อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 378 บุตรชาย…ของท่านอ๋องซิว?
ตอนที่ 378 บุตรชาย…ของท่านอ๋องซิว?
หมายความว่าอย่างไร?
บุตรชาย???
บุตรชายของท่านอ๋องซิว???
คนที่ตกตะลึงมิได้มีแค่ซ่างกวนจิ่นที่อยู่บนอัฒจันทร์ เพราะแม้แต่เหล่าสุภาพสตรีของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของอาณาจักรเฟิงชางก็ถึงกับตะลึงไปเช่นกัน พวกนางมองใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเย่ซิวตู๋ราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
ฮ่องเต้ลอบถอนพระทัย ซิวเอ๋อร์…ในที่สุดก็พูดออกมาแล้ว
ทว่าบนพระพักตร์ของไทเฮา ฮองเฮา และเหมิงกุ้ยเฟยกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เด็กคนนั้น…เด็กที่ชื่อหนานหนานคนนั้น…คือ…บุตรชายของเย่ซิวตู๋?
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ทั่วทั้งสนามแข่งขันถึงกับเงียบสงัดเพราะคำพูดของเย่ซิวตู๋ เงียบสงัดราวกับว่าแม้แต่เสียงลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นได้ยินอย่างชัดเจน
อวี้ชิงลั่ววิ่งมาข้าง ๆ หนานหนาน เดิมทีผู้อารักขาคิดจะรั้งนางไว้ แต่หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนั้นของเย่ซิวตู๋ก็ถึงกับชะงักอยู่กับที่ รอจนกระทั่งคิดจะเข้าไปขัดขวาง อวี้ชิงลั่วก็ย่อตัวลงตรงหน้าหนานหนานแล้ว
เมื่อเห็นบาดแผลบนแขนของเด็กน้อย อวี้ชิงลั่วถึงกับขมวดคิ้วพลางกระซิบถามว่า “เจ็บมากใช่หรือไม่?”
หนานหนานพยักหน้าด้วยท่าทางน่าสงสาร ยื่นมือไปตรงหน้านาง
อวี้ชิงลั่วมองดูอย่างละเอียดก็พบว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อันใด นางจึงแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เมื่อเห็นเลือดที่ไหลโชกออกมา นางก็ยังมีความโกรธที่อัดแน่นอยู่กลางอก
ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยผู้นั้น คิดจะฆ่าหนานหนานให้ตายจริง ๆ สินะ
เย่ซิวตู๋ปล่อยมือลงเล็กน้อย ปล่อยให้อวี้ชิงลั่วพาหนานหนานไปรักษาบาดแผล
ฮ่องเต้เห็นว่าหมอปีศาจเข้าไปแล้ว พระองค์จึงโบกพระหัตถ์ให้หมอหลวงที่กำลังจะเดินเข้าไปในสนามให้ถอยกลับไป สีพระพักตร์ดูตึงเครียดขณะหันไปมองซ่างกวนจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ
“อุปราช การแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรมีกฎ นอกจากการแข่งวรยุทธ์ ไม่อนุญาตให้เกิดเจตนาสังหารอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรพวกท่านไม่เห็นเราอยู่ในสายตามากเกินไปหน่อยกระมัง”
ซ่างกวนจิ่นได้สติกลับมา แม้ว่าภายในใจของเขายังรู้สึกยากเกินกว่าที่จะเชื่อได้ แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือต้องอธิบายกับฮ่องเต้ก่อนถึงจะถูก
เขาพยักหน้าเบา ๆ กล่าวเสียงเบาเคล้ารอยยิ้ม “ฝ่าบาท ผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรจิงเหลยเข้าร่วมการแข่งขันโดยใช้ความสามารถที่แท้จริง จะพูดว่ามีเจตนาสังหารได้อย่างไรกัน? เราเห็นว่าเป็นเพราะพลาดพลั้งทำให้เด็กคนนั้นได้รับบาดเจ็บก็เท่านั้น ยังดีที่ซื่อจื่อไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต ดำเนินการแข่งขันต่อไปดีหรือไม่”
“เหอะ” เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเยาะ “อุปราชพูดง่ายดีจริง ๆ พลาดพลั้ง? อุปราชมั่นใจว่านี่ถือเป็นความพลาดพลั้งรึ?”
เขาลุกขึ้นยืนในทันที ยกตัวเด็กที่นอนเป็นอัมพาตอยู่ข้าง ๆ ประตูขึ้นมาพร้อมถลกแขนเสื้อของเขา ก่อนที่เสียง ‘เคล้ง’ จะดังขึ้นหนึ่งเสียง ใบมีดยาวบางเฉียบหนึ่งแผ่นร่วงหล่นกระแทกลงบนพื้นจนฝุ่นฟุ้งกระจาย
ซ่างกวนจิ่นเม้มปากพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นจึงกระโดดลงมาจากอัฒจันทร์ทันที เขาแย่งตัวผู้เข้าแข่งขันงูพิษที่หมดสติไปจากมือของเย่ซิวตู๋ ทั้งยังกล่าวอย่างเหี้ยมโหดว่า “เจ้าคนชั่วร้ายรู้จักแต่ความแค้นส่วนตัว พ่ายแพ้ในการแข่งวรยุทธ์ไปแล้ว กลับวิ่งมาเล่นลูกไม้ภายในการแข่งขันชู่จวี เราพร่ำบอกกับพวกเจ้าว่าอย่างไร? อยู่ในสนามแข่งขันควรคำนึงถึงเกียรติของอาณาจักรเป็นสิ่งแรก แข่งขันอย่างสง่าผ่าเผย แต่พวกเจ้ากลับหันไปสนใจความคับแค้นใจส่วนตัวเหล่านั้น ทำให้อาณาจักรจิงเหลยของเราต้องอับอาย”
ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นถูกเย่ซิวตู๋และซ่างกวนจิ่นกระชากตัวไปมา ทั้งยังถูกต่อว่าเช่นนี้ จึงได้สติกลับมาในทันที
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของซ่างกวนจิ่นก็ทำให้เขาเข้าใจได้ เสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง เขาคุกเข่าลงบนพื้นก้มตัวลงด้วยร่างกายที่สั่นเทา และกล่าวอย่าง ‘สำนึกผิด’ ว่า “ข้าน้อยสมควรตาย โปรดท่านอ๋องลงโทษด้วย ข้าน้อยมิได้คำนึงถึงการแข่งขัน คิดแต่จะแก้แค้นกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน จึงแอบพกใบมีดเข้ามาในสนามแข่งขันเป็นการส่วนตัว ความผิดนี้สมควรตายหมื่นครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นกล่าวจบ จู่ ๆ ผู้เข้าแข่งขันงูพิษผู้นั้นก็ลุกขึ้นยืน หยิบใบมีดที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาปาดเข้าที่กลางลำคอของตนเอง
เขารู้ดีว่าหากทำภารกิจไม่สำเร็จ คงมีแค่ความตายเป็นหนทางเดียวเท่านั้น อันที่จริง นับตั้งแต่อุปราชมอบหมายภารกิจนี้ให้เขา เขาก็ทราบถึงจุดจบของตนเองแล้ว นอกจากขอโทษด้วยความตายก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
อย่างน้อย ๆ ก็ยังรักษาความปลอดภัยของครอบครัวเขาไว้ได้ อย่างน้อย ๆ อุปราชก็ยังปฏิบัติกับบิดามารดาของเขาเป็นอย่างดี
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วฉับพลัน ทว่าจะให้เย่ซิวตู๋แย่งใบมีดมาก็คงไม่มีทาง เย่ซิวตู๋ทำแค่เพียงยืนมองด้วยสายตาเย็นชา โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเขาพูดคำพูดเหล่านั้น ก็ยิ่งยิ้มเยาะและมองไปยังซ่างกวนจิ่นด้วยสายตาเย้ยหยันมากขึ้น
นิสัยของอุปราชของอาณาจักรจิงเหลยก็เป็นเช่นนี้ มักจะหาแพะรับบาปมารับความผิด
“ท่านอ๋องซิว เราไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรชายของท่าน เช่นนี้ดีหรือไม่ เราจะสั่งให้ผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรจิงเหลยระมัดระวังให้มากขึ้น เพื่อป้องกันมิให้ซื่อจื่อน้อยผู้มีเนื้อหนังบอบบางและล้ำค่าต้องบาดเจ็บ แต่ในเมื่ออยู่บนสนามแข่งขัน หากท่านอ๋องซิวเป็นห่วงซื่อจื่อน้อยจริง ๆ เช่นนั้นก็หันไปเลือกการแข่งขันประเภทบุ๋นน่าจะดีกว่า ตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันของพวกเราก็ได้ชดใช้ให้กับการกระทำของตนเองแล้ว เรื่องนี้ก็ให้จบลงแค่นี้ดีหรือไม่?”
ซ่างกวนจิ่นเหลือบมองผู้เข้าแข่งขันตัวน้อยที่นอนสิ้นชีพอยู่บนพื้นปราดหนึ่ง สายตาฉายแววเย็นชานิ่งสงบ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย มองเย่ซิวตู๋อย่างแน่วแน่ด้วยใบหน้าที่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
เย่ซิวตู๋แย้มยิ้ม “จบลงแค่นี้? อุปราชคิดเพ้อเจ้อเกินไปหน่อยกระมัง? ทุกคนต่างก็ทราบดี หนานหนานเหนือกว่าใคร ๆ ภายในสนามแข่งวรยุทธ์จนคว้าชัยมาได้ ความสามารถของเขา ทุกคนต่างก็รู้ดี เดิมทีการแข่งขันในครั้งนี้เขาคือกำลังหลักของอาณาจักรเฟิงชาง ทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจน คะแนนส่วนใหญ่ในการแข่งขันก็เป็นผลงานของหนานหนานเพียงคนเดียว ตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยทำให้หนานหนานได้รับบาดเจ็บ จนเขามิอาจเข้าร่วมการแข่งขันต่อไปได้ การสร้างความเสียหายให้อาณาจักรเฟิงชางของพวกเราเช่นนี้ มิอาจประเมินค่าได้ อุปราชคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นนี้ได้รึ?”
อวี้ชิงลั่วพันแผลให้หนานหนานเรียบร้อยแล้ว ครั้นได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้น เย่ซิวตู๋ผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียเหลือเกิน
การแข่งขันในวันนี้ เป็นเพราะอาณาจักรเฟิงชางเกิดปัญหาภายใน ทำให้สูญเสียคะแนนอย่างหนัก ส่งผลให้อาณาจักรจิงเหลยได้รับคะแนนแบบทิ้งห่าง มองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากแข่งขันต่อไปก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่อาณาจักรเฟิงชางจะเปลี่ยนจากความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะได้ เย่ซิวตู๋เอ่ยคำพูดนี้ขึ้นมา เกรงว่าอาณาจักรจิงเหลยคงได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้ว
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ สีหน้าของซ่างกวนจิ่นถึงกับบิดเบี้ยวในชั่วพริบตา เขาจ้องมองเย่ซิวตู๋พลางยิ้มเยาะ “ท่านอ๋องซิวให้ความสำคัญกับซื่อจื่อน้อยเกินไปหน่อยกระมัง ต่อให้มือของซื่อจื่อน้อยไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็ใช่ว่าครึ่งหลังจะทำคะแนนแซงหน้าอาณาจักรจิงเหลยได้”
“ก็ไม่แน่หรอก ตอนที่อุปราชชมการแข่งวรยุทธ์ก็น่าจะเห็นความแข็งแกร่งของหนานหนานอย่างชัดเจนแล้วมิใช่รึ? ตอนแข่งวรยุทธ์ หนานหนานก็ถูกผู้คนมองว่าไร้ประโยชน์ ทว่าในช่วงท้าย เขากลับพลิกสถานการณ์คว้าชัยมาได้ ทำให้ผู้คนต่างประทับใจ”
เย่ซิวตู๋เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางนั้นกลับดูเหมือนอยากลองดีเสียเหลือเกิน เขารู้สึกได้ว่าทั้งใต้หล้านี้ บุตรชายของตนเองเก่งกาจที่สุดแล้ว
ซ่างกวนจิ่นกำหมัดแน่น “เช่นนั้นจากความหมายของท่านอ๋องซิว การแข่งขันสนามนี้ควรทำอย่างไร?”
“เลื่อนออกไปแล้วค่อยกลับมาแข่งกันใหม่ รอจนกว่าหนานหนานจะรักษาตัวจนบาดแผลหายดี ค่อยมาแข่งการละเล่นชู่จวีอีกหน” เย่ซิวตู๋เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะไว้หน้าซ่างกวนจิ่นแม้แต่น้อย ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับไม่เข้าใจสีหน้าของอีกฝ่าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กลายเป็นฉากนองเลือดจนได้ เปลี่ยนอารมณ์ไม่ทันเลยค่ะ เหมือนดูหนังสยองขวัญกลางวันแสก ๆ
ไหหม่า(海馬)
Comments