อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 344 พวกเราแต่งงานกัน
ตอนที่ 344 พวกเราแต่งงานกัน
ตอนที่ 344 พวกเราแต่งงานกัน
บนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วฉายแววตื่นตระหนกเล็กน้อย นางเผชิญหน้ากับผู้อื่นด้วยท่าทีหยิ่งผยองมาโดยตลอด ไฉนเลยจะมีช่วงเวลาที่ต้องหลั่งน้ำตาอย่างน่าอายเช่นนี้?
โดยเฉพาะกับคนที่เผชิญหน้ากันในตอนนี้อย่างเย่ซิวตู๋
เสียงถอนหายใจเบา ๆ ของเย่ซิวตู๋ดังขึ้นเหนือศีรษะ เรือนกายของนางถูกเขาโอบกอด บาดแผลจากแส้ที่อยู่บนเอวเริ่มตึงเล็กน้อย จนรู้สึกเจ็บเล็ก ๆ
“ไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับสตรีอื่นหรือ?” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าของเย่ซิวตู๋ ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ข้างหู ส่งผลให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
“อืม” นางเปล่งเสียงออกมา ทั้งยังรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่งยวด
ครั้นเย่ซิวตู๋ได้ฟัง ความหนักอึ้งภายในใจพลันถูกปล่อยวางลง เขาทนมานานขนาดนั้น ในที่สุดก็ได้ยินคำพูดนี้จากปากของนางเสียที
มือของเขาลูบแผ่นหลังของนางอย่างแผ่วเบา มุมปากยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ตกลง เช่นนั้นข้าก็จะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น”
“ท่านรับราชโองการมาแล้ว พูดเรื่องนี้ในเวลานี้จะมีประโยชน์อะไร” อวี้ชิงลั่วปรับอารมณ์ของนางได้ น้ำตาที่หางตาแห้งเหือดแล้ว แต่เมื่อหันมองราชโองการที่ถูกเขาโยนทิ้งลงบนพื้นปราดหนึ่ง ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกหน นางขยับศีรษะ คิดจะผละออกจากอ้อมกอดของเขา
เย่ซิวตู๋ชะงัก หัวคิ้วขมวดมุ่น ทว่ากลับกอดนางแน่นไว้ขึ้น
เป็นเรื่องยากที่พวกเขาทั้งคู่จะได้พูดคุยกันอย่างสงบจิตสงบใจ เป็นเรื่องยากที่ริมฝีปากของนางจะมิได้เม้มเข้าด้วยกันจนแน่นขนาดนั้น โอกาสเช่นนี้ จะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?
“เจ้าสนใจราชโองการนั้นรึ? มันไม่ส่งผลกระทบถึงพวกเราหรอก”
ร่างกายของอวี้ชิงลั่วถึงกับแข็งทื่อ “ไม่ส่งผลกระทบ? หมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก” เย่ซิวตู๋ปล่อยนางออกจากอ้อมกอด หันกลับไปหยิบราชโองการบนพื้นกลับมาวางลงบนชั้นข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม หันกลับมาอีกครั้ง ก็นั่งลงบนขอบเตียงของนางด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกไปคลายจุดให้นาง
อวี้ชิงลั่วกลับขมวดคิ้วมุ่น โดยเฉพาะตอนที่เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่ซิวตู๋ สมองของนางก็เริ่มประมวลผลรวดเร็วยิ่งขึ้น
ความนิ่งสงบที่ถูกปัดลอยออกไปได้หวนกลับคืนมาหานางอีกหน นางเริ่มย้อนนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างละเอียด
ทว่ายิ่งคิด นางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองถูกคนขุดหลุมให้ตกลงไปในกับดัก โดยเฉพาะตอนที่เห็นสายตาวูบไหวของเย่ซิวตู๋ นางจึงนึกถึงคำพูดนั้นที่องค์ชายรองพูดไว้ ดวงตาพลันเบิกกว้าง ถลึงตาตวาดใส่เขาว่า “ท่านวางแผนอะไรไว้ล่วงหน้ากันแน่?”
นางเองก็รู้สึกประหลาดใจ เหตุใดวันนี้เย่ซิวตู๋จึงได้พานางเข้าวังโดยไม่มีสาเหตุอะไรทั้งสิ้น เขาคงไม่ได้ตั้งใจให้นางบุกเข้าไปในอุทยานอวี้ฮวา หรือตั้งใจให้นางได้ยินคำพูดนั้น และตั้งใจให้นางหึงหวงหรอกกระมัง
“บนตัวของเจ้ายังมีบาดแผลอยู่ อย่าได้ตื่นตูมถึงเพียงนั้น”
จะไม่ให้นางตื่นตูมได้รึ?
“หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะได้รับบาดเจ็บรึ?” ทำให้นางตกอยู่ในภวังค์จนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างไม่พอ ตอนนี้ยังมาพูดจาไร้สาระที่นี่อีก
นัยน์ตาของเย่ซิวตู๋มืดหม่น เรื่องที่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บถือเป็นเรื่องที่เขาเสียใจมากที่สุดในวันนี้ คำพูดนั้นในวันนี้ เขาตั้งใจให้นางได้ยินจริง ๆ เพียงแต่สิ่งเดียวที่อยู่เหนือความคาดหมายคือซ่างกวนจิ่น การต่อต้านของซ่างกวนจิ่นทำให้ฮ่องเต้เกิดความสงสัย อีกทั้งยังจับตัวนางไปและทำร้ายนาง
เย่ซิวตู๋ก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ โอบกอดเรือนกายของนางพลางกระซิบ “ขอโทษ”
อวี้ชิงลั่วเบือนหน้าหนี นางถึงกับใจอ่อนเพียงเพราะคำขอโทษเพียงประโยคเดียวของเขา
อันที่จริงหากมาคิดดูแล้ว นั่นก็เป็นเพราะเจตจำนงไม่แน่วแน่ของนางด้วย หากนางมั่นคงสักหน่อย เย่ซิวตู๋จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของนางได้อย่างไร? นางเองก็ถือว่าพ่ายแพ้แล้ว หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางหวั่นไหวให้กับบุรุษคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นบุรุษที่นางย้ำเตือนตนเองให้รักษาระยะห่าง
อวี้ชิงลั่วแอบลอบถอนหายใจ แต่แล้วก็นึกถึงราชโองการฉบับนั้นอีกหน ไม่ว่าอย่างไร เมื่อมีราชโองการลงมาแล้ว การไม่แต่งงานจะทำได้ง่ายขนาดนั้นรึ? หรือว่า พวกเขาทั้งคู่ยังต้องคิดหาวิธีเพื่อหนี?
สมองของอวี้ชิงลั่วถึงกับหนักอึ้ง ตอนที่ความคิดอันท่วมท้นกำลังยุ่งเหยิง จู่ ๆ นางก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง
นางชะงัก เบิกตาโตพร้อมกับผลักเย่ซิวตู๋ออกไปในทันใด “ท่าน…ท่านจะทำอะไร?”
“เจ้ารัดไว้แบบนี้ไม่อึดอัดรึ? ข้าจะช่วยถอดให้” มือของเย่ซิวตู๋ลูบที่แผ่นหลังของนาง นิ้วมือยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะแก้ผ้าที่พันรอบเนินเนื้อออก ผ้าสีขาวที่ถูกพันไว้หลายรอบค่อย ๆ คลายตัวทีละน้อย
ลมหายใจของอวี้ชิงลั่วถึงกับโล่งขึ้นมาในชั่วพริบตา นางรู้สึกโล่งทั่วสรรพางค์กาย
ทว่า…
“ข้าถอดเอง ท่านออกไป”
เย่ซิวตู๋แอบถอนหายใจ จู่ ๆ เขาก็จับศีรษะของนางพร้อมกับบรรจงจรดจูบลงบนริมฝีปาก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาจูบกัน ทว่ากลับเป็นจูบที่ละมุนละไมที่สุด อวี้ชิงลั่วขัดขืนเพียงไม่นาน นางก็รู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัว เป็นอัมพาตขาดสติอยู่ในอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋
ผ้าพันที่อยู่บริเวณเนินหน้าอกค่อย ๆ คลายออก ก่อนจะไหลลงไปอยู่ที่เอวอย่างเนิบช้า เย่ซิวตู๋เกิดอาการจิตใจฟุ้งซ่านจนเตลิด ทว่าทันทีที่มือทั้งสองสัมผัสโดนบาดแผลบนเอวของนาง ส่งผลให้อวี้ชิงลั่วส่งเสียงครางออกมา
เย่ซิวตู๋ได้สติกลับมาทันใด ข่มความปรารถนาที่ลุกโชนภายในก้นบึ้งของหัวใจ ถอยหลังออกไป ก้มหน้าลงใช้หน้าผากแตะหน้าผากนางเคล้ารอยยิ้ม
“แบบข้านี่เรียกว่าต้นร้ายปลายดีหรือไม่?” นี่เป็นครั้งแรกที่สตรีผู้นี้ตอบรับเขา ทั้งยังเป็นการตอบรับอย่างกระวนกระวายใจเช่นนี้ อันที่จริงภายในใจของนางคงเป็นกังวลว่าเขาจะแต่งงานกับสตรีอื่นงั้นรึ?
เย่ซิวตู๋รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก แม้แต่มุมปากก็รู้สึกได้ถึงความหวานละมุน
ลมหายใจของอวี้ชิงลั่วไม่ค่อยมั่นคงเท่าใดนัก ครั้นได้ยินเช่นนั้นจึงเหลือบตามองพลางแค่นเสียงเบา “ท่านเคยลำบากมาก่อนรึ?”
เย่ซิวตู๋หัวเราะร่า กอดนางให้เอนตัวนอนลงไป
ทว่าภายในใจของอวี้ชิงลั่วกลับยังห่วงราชโองการฉบับนั้นของเขา นางบิดร่างกายออก ก่อนจะจ้องมองเขาด้วยท่าทางจริงจังอีกหน “ท่านบอกมา ท่านกับองค์ชายรองแห่งอาณาจักรเที่ยนอวี่ผู้นั้นกำลังเล่นเล่ห์เพทุบายอะไรกันแน่ ราชโองการฉบับนั้นคือของปลอมใช่หรือไม่?”
“อืม…หลังจากนี้ข้าต้องบอกเจ้าอยู่แล้ว ส่วนตอนนี้นอนเป็นเพื่อนข้าก่อน สองวันมานี้มีเรื่องราวมากมาย เหนื่อยเหลือเกิน”
อวี้ชิงลั่วเม้มปากแน่น ปรากฏว่าเขาคิดจะอุบไว้ไม่ยอมบอกนางงั้นสิ?
นางแค่นเสียงเย็น ทว่ากลับขยับตัวเข้าไปด้านในเพื่อให้เขาเข้ามานอน สำหรับอวี้ชิงลั่วแล้ว มารยาทพิธีการในระบอบศักดินาเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ถึงอย่างไรนางก็คลอดลูกมาแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งคู่นอนด้วยกัน จึงไม่ได้รังเกียจหากจะนอนด้วยกันอีกครั้ง
รอยยิ้มมุมปากของเย่ซิวตู๋ลึกขึ้น เขากอดเรือนร่างพลางซุกไซ้ที่ซอกคอของนาง ลมหายใจหนักแน่นและอบอุ่นนี้ อวี้ชิงลั่วถึงกับต้องหดคอด้วยความจั๊กจี้
“ชิงลั่ว รอการแข่งขันสี่อาณาจักรสิ้นสุดลง พวกเราก็จะแต่งงานกัน นะ?”
แต่งงานหรือไม่แต่งงานไม่ได้มีความหมายสำหรับอวี้ชิงลั่ว ตอนนี้นางยังคงหมกมุ่นอยู่กับแผนของเย่ซิวตู๋และองค์ชายรอง นางจะข่มความคาใจนั้นได้อย่างไรกัน เสียงลมหายใจที่รินรดอยู่ข้าง ๆ ค่อย ๆ นิ่งสงบลงแล้ว ราวกับว่าเขาเหนื่อยมากจนผล็อยหลับไป
อวี้ชิงลั่วมองท่าทางนั้นของเขาจึงนอนเป็นเพื่อนเขานานกว่าครึ่งชั่วยาม
ท้องฟ้าด้านนอกค่อย ๆ มืดครึ้มลงแล้ว อวี้ชิงลั่วกำลังคิดจะปลุกเย่ซิวตู๋ให้ขึ้นมากินอาหารค่ำ จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกคนใช้เท้าเตะให้เปิดออกแรง ๆ ตามมาด้วยเสียงเล็ก ๆ ดังเข้ามาจากด้านนอก
คิ้วของเย่ซิวตู๋ขมวดมุ่นทันใด บนใบหน้าไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนแม้แต่น้อย เขาเอื้อมมือออกไปพร้อมกับปลดม่านลงมา
“ท่านแม่”
บนใบหน้าของหนานหนานเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ คาดว่าคงวิ่งด้วยความรีบร้อน เมื่อเข้ามาด้านในกลับเห็นท่านพ่อและท่านแม่นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน จึงกระโดดขึ้นเตียงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องนี่น่าตีจริงๆ เล่นแผนสูงขนาดนี้มันทำให้ชิงลั่วคิดไปไกลนะรู้ไหม
ไหหม่า(海馬)
Comments