห้อง

หลังจากนั้นเย่ซิวตู๋ก็โอบเอวของอวี้ชิงลั่ว แลัวโผทะยานกลับขึ้นไปซ่อนตัวบนคานอีกครั้ง

ผ่านไปไม่นานก็ได้มีคนผลักประตูเข้ามา หญิงสาวที่เกล้าผมมวยเหมือนหญิงรับใช้มองสำรวจรอบ ๆ ห้อง เมื่อไม่เห็นผู้คนจึงได้เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง

ไท่จื่อเฟยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผู้ใด?”

“ไท่จื่อเฟย ข้าน้อยเองเพคะ” หญิงรับใช้ผู้นั้นตกตะลึงไปสักพัก หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ปิดประตูห้อง เท้าเล็ก ๆ ของนางก้าวย่างอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นเศษชิ้นส่วนแจกันบนพื้น นางจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ?”

“เฉิงเอ๋อร์? เจ้าไม่ได้พึ่งจะกลับไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงกลับมาเล่า? เจ้ากลับมาเช่นนี้อีกสักครู่มามาตามหาเจ้าไม่เจอ จ้าวผิงจะทำให้เจ้าเดือดร้อน” ไท่จื่อเฟยถอนหายใจ ร่างกายที่เกร็งอยู่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

เย่หลานเฉิงหมอบอยู่บนคานได้สักพักจึงค่อย ๆ เอ่ยกับอวี้ชิงลั่ว “พี่เฉิงเอ๋อร์เป็นสาวใช้คนใหม่ของแม่ข้า ตั้งแต่นางยังเยาว์วัยก็ได้ติดตามรับใช้ท่านแม่ เมื่อก่อนนางดีกับข้ามากและก็ดูแลท่านแม่ข้าอย่างดี นับว่าเป็นคนที่เชื่อถือได้”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เมื่อเอ่ยเช่นนี้ นางก็คือคนที่ไท่จื่อเฟยเคยบอกว่าถูกจ้าวผิงพาตัวไปที่อื่น และนางก็คอยแอบส่งอาหารและยาให้ เป็นสาวใช้ผู้นี้อย่างนั้นหรือ?

เฉิงเอ๋อร์หลบเศษแจกันกันบอกพื้นอย่างระมัดระวัง เมื่อเดินไปถึงขอบเตียงก็พิจารณามองดูไท่จื่อเฟยอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไร จึงได้ถอนหายใจออกมา “เดิมทีแล้วข้าน้อยกลับไปห้องเก็บฟืน แต่เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ข้าน้อยก็เห็นจ้าวผิงเดินไปทางเรือนจิ่นซิ่ว ในมือก็ยังถือมีดสั้นเอาไว้และดูท่าทางมีลับลมคมใน ข้าน้อยเกรงว่าจะไม่เป็นการดีต่อไท่จื่อเฟย ดังนั้นจึงแอบตามเข้ามา ไท่จื่อเฟย แล้วจ้าวผิงเล่าเพคะ? แจกันนี่ใช้นางทำแตกหรือไม่? ”

เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วและหันไปมองอวี้ชิงลั่ว ชายหนุ่มยิ้มเงียบ ๆ ต่อแจกันที่เป็นสนามอารมณ์ใบนี้

อวี้ชิงลั่วกลอกตา แล้วหันไปมองเหตุการณ์ภายในห้องต่อ

หนานหนานไม่เข้าใจว่าท่านพ่อและท่านแม่ของตนนั้นกำลังคุยอะไรกันเงียบ ๆ เด็กชายส่ายหัว จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา จึงจะย้ายไปอยู่ข้างหน้าอวี้ชิงลั่ว แล้วใช้ศีรษะของตนโขกกับศีรษะของนาง

อวี้ชิงลั่วส่งเสียงฮึ่มในลำคอด้วยความไม่พอใจ หญิงสาวหันหน้าไปทางลูกชายพร้อมกับกัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ?”

“ข้าอยากทราบว่าท่านแม่คิดสิ่งใดอยู่” หนานหนานพยักหน้า นอกจากความรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ก็ไม่เกิดผลอะไรเลย หลังจากครุ่นคิดแล้ว เด็กชายก็ขยับออกไปอย่างระมัดระวังเพื่อไปหาเย่หลานเฉิงที่อยู่อีกฝั่ง จากนั้นก็หมอบลงอย่างว่าง่าย และมองดูเงาจากด้านหลังม่านไข่มุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“……”

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

น่าจะล้มลงใส่เศษแจกันให้ได้แผลสักหน่อยนะนังขนมผิง ทีนี้ยังจะหยิ่งผยองต่อไปอีกได้ไหม เสียดายหนานหนานที่น่าจะเหยียบหน้านังคนนี้สักหน่อยด้วย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *