อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 386 อวี้ชิงลั่ว…เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย
ตอนที่ 386 อวี้ชิงลั่ว…เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย
องค์ชายรองลอบยิ้ม มองเงาของอวี๋จั้วหลินด้วยความสนอกสนใจ
ดูเหมือนคนคนนี้จะไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎเท่าไรนัก คราก่อนเขาเองก็เกิดความฉงนสนเท่ห์เกี่ยวกับใต้เท้าอวี๋ผู้ถูกซ่างกวนจิ่นเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เหตุใดวันนี้ถึงได้ปรากฏตัวภายในสนามแข่งขันอย่างฉับพลัน ดูเหมือนว่าการมาดูการแข่งขันคงเป็นเพียงข้ออ้างของเขา เป้าหมายอื่นต่างหากเล่าคือเรื่องจริง
การแข่งขันในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทางฝั่งสุภาพสตรีเริ่มทยอยออกจากสนามก่อน เดิมทีอวี้ชิงลั่วคิดไว้ว่าจะรอให้คนอื่น ๆ เดินออกไปให้หมดก่อนแล้วจึงลุกขึ้น ทว่าเย่หว่านเยียนที่อยู่ข้างกายกลับรู้สึกเบื่อหน่าย จึงจับมือนางดึงให้เดินออกไปก่อนตั้งแต่การแข่งขันเพิ่งสิ้นสุด
อีกอย่างพวกนางก็นั่งอยู่มุมที่นั่ง ค่อนข้างใกล้กับบันไดทางออกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้ลอบเดินออกไปก็ไม่มีใครสังเกตเห็น หรือต่อให้มีคนสังเกตเห็น จากสถานะของเย่หว่านเยียน คนในวังเหล่านั้นคงทำได้เพียงแค่หลับหูหลับตาข้างหนึ่ง
ทว่ามีบางคนเพ่งความสนใจมาที่อวี้ชิงลั่วตั้งแต่เช้า การแข่งขันภายในสนามแข่งขันดุเดือดขนาดนี้ ก็มิอาจหยุดสายตาร้อนแผดเผาที่จ้องมองอวี้ชิงลั่วได้
บัดนี้เมื่อเห็นว่านางลุกขึ้นยืน จึงลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างเงียบเชียบ ฉวยโอกาสตอนที่ฮ่องเต้และซ่างกวนจิ่นที่อยู่ฝั่งนั้นกำลังสนทนากัน เดินย่องไปทางฝั่งบันไดทางออก
อวี้ชิงลั่วเพิ่งก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็พบว่ามีเงาหนึ่งเข้ามาขวางตรงหน้า
ครั้นเงยหน้าขึ้น ก็พบสายตาอันซับซ้อนของอวี๋จั้วหลินที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเอง
“ขอโทษด้วย ช่วยหลีกทางหน่อย”
อวี๋จั้วหลินเม้มปากจนมุมปากขึงตึง เขาจ้องมองเย่หว่านเยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ปราดหนึ่ง คิ้วพลันขมวดมุ่นก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน ไปกับข้า”
เขาเหลือโอกาสเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่จะได้เจอกับนาง ไปที่ตำหนักอ๋องซิวก็ถูกคนขวางไว้ จึงทำให้เขาไม่มีวิธีที่จะเข้าไป สาเหตุที่เขาเดินทางมาชมการแข่งขันในวันนี้ เป้าหมายคือได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ต่อให้รู้ว่าการเห็นใบหน้าของนางเป็นเรื่องผิดกฎ เขากลับมิได้สนใจอะไรทั้งสิ้น
“ข้าไม่มีอะไรต้องคุยกับท่าน หลีกไป” อวี้ชิงลั่วไม่อยากพัวพันอยู่กับเขาที่นี่ จึงย่อตัวทำท่าจะเดินผ่านเขา
ทว่าอวี๋จั้วหลินกลับใช้ร่างกายขวางไว้ตรงหน้านาง “ท่านไปกับข้า”
ระหว่างที่พูด ก็เอื้อมมือออกมาเพื่อดึงอวี้ชิงลั่วไว้
อวี้ชิงลั่วแค่นเยาะ ปัดมือของเขาออกไป “ใต้เท้าอวี๋ มาจับมือถือแขนสตรีต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมเท่าไรกระมัง”
“นั่นสิ ใต้เท้าอวี๋คิดจะทำอะไร? แม่นางชิงเป็นสตรีบริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้าคิดจะแตะก็แตะได้ที่ไหนกัน” เย่หว่านเยียนก้าวเท้ามาด้านหน้าเพื่อขวาง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แค่นเสียงเบากล่าวว่า “มีอะไรก็คุยกันตรงนี้ เพื่อมิให้ชื่อเสียงของแม่นางชิงต้องเสื่อมเสีย”
ชื่อเสียง? อวี๋จั้วหลินถึงกับยิ้มเยาะ ความโกรธขึ้งภายในใจพลันปะทุขึ้น
เอาสิ เป็นเพราะนางไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่ามากล่าวโทษเขาก็แล้วกัน
“แม่นางชิง สรุปแล้วท่านเป็นใครกันแน่?” อวี๋จั้วหลินเหลือบตามองเย่หว่านเยียนปราดหนึ่ง เขามิเคยเห็นองค์หญิงผู้นี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นท่าทางและอาภรณ์ที่นางสวมใส่ คิดว่าสถานะคงมิได้ต้อยต่ำ “แม่นางชิง ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ถึงได้แอบปลอมตัวเป็นองค์หญิงภายในราชวงศ์?”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ปลอมตัว? เป็นใครกันแน่? หรืออวี๋จั้วหลินรู้ถึงสถานะของนางแล้ว?
เย่หว่านเยียนกะพริบตาปริบ ๆ ผินหน้าเหลือบมองอวี้ชิงลั่วด้วยความหลากใจ “องค์หญิง? แม่นางชิง…เจ้า…”
“ข้าคือหมอปีศาจ ใต้เท้าอวี๋ไม่รู้รึ?” อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย ดวงตาทอดมองอย่างตรงไปตรงมา มิได้มีท่าทีร้อนตัวหรือหลบหลีกแม้แต่น้อย
เพียงแต่สายตาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความโกรธขึ้งของอวี๋จั้วหลินพลุ่งพล่านมากขึ้นเรื่อย ๆ
อารมณ์ของเขาในตอนนี้ซับซ้อนยิ่งนัก นับตั้งแต่ที่ทราบว่านางคือภรรยาที่ถูกเขาทำร้ายจนตายเมื่อหกปีก่อน หัวใจของเขาก็รู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งกดทับจนรู้สึกหนักอึ้ง
เขาไม่อยากให้นางเป็นสตรีผู้นั้น เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย
“แม่นางชิง ท่านช่วยปลดผ้าคลุมหน้าออกได้หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าเขาคงรู้สถานะของนางแล้ว
เย่หว่านเยียนโกรธขึ้งเหลือประมาณ ดวงตาถลึงจ้องมองอวี๋จั้วหลินอย่างเหี้ยมโหด “คนแบบเจ้าช่างไร้เหตุผลนัก เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ต้องการให้แม่นางคนหนึ่งปลดผ้าคลุมหน้า สมองของเจ้าคงมิได้มีปัญหาหรอกกระมัง”
อวี๋จั้วหลินเหลือบมองนางปราดหนึ่ง สายตายังคงจ้องมองมาที่อวี้ชิงลั่ว
“ใต้เท้าอวี๋ สมองของท่านคงมีปัญหาแล้วจริง ๆ” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาด้วยท่าทีเย้ยหยัน สายตาคู่นั้นดูหมิ่นถึงขีดสุด ราวกับเขาเป็นมดตัวหนึ่งที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า
อวี๋จั้วหลินสูดลมเข้าปอดแรง ๆ หนึ่งเฮือก ก็พบว่าอวี้ชิงลั่วเดินผ่านข้างกายเย่หว่านเยียนตรงไปที่บันได
หมัดที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวกำจนแน่น เสื้อพลิ้วไปตามแรงลม แล้วร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
แม้อวี้ชิงลั่วจะมีวรยุทธ์เล็กน้อย ทว่าเมื่อเทียบกับอวี๋จั้วหลินที่เคยเป็นแม่ทัพใหญ่จึงอ่อนแอกว่าในระดับหนึ่ง ความเร็วจึงช้ากว่าเขาหนึ่งก้าว
อวี้ชิงลั่วถึงกับชะงักงัน ตอนที่กำลังถอยหนี คิดไม่ถึงเลยว่าการเคลื่อนไหวของอวี๋จั้วหลินจะรวดเร็วยิ่งกว่า เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง ผ้าคลุมหน้าสีขาวของนางได้ถูกกระชากลงมาแล้ว
ชั่วพริบตาเดียว ใบหน้างดงามไร้เทียบเทียมของอวี้ชิงลั่วพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าอวี๋จั้วหลิน
อวี้ชิงลั่ว!!!
นางคืออวี้ชิงลั่วจริง ๆ!!!
รูม่านตาของอวี๋จั้วหลินพลันหดเล็กลงอย่างหนัก เขาจ้องถลึงใบหน้าที่ทั้งแปลกหน้าระคนคุ้นเคยตรงหน้า ถอยหลังออกไปสองก้าวด้วยความตกตะลึง
“เป็น…เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!!!” ริมฝีปากของอวี๋จั้วหลินอ้าพะงาบ ผ่านไปครู่หนึ่งก็เพิ่งค้นพบเสียงของตนเองภายในส่วนลึกของลำคอ จึงเปล่งเสียงอันแหบพร่าออกมา
ทว่าดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองอวี้ชิงลั่ว กลับแฝงด้วยความรู้สึกนับหมื่น ช่างซับซ้อนยิ่งนัก
เขาเตรียมใจไว้แล้ว นับตั้งแต่เมื่อวาน เขาได้เตรียมใจมาอย่างดี แม่นางชิงที่เขารู้จักตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือน อาจเป็นอวี้ชิงลั่วคนที่น่าจะถูกฟ้าผ่าตายไปตั้งแต่แรก ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางในเวลานี้ เขากลับรู้สึกตกใจ ตกตะลึง ไม่อยากเชื่อ รวมถึง…เกิดความคิดอยากหนี
สตรีผู้นี้…เข้าใกล้เขาเพราะต้องการแก้แค้นจริง ๆ ต้องการแก้แค้นกับทุกสิ่งที่เขาทำไว้เมื่อหกปีก่อน
ใบหน้าของอวี๋จั้วหลินเปลี่ยนเป็นความเหี้ยมโหดทันใด สตรีผู้นี้…สตรีผู้นี้มีเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ วางแผนใส่เขาทีละก้าว แสร้งทำเป็นอ่อนแอน่าสงสารตั้งแต่ต้น เห็นได้ชัดว่านางคือสตรีผู้ชั่วร้าย
อวี้ชิงลั่วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เห็นอารมณ์ผ่านสีหน้าของเขาโดยไม่พลาดแม้แต่จุดเดียว หลังจากเห็นแววตาที่บิดเบี้ยวของอีกฝ่าย นางจึงหัวเราะออกมาทันใด
รอยยิ้มของนางเมื่ออยู่ในสายตาของอวี๋จั้วหลินช่างแพรวพราวเหลือประมาณ ทำให้เขาแทบอยากจะก้าวเท้าไปด้านหน้า เพื่อลบรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถางของนาง
ในเวลานี้เอง เย่หว่านเยียนที่ยืนชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง พลันตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “เจ้าทำอะไร? ใต้เท้าอวี๋ เจ้าทำเกินไปแล้ว”
เสียง ‘ขวับ…’ ดังขึ้น สุภาพสตรีของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่กำลังเตรียมตัวแยกย้ายเดินออกไป ถึงกับชะงักฝีเท้าเพราะเสียงของเย่หว่านเยียนที่ดังขึ้น ทั้งยังเงยหน้ามองมาทางนี้โดยพร้อมเพรียงกัน
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสามคนกำลังมีปากเสียง จึงพากันชะงักไปเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น ดูเหมือนว่า…จะทำให้เกิดความโกลาหลเสียแล้วสิ
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อะไรกระจั๊วแซ่อวี๋ พอรู้ว่าเป็นเมียเก่าที่ตัวเองวางแผนฆ่าเมื่อหกปีก่อนแล้วถึงกับไปไม่เป็นเลยเหรอ รู้สึกยังไงบ้างล่ะ เสียดาย? อับอาย? เสียหน้า?
ไหหม่า(海馬)
Comments