อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 328 เรื่องที่เย่ซิวตู๋เฝ้ารอ
ตอนที่ 328 เรื่องที่เย่ซิวตู๋เฝ้ารอ
ตอนที่ 328 เรื่องที่เย่ซิวตู๋เฝ้ารอ
จากนั้น องค์ชายทั้งสามคนก็ได้ยินเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น “นำตัวพวกเขากลับไปที่เรือนของตัวเอง ก่อนการแข่งขันสี่อาณาจักรจะเริ่มขึ้น ห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว หากมีใครกล้าต่อต้าน จงตัดมือตัดขาแล้วส่งกลับอาณาจักรจิงเหลยให้หมด”
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้อารักขาคนสนิทของซ่างกวนจิ่งรีบพยักหน้า พลันสั่งคนให้ลากตัวพวกเขาออกไป
องค์ชายทั้งสามคนได้ยินเช่นนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ซ่างกวนจิ่งจะแค่สั่งกักบริเวณพวกเขา ไม่มีแม้กระทั่งความคิดที่จะทุบตีหรือต่อว่าพวกเขา สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย
ทว่าท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอยู่ดี
แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจกับการถูกกักบริเวณ แต่มันก็เบากว่าการลงโทษด้วยวิธีอื่น
ทั้งสามคนจึงไม่กล้าพูดอะไรมากมาย ยอมเดินตามออกไปอย่างเชื่อฟัง ราวกับกลัวว่าอุปราชจะเสียใจในภายหลัง แม้แต่ศีรษะก็ก้มต่ำลงด้วย
เพียงแต่ภายในใจของพวกเขากลับเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า เหตุใดเสด็จลุงจึงยังเข้ามาที่นี่ในตอนนี้ ทั้งยังนั่งอยู่บนเกี้ยวอีก?
จนกระทั่งพวกเขาเดินออกไปไกลแล้ว ซ่างกวนจิ่งจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจ้องไปยังทหารกองทัพพยัคฆ์ที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าอึมครึม
เขาย่อมทราบดีว่าไม่มีทางที่จะเป็นฝีมือขององค์ชายสามคนนั้น แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะเป็นองค์ชาย แต่ก็ไม่ได้กล้าหาญและมีความสามารถที่จะต่อกรกับทหารกองทัพพยัคฆ์ของเขาได้
เกรงว่าสตรีที่อยู่ภายในห้องคงหายไปแล้ว ซ่างกวนจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดกับผู้อารักขาที่อยู่ด้านหลัง “สั่งคนปิดเรือนรับรองซะ ตรวจสอบหาตัวสตรีผู้นั้นให้เจอ แล้วก็ปลุกสี่คนนี้ให้ตื่นด้วย”
จากนั้นก็ให้คนยกเกี้ยวพาเขาเข้าไปในห้อง มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเงาของสตรีผู้นั้นจริง ๆ
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้อารักขาคนนั้นรับคำสั่ง ยกน้ำมาสองกะละมังและสาดลงบนตัวของทหารกองทัพพยัคฆ์ทั้งสี่นาย
ทั้งสี่คนนั้นที่ก่อนหน้านี้มีอาการสะลึมสะลือก็กลับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นซ่างกวนจิ่ง สายตาพลันตึงเครียดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ รีบพากันคุกเข่าลงบนพื้น
“พูดมา เกิดอะไรขึ้น?” ซ่างกวนจิ่งยิ้มเยาะ เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ทหารกองทัพพยัคฆ์ของตนเองจะอ่อนแอเช่นนี้ คนสี่คนกลับสู้สตรีเพียงคนเดียวไม่ได้
ทั้งสี่คนก้มหน้าลง แล้วเล่าถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องไปหนึ่งรอบ
เมื่อซ่างกวนจิ่งได้ยินคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น จากคำบอกเล่าของพวกเขาเหล่านี้ คนที่ทุบตีพวกเขาจนหมดสติไม่ใช่สตรีผู้นั้น แต่เป็นคนที่มีวรยุทธ์ขั้นสูงอีกคนหนึ่ง?
คนที่มีวรยุทธ์ขั้นสูง คนที่มีวรยุทธ์ขั้นสูง หรือว่า…จะเป็นเย่ซิวตู๋?
เขาได้เห็นฝีมือของผู้อารักขาเหล่านั้นที่คุ้มกันรถม้าก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าคงไม่มีทางที่ทหารกองทัพพยัคฆ์จะพลาดโอกาสแม้กระทั่งการได้เห็นหน้าของพวกเขา ตอนนี้คนที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่และมีฝีมือเช่นนี้ เกรงว่าคงมีแค่เย่ซิวตู๋
“หลานฉี ไม่ต้องตามหาตัวสตรีผู้นั้นแล้ว นางไม่ได้อยู่ที่เรือนรับรองแล้ว” ซ่างกวนจิ่งลอบถอนหายใจ พูดกับหลานฉีที่ยืนอยู่ด้านหลัง
เขารู้ดีว่าอวี้ชิงลั่วไม่มีกำลังภายใน จากกำลังของนางเพียงคนเดียว เกรงว่าคงไม่มีปัญญาออกจากเรือนรับรองแห่งนี้ได้ แต่เมื่อมีเย่ซิวตู๋แล้วมันคงจะต่างออกไป คาดว่านางคงออกจากที่นี่และกลับตำหนักอ๋องซิวไปนานแล้ว
คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสตรีผู้นั้นจะเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก เพียงไม่นานก็หนีไปได้แล้ว
ซ่างกวนจิ่งเม้มปากแค่นเสียงเยาะ ทว่าเป็นเพราะรู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างยังอ่อนแรง คิ้วจึงขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้
“หลานฉี ไปเรียกหมอหลวงต่งมา” ซ่างกวนจิ่งรู้ดีว่าตนคงไปที่ตำหนักอ๋องซิวเพื่อให้เย่ซิวตู๋หาคนมารักษาไม่ได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงได้แต่ต้องเรียกหมอหลวงต่งมาดูอาการ เขาไม่เชื่อหรอกว่าสตรีผู้นั้นจะกล้าฆ่าเขาภายในเรือนรับรองของอาณาจักรเฟิงชาง
หลานฉีพยักหน้าขานตอบรับ เพียงแต่ตอนที่ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า สายตาก็เหลือบมองทหารกองทัพพยัคฆ์ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้นพลางถอนหายใจ
ซ่างกวนจิ่งจ้องมองพวกเขา บรรยากาศภายในห้องดูเย็นชาลงภายในพริบตาเดียว
ทหารกองทัพพยัคฆ์ทั้งสี่นายต่างรู้ดีว่าตนเองทำงานได้ไม่ดี และพวกเขาก็รู้สึกเสียหน้า ไม่รอให้ซ่างกวนจิ่งได้พูดอะไรก็เริ่มขอรับบทลงโทษ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยทำให้ท่านอ๋องต้องผิดหวัง ตายหมื่นครั้งก็ยังยากเกินกว่าจะเลี่ยงความผิด”
ครั้นกล่าวจบ แต่ละคนก็ยกมือขึ้นมาทำท่าทางราวกับกำลังจะฆ่าตัวตาย
ซ่างกวนจิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วพูดออกมาเสียงเรียบว่า “ความผิดของพวกเจ้าไม่ถึงตาย ออกไปให้หมด ส่วนบทลงโทษ กลับไปค่อยว่ากัน”
ทั้งสี่คนถึงกับชะงักงัน ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องที่ตัดสินใจอย่างเหี้ยมโหดมาโดยตลอด จู่ ๆ กลับใจดีเช่นนี้
ซ่างกวนจิ่งไม่ได้ใจดี เพียงแต่วันนี้กองทัพพยัคฆ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จำนวนลดน้อยลงไปไม่น้อย ตอนนี้ยังอยู่ในเขตของอาณาจักรเฟิงชาง ศัตรูแต่ละคนไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขายังจำเป็นที่จะต้องใช้คน แม้ว่ากองทัพพยัคฆ์จะมีความผิดสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะฆ่าพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาระมัดระวังตัวเองเช่นนี้ก็เป็นเพราะสตรีผู้นั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้งสี่คนนี้เลยด้วยซ้ำ
หลานฉีนำหมอหลวงต่งเข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว ภายในห้องเหลือแค่เพียงสามคน คือซ่างจงก่วน หมอหลวงต่ง และหลานฉี หมอหลวงต่งช่วยจับชีพให้เขาอย่างละเอียด
ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงยื่นมือออกมาลูบเคราตนเอง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านอ๋องถูกวางยา โชคดีที่ยาชนิดนี้ไม่รุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการชาเท่านั้น ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต กระหม่อมจะจ่ายยาให้ท่านอ๋อง หลังจากดื่มเข้าไป เช้าวันพรุ่งก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่างกวนจิ่งลอบถอนหายใจ เขาเดาไว้ไม่ผิดจริง ๆ สตรีผู้นั้นคงไม่กล้าลงมือกับเขาภายในเรือนรับรอง
อวี้ชิงลั่วที่ถูกเย่ซิวตู๋โอบกลับมาที่จวนซิวอ๋องถึงกับจามอย่างแรงจนคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
นางไม่กล้าลงมือกับซ่างกวนจิ่งจริง ๆ นางมีความกล้าหาญออกเดินทางตั้งแต่เหนือจรดใต้ก็นับว่ามากแล้ว หากซ่างกวนจิ่งคิดจะปลิดชีพนางจริง ๆ นางก็คงไม่ปล่อยหายนะนี้ไป
เพียงแต่…เมื่อนึกถึงสถานะของเย่ซิวตู๋ นึกได้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับซ่างกวนจิ่งจริง ๆ อาณาจักรเฟิงชางและอาณาจักรจิ้งเหลยคงหนีไม่พ้นสงคราม
ถึงอย่างไรอาณาจักรเฟิงชางก็เป็นของตระกูลเย่ ไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่ปฏิบัติกับหนานหนานเป็นอย่างดี แม้แต่เย่ซิวตู๋ก็เป็นท่านอ๋องของอาณาจักรเฟิงชาง หากทำให้เขาลำบากใจก็คงไม่ดี
ลำบากใจ?
อวี้ชิงลั่วถึงกับตกตะลึง ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่าตนเองคิดมากเกินไปแล้ว ตอนนี้นางกลับเอาใจเขาถึงขั้นคิดแทนเขาแล้ว ทั้งยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ อีก
ให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
เมื่อเท้าของอวี้ชิงลั่วสัมผัสลงบนพื้น นางรีบยื่นมือออกไปผลักเพื่อรักษาระยะห่างจากเขาสองก้าว
เย่ซิวตู๋หน้าเปลี่ยนสี จ้องมองนางด้วยความโกรธเคือง
อวี้ชิงลั่วรีบเบือนสายตาไปทางอื่น พลันไอกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “หนานหนานล่ะ? เขาไม่ได้มาที่เรือนรับรองพร้อมกับท่านรึ?”
“เสิ่นอิงกับคนอื่น ๆ ดูแลอยู่ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็น ก่อนจะจูงมือนางเข้าไปในห้อง มือของเขาใหญ่และมีพลัง ทั้งยังร้อนผ่าว ทำเอาอวี้ชิงลั่วถึงกับกระส่ายกระสับอย่างบอกไม่ถูก
เกิดอะไรขึ้น? หลายวันมานี้พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ได้พูดคุยกัน ก็ควรจะห่างเหินกันมากกว่านี้ไม่ใช่รึ? เหตุใดวันนี้ เพียงแค่ถูกเขาสัมผัสมือเข้าหน่อย นางกลับเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันของสามอาณาจักรมาถึงกันหมดแล้ว วันพรุ่ง ภายในวังจะมีงานเลี้ยง เจ้าไปกับข้า” เย่ซิวตู๋ดึงมือของนาง ก่อนจะกดนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ สายตาที่จ้องมองนางดูเป็นประกาย
เขาคิดว่าในที่สุดก็ถึงวันพรุ่งแล้ว เรื่องนั้นที่เขาเฝ้ารอมาตลอดกำลังจะมาถึงเสียที
……………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องรอคอยเรื่องอะไรคะ อย่าบอกนะว่าจะประกาศความเป็นเจ้าของหมอปีศาจต่อหน้าสามอาณาจักร?
ไหหม่า(海馬)
Comments