อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 471 ตักเตือน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 471 ตักเตือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 471 ตักเตือน

ตอนที่ 471 ตักเตือน

ซูเฟยถึงกับกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่ “องค์…องค์หญิง ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”

“เหนียงเหนียง ไปนอนบนเตียงเถิดเพคะ หม่อมฉันจะช่วยฝังเข็มและครอบแก้วให้ เพื่อขับเลือดคั่งออกจากร่างกาย” อวี้ชิงลั่วยังคงแย้มยิ้ม ขยับนิ้วมือทั้งสิบนิ้ว ท่าทางนั้นกลับแอบแฝงด้วยความชั่วร้ายหลายส่วน “หรือว่า ซูเฟยเหนียงเหนียงไม่เชื่อใจหม่อมฉัน ไม่อยากให้หม่อมฉันรักษาให้เพคะ?”

“ย่อมมิใช่” ซูเฟยรีบโบกมือ “ชื่อเสียงขององค์หญิงโด่งดังใต้หล้า แม้เราจะไม่ได้รู้จักองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ แต่หมอปีศาจผู้มีนิสัยไม่เหมือนใครกลับพอได้ยินมาบ้างแล้ว หากหมอปีศาจลงมือช่วยเหลือใครก็จะไม่พลาด ไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร นางก็สามารถช่วยกลับมาได้ทั้งหมด”

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว นี่อีกฝ่ายกำลังเยินยอนางอยู่รึ?

แต่ก็ช่างปะไร เมื่อเทียบซูเฟยกับนางสนมคนอื่น ๆ อวี้ชิงลั่วกลับรู้สึกดีกับนาง

ตอนนี้ซูเฟยเชื่อฟังเป็นอย่างดี หลังจากเข้ามาด้านในห้องนางก็ถอดชุดบนเรือนกายออกด้วยตนเอง ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะไม่ค่อยเหมาะสม ตอนที่ถอดมาจนถึงชุดด้านในจึงเกิดอาการลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปชั่วครู่จึงถอดเสื้อออก

ตอนที่อวี้ชิงลั่วบอกให้นางนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างพอดิบพอดี

จากนั้นก็พบว่าแม่นมเซียวและเค่อเหรินถือกระบอกไม้ไผ่เข้ามาหลายอัน แล้วนำมาวางลงตรงหน้าอวี้ชิงลั่วทีละอัน

“องค์หญิง หม่อมฉันล้างทำความสะอาดทั้งหมดแล้วเพคะ”

“อืม ต้มน้ำร้อนเรียบร้อยแล้วรึ?” อวี้ชิงลั่วหยิบกระบอกไม้ไผ่เดินมาที่ข้างเตียงอย่างพอใจ

แม่นมเซียวพยักหน้า จากนั้นหงเย่และนางข้าหลวงอีกคนหนึ่งที่อยู่ในตำหนักเซิ่งผิงก็เดินถือน้ำร้อนเดือดปุด ๆ เข้ามาหนึ่งหม้อ

อวี้ชิงลั่วนำน้ำร้อนเทลงไปในกระบอกไม้ไผ่แล้วนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นแม่นมเซียวและคนอื่น ๆ ก็ออกไปยืนรอข้างนอก

จนกระทั่งประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วจึงขยับมือใช้ที่หนีบกระบอกไม้ไผ่เทออกมา คว่ำลงบนผ้าขนหนูที่พับทบกันหลายชั้นบนมืออีกข้างหนึ่ง ก่อนจะสะบัดน้ำร้อนที่เหลืออยู่ภายในกระบอกอย่างรวดเร็ว เพื่อทดสอบความร้อนบนพื้นผิวของกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นจึงกดลงบนแผ่นหลังและบ่าเปลือยเปล่าของซูเฟย พร้อมกับยกฝ่ามือออก

การเคลื่อนไหวทั้งหมดทำเสร็จภายในรวดเดียวโดยไม่หยุด ต่อให้ซูเฟยกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ก็ถูกการเคลื่อนไหวของอวี้ชิงลั่วทำให้ลายตาอย่างห้ามไม่อยู่เช่นเดียวกัน

ถึงอย่างไรอายุของนางก็แตกต่างจากหมอหลวงเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวจึงคล่องแคล่วและชำนาญ ทำให้นางเกิดความมั่นใจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

ซูเฟยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงอย่างเนิบช้า ปล่อยวางจากทุกเรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอวี้ชิงลั่ว

คนที่สามารถทำให้นางสนมที่หมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้ภายในวังมาหลายปีรู้สึกเชื่อใจได้ถึงเพียงนี้คงมีแค่อวี้ชิงลั่ว เรื่องนี้ทำให้นางหลุดยิ้มไม่ได้

หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ อวี้ชิงลั่วจึงนำกระบอกไม้ไผ่ออก ตามมาติด ๆ ด้วยการฝังเข็มเรียงแถวเพื่อเริ่มระบายเลือดออก

ตอนที่เลือดสีขุ่นผุดออกมาจากปลายเข็ม แม้แต่ซูเฟยก็ยังรู้สึกคลื่นไส้ รู้สึกทรมานเหลือประมาณ

ไม่ใช่เรื่องง่ายก็ทุกอย่างจะเสร็จสิ้น อวี้ชิงลั่วจึงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง โบกมือให้นางข้าหลวงของซูเฟยเข้ามา ช่วยปรนนิบัติเช็ดตัวให้นาง

หลังจากได้ครอบแก้วและฝังเข็ม ตอนที่ซูเฟยลุกขึ้นยืนก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเบาหวิว ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ สายตาดูอ่อนโยนขณะมองอวี้ชิงลั่วด้วยความรู้สึกซึ้งใจ

นานเพียงใดแล้ว? นานเพียงใดแล้วที่ไม่เคยได้รู้สึกหายใจได้โล่งสบายเช่นนี้? การที่นางไม่เคยพยาบาทแม่นางชิงผู้นี้ นับเป็นการกระทำที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของนางแล้ว

มีความรู้สึกซาบซึ้งใจมากมายภายในใจที่พูดไม่ออก ภายในระยะเวลาครึ่งชั่วยาม ความรู้สึกดีที่ซูเฟยมีต่ออวี้ชิงลั่วพุ่งสูงขึ้น ยิ่งทำให้นางรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วล้างมือเช็ดมือจนแห้งแล้วสวมใส่ชุดโง่ ๆ ที่หนักแทบตายชุดนั้นอีกครั้ง ซูเฟยจึงจับมือของนางไว้ด้วยความดีใจ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “องค์หญิง เราไม่รู้ว่าควรจะพูดขอบคุณท่านอย่างไรดี หลายปีมานี้ เรานอนหลับยากเพราะความทุกข์ทรมานจากโรคในตัว จนแทบจะสิ้นหวัง คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้กลับ…”

นางถึงกับพูดไม่ออก

อวี้ชิงลั่วกลับลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แค่การครอบแก้วและฝังเข็ม หมอหลวงของไท่อีเยวี่ยนล้วนทำได้ ทว่าภายใต้คำสั่งของเหมิงกุ้ยเฟย คนเหล่านั้นจึงไม่ยอมใช้แม้กระทั่งวิธีที่ทำให้ซูเฟยรู้สึกสบายขึ้น

บางทีซูเฟยอาจพูดถูก ภายในวังแห่งนี้ เหมิงกุ้ยเฟยถึงขั้นที่ใช้มือข้างเดียวก็ปิดบังทุกอย่างได้แล้ว

นางหัวเราะหนึ่งเสียง ตบหลังมือของซูเฟยอย่างเงียบ ๆ กล่าวว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเพคะ รอให้พิษบนร่างกายของเหนียงเหนียงหายจนหมด ถึงเวลานั้นค่อยดีใจก็ยังไม่สาย”

“ก็จริง” แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ ทว่ามือของนางกลับยังจับมือทั้งสองข้างของอวี้ชิงลั่วไม่ยอมปล่อย จับราวกับว่านางเป็นฟางเชือกสุดท้ายที่ช่วยชีวิตของตนเองก็มิปาน “องค์หญิง นี่ก็สายแล้ว วันนี้อยู่กินมื้อค่ำด้วยกันเถิด”

อวี้ชิงลั่วคิดว่าตอนนี้เย่ซิวตู๋คงกลับจวนแล้ว หากไม่เจอนาง คงคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางภายในวัง อย่าต้องให้เขาบุกเข้ามาถึงในวังเลย

นางครุ่นคิด ก่อนปฏิเสธความหวังดีของซูเฟยด้วยการส่ายหน้าเคล้ารอยยิ้ม “เหนียงเหนียง แค่ก ท่านอ๋องซิวกับหนานหนานรอหม่อมฉันอยู่ วันนี้เอาไว้ก่อนดีกว่าเพคะ เหนียงเหนียงเองก็ต้องพักผ่อนให้มาก ๆ หลังจากนี้ต้องกินอะไร หม่อมฉันจะเขียนใส่กระดาษไว้ให้เค่อเหริน ถึงเวลานั้นเหนียงเหนียงแค่ยึดตามใบสั่งยาเพื่อฟื้นฟูร่างกายก็จะดีขึ้น แต่ เพื่อไม่ให้ตีกัน ยาที่หมอหลวงของไท่อีเยวี่ยนจ่ายให้ เหนียงเหนียงไม่กินจะดีกว่า ยาย่อมมีพิษสามส่วน อันที่จริงหม่อมฉันไม่ได้สนับสนุนให้ดื่มยาตลอดทั้งวัน หากบำบัดด้วยอาหารก็ถือว่าไม่เลว”

เค่อเหรินถึงกับชะงัก พูดตามตรง อันที่จริงนางก็เป็นแค่นางข้าหลวงชั้นสามรับผิดชอบถ่ายทอดคำพูด หากมิใช่เพราะองค์หญิงเทียนฝูให้นางคอยอยู่ปรนนิบัติอยู่ที่นี่ตลอด เกรงว่านางคงกลับตำแหน่งเดิมจนไม่เห็นเงาแล้ว ทว่าวันนี้องค์หญิงเทียนฝูกลับมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้นาง เค่อเหรินจึงเนื้อตัวสั่นเทาเพราะได้รับความสำคัญอย่างไม่คาดฝัน

ซูเฟยมองเค่อเหรินปราดหนึ่ง พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงพูดถูก ยาย่อมมีพิษสามส่วน อีกอย่างยาเหล่านั้นก็ทั้งขมทั้งฝาด เราไม่ชอบเอาเสียเลย” ระหว่างที่พูด นางก็หยุดชะงักไป เหลือบสายตาแฝงด้วยความหมายอันลึกซึ้งมาที่อวี้ชิงลั่ว “ในเมื่อท่านอ๋องและซื่อจื่อน้อยรอองค์หญิงอยู่ในจวน เช่นนั้นเราก็คงไม่รั้งองค์หญิงไว้แล้ว ท่านอ๋องซิวเป็นบุรุษที่ดี หลังจากนี้ย่อมปฏิบัติต่อองค์หญิงเป็นอย่างดี องค์หญิงเป็นหญิงงามจิตใจดี คนดีย่อมได้ดี หลังจากนี้ชีวิตคงมีแต่คนอิจฉา”

อวี้ชิงลั่วไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียง แอบรู้สึกร้อนตัวอยู่เหมือนกัน เอาเถิด หญิงงามจิตใจดี เรื่องนี้นางคงต้องยอมรับ ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องจริง จริงหรือไม่

แม่นมเซียวเบือนหน้าไปทางอื่น เมื่อได้ยินคำพูดเท็จเช่นนี้ นางจะทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน

ซูเฟยกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะสั่งให้เค่อเหรินออกไปเตรียมเกี้ยวเพื่อส่งอวี้ชิงลั่วออกนอกวัง

ทว่าตอนที่อวี้ชิงลั่วหมุนกาย จู่ ๆ ซูเฟยกลับนึกถึงบางสิ่งขึ้นได้ นางเม้มปากด้วยท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระซิบข้างหูอวี้ชิงลั่วเบา ๆ ว่า “องค์หญิง ท่านอย่าหาว่าเราปากมากเลย บนโลกใบนี้มีคนหน้าเนื้อใจเสือมากนัก ต่อให้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิด แต่ก็ต้องมีความลำเอียงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ญาติพี่น้องในราชวงศ์รู้จักกันเพียงผิวเผินมาโดยตลอด ตำแหน่งขององค์หญิงในตอนนี้ คงจะดีกว่าหากป้องกันตนเองให้มากขึ้น อย่าได้เชื่อใจผู้อื่นให้มากเกินไป”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ซูเฟยกำลังเตือนให้ระวังใครกันนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *