อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 403 ภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน
ตอนที่ 403 ภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน
ตอนที่ 403 ภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน
หนานหนานเล่าเรื่องจนแทบจะติดลมแล้ว ทำให้องค์ชายสามหมดความอดทนที่จะฟังขึ้นมา “เจ้าช่วยเข้าประเด็นสำคัญเถอะ”
“เหตุใดท่านถึงได้เป็นเช่นนี้? สิ่งที่ข้าเล่าก็เป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น ท่านเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะฟังไม่ออกสักอย่าง” เมื่อคนที่พูดแทรกมิใช่ท่านแม่ หนานหนานจึงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “อีกอย่างนะ ท่านคงไม่รู้ว่าการที่ท่านทำเช่นนี้เป็นการทำลายบรรยากาศที่ข้าอุตส่าห์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก บรรยากาศน่ะท่านเข้าใจหรือไม่? ดูจากท่าทางมึนงงของท่านก็รู้แล้วว่าท่านคงไม่เข้าใจ โถ่เอ๊ย เป็นเพราะท่าน ทำให้ข้าจำไม่ได้แล้วว่าเล่าถึงไหน ทำเช่นนี้กระทบต่อความคิดของข้านะ”
“เจ้า…”
องค์ชายสามโกรธขึ้งอย่างมาก เขาเป็นถึงท่านอ๋อง กลับถูกเด็กห้าขวบสั่งสอนต่อหน้าธารกำนัล มีอย่างที่ไหนกัน
“องค์ชายสาม พวกเรากำลังฟังเพลิน ๆ เลย ท่านมาพูดแทรกแบบนี้ ช่างไร้มารยาทจริง ๆ” ฉีหานเว่ยยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ พลางพูดอย่างเกียจคร้าน
คำพูดของเขาทำให้องค์ชายสี่ที่ตัดสินใจจะเอ่ยปากพูดอยู่ข้าง ๆ ถึงกับปิดปากเงียบสนิทแต่โดยดี ทำได้เพียงแค่ฟังเรื่องเล่าของหนานหนานต่อไป
น่าแปลก เหตุใดท่านอ๋องและองค์ชายของอาณาจักรเทียนอวี่ อาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรหลิวอวิ๋นกลับทำท่าทางราวกับกำลังช่วยเหลือเย่ซิวตู๋อยู่เล่า?
“นับว่าท่านยังมีความรู้” หนานหนานแสดงความพึงพอใจต่อฉีหานเว่ยผู้นี้ แม้ว่าคราวก่อนอนุชาของรัชทายาทผู้นี้จะทุบตีท่านน้าเป่าเอ๋อร์ของพวกเขา แต่เห็นแก่ความช่วยเหลือที่วันนี้เขาออกตัวช่วยพูดแทนท่านแม่ไปหลายครั้ง ให้อภัยเขาก็แล้วกัน
ฉีหานเว่ยหลุดหัวเราะ หนานหนานคนนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก “ซื่อจื่อน้อย เชิญเล่าต่อเถิด”
“อืม…ข้าเล่าถึงไหนแล้วนะ? อ๋อ จริงด้วย ยามราตรีที่มีเสียงภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน”
…เหตุใดถึงได้กลายเป็นภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอนเสียแล้ว? เย่หว่านเยียนลูบแขนตนเอง ขนลุกซู่ไปหมดแล้ว
“ท่านแม่ของข้าออกเดินทางสู่ยุทธจักร จนกระทั่งมาถึงอาณาจักรเฟิงชาง คืนนั้นหลังจากที่นางเพิ่งออกมาจากการช่วยรักษาคนไข้ด้วยความใจบุญสุนทานสร้างบุญสร้างกุศลก็คิดจะกลับโรงเตี๊ยม ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างทางจู่ ๆ กลับพบกับคนคนหนึ่ง บุรุษสวมใส่ชุดสีดำทะมึนสีหน้าขาวซีดเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่ คนคนนี้ก็คือท่านพ่อของข้านั่นเอง”
เย่ซิวตู๋รู้สึกได้ว่า…ภาพลักษณ์การปรากฏตัวของเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยยิ่งใหญ่เท่าไรนัก เจ้าตัวเล็กคนนี้รู้จักแต่ประจบประแจงมารดาของตนเอง แต่กับผู้เป็นบิดาอย่างเขากลับมิได้มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
“ตอนนั้นท่านพ่อกำลังถูกคนไล่สังหารด้วยนะ จุ๊ ๆ ไม่รู้ว่าใครกันถึงได้ใจเหี้ยมเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไล่สังหารท่านพ่อของข้าที่เป็นถึงท่านอ๋อง”
ฮ่องเต้ได้สดับฟังพลันขมวดพระขนง เม้มริมฝีพระโอษฐ์พลางกวาดสายพระเนตรมองไปยังคนที่อยู่ในท้องพระโรง
หนานหนานรู้สึกพึงพอใจต่อสายพระเนตรเคร่งขรึมของเสด็จปู่อย่างมาก จึงกล่าวต่อไปว่า “แม้ว่ายามราตรีอันมืดมิดที่มีลมกระโชกแรงจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับชายโสดหญิงม่าย แต่ท่านแม่ของข้าก็เป็นหมอ หมอที่เห็นว่ามีคนล้มลงตรงหน้าตัวเองไปอย่างฉับพลัน จะปล่อยไปโดยไม่สนใจได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นท่านแม่ของข้าก็เป็นหมอจิตใจดี มีความเมตตา กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ผ่านมาเห็นความไม่เป็นธรรม…ลากไปไกลแล้ว สรุปก็คือ อย่างไรก็ต้องช่วยเหลือท่านพ่อ ถูกต้องหรือไม่เสด็จปู่”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” คิดไม่ถึงเลยว่าหากเมื่อหกปีก่อนซิวเอ๋อร์มิได้เจอกับหมอปีศาจ บางทีเขาอาจไม่มีชีวิตรอดแล้วจริง ๆ
องค์ชายรองเงยหน้ามองคานภายในท้องพระโรง การคาดการณ์ของเขาไม่ผิดเลย คาดว่าตอนที่หนานหนานพูดถึงช่วงที่ตนเองเกิด ท้องฟ้าคงมืดพอดี พอตามตรง ตอนนี้เขาเริ่มหิวแล้ว
หนานหนานพยักหน้ายิ้มตาหยี กล่าวว่า “ดังนั้น ท่านแม่ของข้าจึงช่วยเหลือท่านพ่อไว้ เฮ้อ ตอนนั้นท่านพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยนะ ดังนั้นช่วยแค่หนึ่งวันย่อมไม่เพียงพอ สองวันก็ยังไม่พอ สามวัน สี่วัน ห้าวัน ท่านพ่อของข้าก็ยังไม่ฟื้น ใช้เวลาถึงครึ่งเดือนเชียวนะ อาการป่วยของท่านพ่อจึงดีขึ้น ตอนนั้นท่านแม่ของข้าก็ยังไม่รู้สถานะของท่านพ่อ ท่านพ่อเองก็ไม่ได้บอก ไม่มีคนรับใช้ของตำหนักอ๋องมารับและดูแลท่านพ่อ อืม ด้วยเหตุนี้ตอนที่บาดแผลของท่านพ่อดีขึ้น ก็เป็นเพราะท่านแม่ของข้าที่คอยดูแลท่านพ่อ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ท่านแม่ของข้าดันใจดีเกินไปนี่นา เฮ้อ”
ประเด็นสำคัญในตอนนี้มิใช่ว่ากำลังพูดถึงบิดาหรอกหรือ? เหตุใดถึงได้กลับมาชื่นชมมารดาของตนเองอีกแล้ว?
“ทุกคนต่างก็ทราบกันดี ท่านพ่อของข้าหล่อเหลามากถูกต้องหรือไม่ ส่วนท่านแม่ของข้าก็เป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้ามาดิน ฉลาดปราดเปรื่อง มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูง ใครเห็นก็ต้องรัก ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน ย่อมต้องเกิดอารมณ์ความรู้สึกเล็ก ๆ น้อยๆ จริงหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋รู้สึกจิตใจไม่สมดุลถึงขีดสุดแล้ว หล่อ! มาก! ถูกต้องหรือไม่??? ตั้งแต่ต้นจนจบ คำบรรยายถึงเขามีแค่สามคำนี้ และมิใช่สำนวนอะไรด้วย? เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดเมื่อบรรยายถึงข้อดีของมารดาตนเองถึงได้มีคำพูดดี ๆ พูดได้ไม่รู้จบ?
“ทุกคนต่างก็รู้ดี เรื่องของความรู้สึก มิใช่สิ่งที่มนุษย์จะควบคุมได้ แม้แต่ข้าที่เป็นเด็กวัยห้าขวบก็ยังรู้ ไม่มีเหตุผลที่ผู้ใหญ่อย่างพวกท่านจะไม่รู้ ถูกต้องหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก? เด็กอายุห้าขวบรู้เรื่องเหล่านี้ มิเท่ากับว่าเป็นเด็กแก่แดดหรอกหรือ?
“ระหว่างที่ท่านพ่อกับท่านแม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้เห็นข้อดีของกันและกัน ความรู้สึกก็ค่อย ๆ ฟูมฟักขึ้นมา แต่พวกท่านอย่าได้คิดสกปรกเชียว มากสุดพวกเขาก็แค่คุยกันเรื่องอาการป่วยเท่านั้น ไม่ได้ทำเรื่องอื่น”
“…” คนที่คิดสกปรกก็มีแต่เจ้านั่นแหละ ทุกคนเงียบกริบ
“จากนั้น ก็ยังมีอีกหนึ่งราตรีจันทร์ดับลมกระโชกแรง ตอนที่ท่านพ่อออกจากบ้านก็ได้ไปเจอกับศัตรู ตอนนั้นบาดแผลของท่านพ่อยังไม่ทันได้หายดี จึงมิอาจสู้กับศัตรูได้ จากนั้นท่านพ่อก็โดน…พิษราคะ ศัตรูเหล่านั้นใจเหี้ยมจริง ๆ พวกเขาคิดจะใช้พิษราคะเพื่อควบคุมท่านพ่อของข้า จากนั้นก็คิดอยากให้ท่านพ่อของข้าสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ ท่านพ่อของข้าคือท่านอ๋อง การที่ต้องมาสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมินับเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่งนัก ไม่เพียงแต่กระทบต่อท่านพ่อของข้า แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของอาณาจักรเฟิงชางด้วย ถูกต้องหรือไม่ เหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลาย ข้าพูดถูกต้องหรือไม่?”
หนานหนานชี้ไปที่อวี้สื่อสูงวัยคนหนึ่ง อวี้สื่อผู้นั้นชะงัก จากนั้นจึงพยักหน้าตอบ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หากท่านอ๋องซิวประพฤติตนไม่ดี คนที่ต้องอับอายก็คือราชวงศ์
ทว่า เด็กคนนี้อายุแค่ห้าขวบ มิใช่ว่า…รู้มากไปหน่อยหรือ?
หนานหนานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “โชคดี แม้ว่าท่านพ่อของข้าจะได้รับพิษ แต่ก็ยังหนีรอดออกมาได้ ตอนนั้นท่านพ่อไม่รู้ว่าตนเองได้รับพิษใด คิดว่าเป็นแค่ยาพิษธรรมดา ๆ จึงคิดอยากไปหาท่านแม่เพื่อให้ช่วยถอนพิษให้ ตอนนั้นทักษะทางการแพทย์ของท่านแม่ยังมิได้สูงเท่าตอนนี้ ดังนั้น ท่านแม่จึงไม่มีวิธีการแก้ปัญหาเมื่อเจอกับพิษราคะที่ท่านพ่อได้รับ”
“เฮ้อ ท่านพ่อผู้น่าสงสารของข้า ตอนนั้นเขากำลังจะเป็นบ้าแล้ว บนมือเต็มไปด้วยเลือด ท่านแม่ของข้าใช้เชือกมัดเขาไว้ก็เปล่าประโยชน์ เลือดเริ่มไหลออกมาจากดวงตาและรูจมูก ราวกับดวงตาแทบจะถลนออกมา ร่างกายก็สั่นเทาตลอดเวลา พร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่อ”
หนานหนาน เลิกพูดเถอะ เกรงว่าพ่อของเจ้าคงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว เย่ซิวตู๋ลอบถอนหายใจ รู้สึกเสียใจในภายหลังถึงขีดสุดแล้ว
“ท่านแม่ของข้าก็ร้อนใจมากเช่นกัน ตอนนั้นจึงเสนอพาท่านพ่อของข้าไปหอโคมเขียว แต่ท่านพ่อของข้าไม่ยอม เขาบอกว่าศัตรูเหล่านั้นต้องส่งคนไปที่หอโคมเขียวแต่ละแห่งแล้ว เหลือก็แค่รอให้เขาเข้าไปติดกับดักเอง มิอาจตกหลุมพรางได้ อืม ท่านพ่อเป็นผู้มีเมตตาธรรมและคุณธรรมสูงส่ง เพื่อเกียรติของอาณาจักรเฟิงชาง ต่อให้ตนเองต้องตาย ก็ไม่ยอมให้ศัตรูสมปรารถนา”
“คนที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมากใช่หรือไม่?”
เขาเริ่มหันไปมองหน้าอวี้สื่อคนนั้นอีกครั้ง
“…” อวี้สื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล ทว่ากลับยังพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากนั้นจึงถอยหลังออกไปสองก้าวอย่างเงียบ ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอาล่ะ จะเล่าจบตอนไหนบอกผู้แปลด้วยนะหนานหนาน เฮ้อออ
จะว่าไปแล้วสิ่งที่น้องเล่าก็ดูมีเค้าความจริงอยู่นะคะ ตอนที่ท่านอ๋องได้กับชิงลั่วก็คงจะถูกพิษอะไรประเภทนั้นมาเลยทำให้ครองสติสัมปชัญญะไม่ได้นี่แหละ
ไหหม่า(海馬)
Comments