อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 388 ทุกคนต่างรู้ดี

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 388 ทุกคนต่างรู้ดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 388 ทุกคนต่างรู้ดี

ตอนที่ 388 ทุกคนต่างรู้ดี

“อะไรนะ???”

ไม่เพียงแค่ฮ่องเต้ที่ตกตะลึง แม้แต่เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊บุ๋นที่อยู่รอบ ๆ เหล่านั้นก็ถลึงตาโต ความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันใด

เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่อย่างฉับพลัน พร้อมกับที่ทุกคนเริ่มชี้มือชี้ไม้มาทางอวี้ชิงลั่ว

แม้พวกเขาจะไม่รู้จักอวี้ชิงลั่ว แต่เรื่องของจวนอวี๋ที่ดังอึกทึกครึกโครมทั่วเมืองหลวงเมื่อหกปีก่อน พวกเขาต่างทราบดี

ได้ยินมาว่าตอนนั้นฮูหยินของอวี๋จั้วหลินแอบคบชู้ แปดเปื้อนกับบุรุษอื่นจนตั้งครรภ์ เดิมทีต้องรอให้ใต้เท้าอวี๋กลับมาในวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมขังกรงถ่วงน้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าในคืนนั้นจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เกิดอสนีบาตสายหนึ่งฟาดผ่าลงห้องเก็บฝืนที่กักขังอวี้ชิงลั่วไว้ ทำให้นางถูกไฟคลอกตาย

ทว่าภายหลังกลับมีข่าวลือว่า ตอนนั้นฮูหยินผู้นั้นยังไม่ตาย ทั้งยังหนีรอดออกไปได้ ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกไฟคลอกตายภายในวัดร้างแถบชานเมือง ลูกที่อยู่ในครรภ์ก็ถูกไฟคลอกตายไปด้วย

คิดไม่ถึงเลย…คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นั้นจะยังไม่ตาย

นางช่าง…ดวงแข็งยิ่งนัก เกิดเหตุการณ์ติดต่อกันถึงสองหน กลับมิอาจฆ่านางให้ตายได้

เสียงดังหึ่ง ๆ ไม่หยุดพัก ต่อให้ฮ่องเต้จะไม่รู้รายละเอียดของเรื่องในตอนนั้น บัดนี้เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นแล้ว

ทว่าสายพระเนตรกลับกลับแฝงด้วยความอับอายเล็ก ๆ สตรีเช่นนี้จะคู่ควรกับราชวงศ์ได้เยี่ยงไร จะเป็นสตรีที่ซิวเอ๋อร์รักได้เยี่ยงไร ยิ่งไม่มีทางที่จะเป็นมารดาของหนานหนานได้

“แม่นางชิง ทั้งหมดที่ใต้เท้าอวี๋พูดคือเรื่องจริงรึ?”

พระดำรัสเพียงประโยคเดียวของฮ่องเต้ ทำให้ทุกสายตาจ้องมองมาที่อวี้ชิงลั่วเป็นตาเดียว

ดวงตาของรัชทายาทฉีหานเว่ยแห่งอาณาจักรหลิวอวิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ถึงสถานะของอวี้ชิงลั่ว เพียงแต่รู้สึกฉงนสนเท่ห์ ถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางจะแก้ต่างให้ตนเองอย่างไร

ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้วมุ่น การพูดคุยของทุกคนเมื่อครู่นี้เข้าไปอยู่ในหูของเขาทุกพยางค์ไม่ขาดตกบกพร่อง เขาไม่รู้มาก่อนว่าสตรีผู้นี้เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น และคิดไม่ถึงเลยว่านางเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วเมื่อหกปีก่อน

แต่ที่บอกว่านางมีชู้และแปดเปื้อนเพราะคนอื่น ซ่างกวนจิ่นกลับไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว จากนิสัยของสตรีผู้นี้ที่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ ตอนที่นางยังเป็นภรรยาของผู้อื่นจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้

องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่ยังคงอยู่ในท่าทางเกียจคร้าน ยิ้มตาหยีขณะทอดมองอวี้ชิงลั่ว ราวกับอยากเห็นว่านางจะโต้ตอบอย่างไร

เย่ซิวตู๋เหลือบมองอวี้ชิงลั่วอย่างภาคภูมิใจ หัวเราะพรืดหนึ่งเสียง “เสด็จพ่อ คำพูดลมปากเช่นนี้ จะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไรกัน?”

อวี๋จั้วหลินชะงัก เมื่อเห็นท่านอ๋องซิวยังคงปกป้องอวี้ชิงลั่ว ยิ่งทำให้ในใจของเขาเกิดความมุ่งร้ายเพื่อแก้แค้น

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้พูดจาเหลวไหลโดยไม่คำนึงถึงความจริงนะพ่ะย่ะค่ะ เมื่อหกปีก่อน กระหม่อมอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ อวี้ชิงลั่วไม่ยอมทนต่อความเหงา จึงไปแปดเปื้อนกับชายอื่น ตอนที่กระหม่อมกลับจวน นางกลับถูกตรวจพบว่าตั้งครรภ์ สตรีไร้ยางอายเช่นนี้ หากอ้างตามกฎหมายของอาณาจักรเฟิงชาง เป็นความผิดที่ต้องลงโทษถึงแก่ความตายด้วยการขังกรงถ่วงน้ำต่อหน้าธารกำนัล ทว่าคิดไม่ถึงเลย พายุฝนฟ้าคะนองฉากหนึ่งกลับทำให้นางหนีรอดออกไปได้ สตรีผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ทำให้ทุกคนคิดว่านางได้จากโลกนี้ไปแล้ว”

“กระหม่อมและคนในครอบครัวต่างก็คิดเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลย หกปีให้หลังนางกลับปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังอยู่ในสถานะของหมอปีศาจเพื่อใกล้ชิดกระหม่อม ขณะอยู่ต่อหน้ากระหม่อมก็ไม่เคยปลดผ้าคลุมหน้าสักครั้ง กระหม่อมทราบดีว่าหมอปีศาจเป็นคนมีนิสัยแปลกประหลาด จึงมิได้บังคับฝืนใจ มีก็แต่ชื่นชมนางที่อายุยังน้อยแต่กลับมีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูงถึงเพียงนี้ นับเป็นสตรีที่มิได้เป็นรองจากบุรุษเลย ทว่าไฉนเลยจะคาดคิดว่า ที่นางใกล้ชิดกับกระหม่อมก็เพื่อแก้แค้น”

“นางหยิบยืมสถานะของกระหม่อมเพื่อรู้จักกับท่านอ๋องซิว ไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้ใช้วิธีอะไร ถึงได้เข้าออกตำหนักอ๋องซิวได้อย่างอิสระ ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องซิวและเข้าออกพระราชวังได้ ฝ่าบาท สตรีผู้นี้ใจคดนัก เกรงว่าอาจวางแผนมุ่งร้ายพ่ะย่ะค่ะ”

อวี้ชิงลั่วแทบอยากจะปรบมือชื่นชมเขาจนแทบทนไม่ไหว อวี๋จั้วหลินมีความไร้ยางอายมาโดยตลอดจริง ๆ ถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ กลับทำให้ภาพลักษณ์ของเขาสูงล้ำถึงเพียงนั้น นางชื่นชมเขาจากใจจริง

ฮ่องเต้เม้มพระโอษฐ์ ผินพระพักตร์ทอดมองอวี้ชิงลั่วอีกหน “แม่นางชิง

เจ้ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่?”

สายตาของทุกคนเบนมาอยู่ที่นางอีกหน เพียงแต่สายตาของพวกเขาต่างฉายแววดูหมิ่นดูแคลนอย่างสุดซึ้ง ราวกับนางเป็นเชื้อโรคที่ทำให้ผู้คนพากันหลบหนีออกไปให้ห่าง

อวี้ชิงลั่วกลับทำเพียงแค่เพียงยิ้มอ่อน ถอนสายบัวเล็กน้อย นางยังคงมีท่าทางมิได้รีบร้อน

“ฝ่าบาท เรื่องราวจากปากของใต้เท้าอวี๋ช่าง…น่าสนใจยิ่งนัก เพียงแต่หม่อมฉันมิใช่ฮูหยินอวี๋ผู้นั้นที่เขาเอ่ยถึง”

“อวี้ชิงลั่ว เจ้ายังกล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีกรึ” อวี๋จั้วหลินหันมามองนางทันใด “รูปพรรณสัณฐานของเจ้า ต่อให้กลายเป็นขี้เถ้า ข้าก็ยังจำได้”

“ใต้เท้าอวี๋มีความสามารถจริง ๆ เปลี่ยนเป็นขี้เถ้าก็ยังจำรูปพรรณสัณฐานของมนุษย์คนหนึ่งได้ว่าเป็นเช่นไร” เย่ซิวตู๋หัวเราะพรืดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

อวี๋จั้วหลินเม้มปาก คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ท่านอ๋องซิวยังคงปกป้องนาง “ท่านอ๋องซิว สตรีผู้นี้เคยเป็นภรรยาของกระหม่อมจริง ๆ กระหม่อมไม่ทราบว่าสตรีผู้นี้ใช้วิธีใดกันแน่ ถึงได้ทำให้ท่านอ๋องเชื่อนางถึงเพียงนี้ แต่สตรีผู้นี้สกปรกโสมม ไร้ยางอาย คือความจริงที่มิอาจโต้เถียงได้ ท่านอ๋อง ท่านเป็นถึงท่านอ๋องซิวของอาณาจักรเฟิงชาง อย่าได้ปล่อยให้สตรีคนหนึ่งปั่นหัวนะพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ” ซ้ายก็ไร้ยางอาย ขวาก็สกปรกโสมม ไอ้สารเลวอวี๋จั้วหลินผู้นี้ วอนโดนเก็บกวาดเสียจริง “ใต้เท้าอวี๋ เจ้ากำลังพูดว่าเราเลอะเลือน ถูกสตรีคนหนึ่งทำให้หลงใหลจนสูญเสียสติสัมปชัญญะงั้นรึ?”

อวี๋จั้วหลินก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จา ราวกับยอมรับคำพูดนี้ไปโดยปริยาย

เย่ซิวตู๋เงื้อเท้าถีบเข้าที่ตัวของอีกฝ่าย ฮ่องเต้ถึงกับชะงัก คิดจะห้ามปรามก็สายเกินไปเสียแล้ว

จึงทำได้เพียงแค่ทอดพระเนตรมองอวี๋จั้วหลินที่ถูกเตะกระเด็นออกไปสองก้าว จนถึงขั้นกุมหน้าอกไอออกมาเป็นเลือด

เหมิงกุ้ยเฟยยกฝ่ามือหมายจะตบฉาดไปที่ใบหน้าของเย่ซิวตู๋ ทว่าน่าเสียดายที่ฝ่ามือของนางยังมิทันได้สัมผัสใบหน้าของเขา เย่ซิวตู๋ก็ถูกอวี้ชิงลั่วดึงถอยหลังไปเสียก่อน

เหมิงกุ้ยเฟยโกรธขึ้งจนหายใจไม่ทัน แต่ก็ยอมกระชากมือกลับมา สายตากลับเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง “ซิวเอ๋อร์ เจ้ายังเห็นเสด็จพ่อกับหมู่เฟยของเจ้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ที่นี่หาใช่สถานที่ที่เจ้าจะมากระทำเรื่องชั่วอย่างไร้ความยำเกรง ใต้เท้าอวี๋เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก เขาเป็นคนกล้าพูดกล้าทำ เขาผิดตรงไหนกัน? เจ้าคงถูกสตรีศีลธรรมเสื่อมทรามคนหนึ่งล่อให้หลงใหลเข้าแล้วจริง ๆ”

เหมิงกุ้ยเฟยกล่าวเช่นนี้ แทบเป็นการยืนยันความผิดของอวี้ชิงลั่วแล้ว

ฮ่องเต้รู้สึกปวดเศียร พระองค์ทอดพระเนตรมองอวี๋จั้วหลินพลางตรัสถาม “ใต้เท้าอวี๋ เจ้าบอกว่าแม่นางชิงเคยเป็นภรรยาของเจ้า แต่แม่นางชิงกลับไม่ยอมรับ เจ้ามีหลักฐานใดหรือไม่?”

หลักฐาน? อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาและอวี้ชิงลั่วไม่เคยเข้าห้องหอด้วยกันมาก่อน จึงไม่รู้ว่าบนเรือนกายของนางมีสัญลักษณ์ใดหรือไม่ จึงไม่มีหลักฐานใด

ไม่ถูกสิ เขาไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่รู้สักหน่อย

“กราบทูลฝ่าบาท สถานะของอวี้ชิงลั่วหาได้มีแค่กระหม่อมที่ทราบ ทุกคนในจวนอวี๋ต่างทราบกันทั้งหมด รวมถึงอวี้เจี้ยนต๋าและฮูหยินอวี้ต่างก็จำบุตรีของตนเองได้ แค่ฝ่าบาทตรัสถาม ข้อเท็จจริงย่อมกระจ่าง”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องถีบอิกระจั๊วมันอีกค่ะ เอาให้แบนคาลานประลองไปเลย ถนัดทำแต่เรื่องชั่ว ๆ นัก

เริ่มคิดแล้วสิเนี่ยว่านังกุ้ยเฟยก็อาจเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เป็นคนออกคำสั่งอยู่หลังฉากงี้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *