อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 617 คร่ำครวญว่ายากจนช่างไร้ยางอาย

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 617 คร่ำครวญว่ายากจนช่างไร้ยางอาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 617 คร่ำครวญว่ายากจนช่างไร้ยางอาย

ตอนที่ 617 คร่ำครวญว่ายากจนช่างไร้ยางอาย

อวี้ชิงลั่วชะงักไป เลิกคิ้วมองสารถีผู้นั้น “เป็นอะไรหรือ?”

“แม่นาง ท่าน… ตอนแรกที่ท่านจ้างข้า ไม่เห็นบอกกันเลยว่าจะมีปัญหาตามมามากมายเช่นนี้ ทั้งยังมีคนตามฆ่าอีก” เพียงสารถีนึกถึงคนชั่วทั้งแปดคนเมื่อครู่นี้ ขาของเขาก็อ่อนแรงมาจนถึงตอนนี้ แทบจะปัสสาวะรดกางเกงเสียแล้ว

“แม่นาง ข้าไม่เป็นกิจธุระขับรถม้าให้ท่านแล้ว ท่านไปหาคนอื่นเถิด” ต่อให้แม่นางจะขึ้นราคาให้มากเพียงใด แต่อย่างไรชีวิตของตนก็สำคัญกว่า หากไม่เหลือชีวิตแล้ว มีเงินมากมายก็ไร้ประโยชน์

อวี้ชิงลั่วเม้มปากเงียบๆ สารถีเห็นนางเป็นเช่นนั้นแล้ว จู่ๆ ในหัวก็มีภาพฝีมือของหนานหนานเมื่อครู่แวบเข้ามา ชั่วขณะนั้นก็พลันหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กคนนี้เก่งกาจยิ่งกว่าแปดคนนั้นเสียอีก ถึงเขาจะอยู่กับสองแม่ลูกคู่นี้มาสองสามวัน รู้ว่าพวกเขาพูดจาค่อนข้างดี แต่ใครจะรู้ว่าหากคนคนหนึ่งเกิดโมโหอะไรขึ้นมาแล้วลงมือกับตนเล่า?

เพียงคิดถึงตรงนี้ สองขาของสารถีก็อ่อนยวบลงอีกครั้ง

“แม่นาง ถือว่าข้าขอล่ะ บ้านข้ายังมีเมีย มีลูก มีแม่ ข้าจะเอาชีวิตตนมาล้อเล่นไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นให้ข้าคืนเงินท่านเถิด ข้าจะไม่รับเงินไว้แม้แต่ตำลึงเดียว สองสามวันมานี้ถือว่าข้าทำให้เปล่าๆ ดีหรือไม่?”

สุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เมืองหลวงแล้ว

เหมิงหลัวอวี้กัดปากตัวเอง ในใจรู้สึกผิดอย่างมาก ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางที่ทำให้พวกเขาต้องเหนื่อย ตอนนี้แม้แต่สารถีก็ไม่ต้องการทำงานให้แล้ว

แต่ก็จริง เขาเพียงรับเงินแล้วทำงานให้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รักชีวิตตนเอง

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ มองสารถีแวบหนึ่งแล้วพยักหน้ากล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าหาคนขับรถคนใหม่ก็ได้”

สารถีได้ยินเช่นนั้น แววตาก็ดูมีความสุข ขณะกำลังคิดจะกล่าวอันใดก็ได้ยินอวี้ชิงลั่วกล่าวต่อ “แต่ว่า ขอเพียงท่านส่งข้าที่หมู่บ้านถัดไปก็พอ”

“นั่น…” เขาหวังเพียงว่าจะจากไปให้เร็วเท่าไรยิ่งดี

อวี้ชิงลั่วยิ้มออกมา “ท่านคิดว่าตัวท่านจะขับรถม้ากลับไปคนเดียวอย่างนั้นหรือ หรือจะเดินกลับไปเองกันเล่า?”

คนขับประหลาดใจ พอคิดแล้วก็เห็นด้วย ทั้งด้านหน้าด้านหลังล้วนไม่มีหมู่บ้านหรือร้านค้า หากเดินกลับไปจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงเมื่อไร

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปส่งแม่นางที่หมู่บ้านถัดไปเอง” คนขับกระโดดขึ้นรถม้าใหม่อีกครั้ง ดึงบังเหียนแล้วมุ่งหน้าไปข้างหน้า

เหมิงหลัวอวี้จึงค่อยๆ ถอนหายใจโล่งอกขึ้นมา ในใจที่เคร่งเครียดก็ค่อยสบายใจมากขึ้นแล้ว

จนกระทั่งรถม้าของพวกเขาหายลับตาไปไม่นาน การหายใจของคนแปดคนก็ค่อยๆ แผ่วเบาลง ไม่นานนักตามร่างกายก็ค่อยๆ มีตุ่มพองสีแดงผุดขึ้นมา ดูราวกับว่าเป็นโรคติดต่อรักษาไม่หายเช่นนั้น

ผ่านไปครึ่งวันก็มีคนพบศพของพวกเขา และรีบไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเพื่อรายงานทางการ เจ้าหน้าที่ชันสูตรเห็นสภาพเช่นนั้นก็กลัวว่าจะเป็นโรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะชันสูตรอย่างรอบคอบ ปิดจมูกของตนแล้วถอยมาหาเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่น

ในคืนนั้น ศพไม่ได้ถูกนำกลับมาที่เมืองเสียด้วยซ้ำ แต่มีคำสั่งให้เผาให้เรียบอยู่นอกเมืองเสีย

ทั้งหมดนี้แม้อวี้ชิงลั่วจะมีการคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ จึงไม่ได้เป็นห่วงอันใด และข่าวก็ไม่ได้ถูกส่งมาถึงหูนางในระยะเวลาอันสั้น

ตอนนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลที่สุดก็คือ… ปัญหาเรื่องรถม้า

หลังจากสารถีผู้นั้นมาส่งนางถึงโรงเตี๊ยมแห่งต่อไปแล้ว เขาก็จากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับ แน่นอนว่าอวี้ชิงลั่วเชื่อว่าตนนั้นใจดีมากแล้ว ยังคงคำนวณค่าจ้างในช่วงสองสามวันนี้แล้วจ่ายให้เขา

เพียงแต่ว่าวันพรุ่งนี้นางต้องออกเดินทางแล้ว จะต้องจัดการปัญหาเรื่องรถม้าให้เสร็จภายในวันนี้

หนานหนานกลิ้งขลุกๆ ไปมาบนเตียงสองครั้ง สุดท้ายก็กลิ้งมาหยุดข้างนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ข้าว่าที่ไอ้คนเลวพวกนั้นกล่าวก็มีเหตุผลนะขอรับ พวกเรานั่งรถม้าธรรมดาๆ คนก็จะไม่เห็นคุณค่าของเรา คิดว่าพวกเราเป็นคนไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งใดสนับสนุนจึงรังแกได้ คิดว่าต่อให้ฆ่าพวกเราก็ไม่มีใครสนใจ คงไม่มีปัญหาใหญ่อันใด”

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เปลี่ยนมืออีกข้างวางที่ขอบหน้าต่าง ในหัวกำลังครุ่นคิดเรื่องต่างๆ

หนานหนานลุกขึ้นมาพร้อมเสียงเอี๊ยดอ๊าด นั่งลงบนตักของอวี้ชิงลั่ว

อวี้ชิงลั่วถูกเขาทับเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา

เด็กบ้านี่ กินจนอ้วนขนาดนี้ยังจะมานั่งตักนางอีก ไม่รู้หรือว่านางเป็นสตรีบอบบางอ่อนแอ

“เจ้าทำอะไรน่ะ ลงไปเลย ๆๆ”

“ท่านแม่ ท่านฟังข้านะ ที่ข้าพูดน่ะล้วนเป็นเรื่องจริง ท่านคิดดูสิ เราเปลี่ยนเป็นรถม้าคันใหญ่หน่อย แล้วก็มีผู้คุ้มกันสักสองคนอยู่ข้างกาย ดูสง่าน่าเกรงขาม ให้คนมองมาก็รู้ว่าเรามาจากตระกูลใหญ่ มองก็รู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับเรา จะได้ลดปัญหาลงได้เยอะหน่อย” ที่สำคัญที่สุด รถม้าคันใหญ่ทั้งสบาย ทั้งกว้าง ทั้งนิ่มนวล เขาเกลือกกลิ้ง นอนหลับ กินอาหารในนั้นก็ล้วนไม่มีปัญหา สบายตัวอย่างยิ่ง

สองสามวันมานี้รถม้าคันนี้แคบมาก ร้อนระอุแทบตาย

อวี้ชิงลั่วยังไม่สามารถรับน้ำหนักเขาได้ ยกมือเอาเขาไปวางไว้ที่เตียง

แต่สิ่งที่หนานหนานพูดก็ไม่ได้ไร้เหตุผล เส้นทางที่พวกเขาใช้เดินทางนั้นเป็นเส้นทางสายหลัก ความปลอดภัยดีเยี่ยม นอกจากพวกคนที่มุ่งหมายจะเอาชีวิตพวกเขาที่ได้เจอในวันนี้แล้ว ยามปกติก็ไม่มีอันตรายอะไร ยิ่งไม่มีพวกขโมยขโจรโผล่มาเป็นแน่

เพียงแต่ว่า…

“อยากเปลี่ยนเป็นรถม้าคันใหญ่หรือ” อวี้ชิงลั่วยิ้มให้หนานหนาน

หนานหนานมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมากขึ้นมา แต่เพียงคิดถึงรถม้าคันใหญ่ทั้งกว้างทั้งสบาย จึงข่มกลั้นความกลัวเอาไว้ ยิ้มแห้งพลางพยักหน้า “ข้าเองก็ทำเพื่อท่านแม่นี่นา สองสามวันมานี้ท่านแม่นั่งรถม้าเล็กๆ เช่นนั้นจนปวดหลังเลยไม่ใช่หรือ จะต้องอึดอัดไม่สบายตัวอย่างมากทีเดียว ข้าน่ะกตัญญูรู้คุณที่สุด สิ่งแรกที่คิดถึงก็คือท่านแม่เลยนะขอรับ”

“คิก…” เหมิงหลัวอวี้ที่กำลังยืนเก็บของอยู่ข้างโต๊ะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

หนานหนานมองนางอย่างไม่พอใจ เหมิงหลัวอวี้รีบก้มหน้าเก็บของต่อไป

“ท่านแม่ ที่ข้าพูดไปเป็นเรื่องจริงนะขอรับ”

อวี้ชิงลั่วยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม “อืม ข้าเชื่อว่าที่เจ้าพูดเป็นความจริง แต่การจะเปลี่ยนเป็นรถม้าคันใหญ่ต้องใช้เงินนะ หนานหนาน”

“…” ไร้สาระ แม้แต่รถม้าคันเล็กก็ต้องใช้เงินไม่ใช่หรือไร

เดี๋ยวนะ

ไม่สิ!!

ทันใดนั้นหนานหนานก็ถูก้นของตนแล้วถอยไปสองสามก้าว จ้องมองมารดาของตนอย่างระมัดระวัง “ท่าน ท่าน ข้า ท่านแม่ ข้า…”

อวี้ชิงลั่วขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ ยิ้มแล้วกล่าว “แม่ของเจ้าน่ะจนจะตาย ไม่มีเงินถึงเพียงนั้นหรอก”

หนานหนานเบ้ปากอย่างโมโห ท่านแม่เป็นคนมีอันจะกินแท้ๆ กล้าพูดได้อย่างไรว่านางไม่มีเงินมากเพียงนั้น

อวี้ชิงลั่วยิ้มต่อไป “ข้ามีงบประมาณสำหรับการเดินทางครั้งนี้ เดิมทีเพียงคิดอยากจะนั่งรถม้าคันนั้นไปดินแดนเหมิงตลอดทาง ตอนนี้จู่ๆ ต้องเปลี่ยนรถม้า หากเงินไม่พอจะทำอย่างไร”

ท่านแม่ช่างไร้ยางอายนัก คำพูดเช่นนี้นางกล้ากล่าวออกมาได้อย่างไร บ้านของเขาก็มีแต่นางเป็นผู้จัดการ แต่เมื่อมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้กลับทำตัวตระหนี่ถี่เหนียว

หนานหนานเด้งตัวลุกจากเตียง สองมือทาบอก หันหลังให้นางอย่างเย็นชา “ท่านแม่ คร่ำครวญว่ายากจนนั้นช่างไร้ยางอายนัก”

!!

………………………………………………………………………………………………………สารจากผู้แปล

หนานหนานคิดจะสู้ท่านแม่ยังเร็วไปร้อยปีนะจ๊ะ แค่อ้าปากท่านแม่ก็รู้ทันแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *