อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 623 โกหกหน้าตาย

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 623 โกหกหน้าตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 623 โกหกหน้าตาย

ตอนที่ 623 โกหกหน้าตาย

“แต่ว่า…” เยว่ซินต้องการเจออวี้ชิงลั่วเร็ว ๆ ก็จริง แต่เมื่อหันไปเห็นใบหน้าของแม่นมเซียวที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก นางก็ชะงัก แล้วหันหลังเงียบไป

ตัวนางเองก็มีอาการคลื่นไส้เช่นกัน ในขณะนี้นางเกลียดตัวเองจริงๆ ที่ไม่อาจทำตามที่หวังไว้ได้ แม้แต่การนั่งรถม้าก็ยังเป็นตัวถ่วงของคนอื่น

โม่เสียนหยุดพูด แล้วรถม้าที่จอดข้างทางก็เงียบไปครู่หนึ่ง

หงเย่เทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้า หลังจากเช็ดหน้าให้แม่นมเซียวเสร็จแล้ว นางก็กดขมับนวดเบา ๆ ให้ “แม่นม รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”

มือของแม่นมเซียวที่วางอยู่ด้านข้างถูกนวดอย่างเบามือ ครู่หนึ่งนางก็ถอนหายใจออกมา “ข้าดีขึ้นแล้ว ข้าเป็นตัวถ่วงของพวกเจ้าแท้ๆ” นางยังคงอยากเจออวี้ชิงลั่วและหนานหนานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในใจของนางกังวลอยู่เสมอ และสังหรณ์ใจราวกับกำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา

โม่เสียนหันกลับมา “แม่นมเซียวอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย ท่านอ๋องและคนอื่น ๆ รีบไปก่อนล่วงหน้าแล้ว พวกเขาจะพบแม่นางอวี้ในไม่ช้านี้แน่นอน”

“เฮ้อ ข้าควรจะอยู่ในเมืองหลวงและไม่ตามออกมา” หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาเกรงว่าอีกฝ่ายคงกำลังจะถึงเผ่าเหมิงแล้ว

เมื่อเห็นการโทษตัวเองเช่นนั้น หงเย่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้ม “แม่นมอยากลงจากรถม้าไปเดินเล่นหรือไม่เจ้าคะ? วันนี้อากาศดีเย็นสบายมาก ทั้งยังมีลมพัดเย็นสบาย”

แม่นมเซียวเหลือบมองนาง ก่อนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วจับมือหงเย่ลงจากรถม้า ทันทีที่ขาของนางแตะพื้น นางก็เห็นรถม้าที่อยู่ไม่ไกลกำลังแล่นไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

นางตกตะลึง เอียงศีรษะแล้วถามหงเย่ว่า “เจ้าบอกว่าหนานหนานและคนอื่น ๆ ไปไหนหรือ? หากพวกเขาออกเดินทางช้าไปสักสองสามครั้ง พวกเขาก็อาจจะบังเอิญเหมือนกับเรา เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะผ่านเราเหมือนรถม้าคันนั้น?”

หงเย่หัวเราะ “ท่านโม่และท่านเหวินต่างก็คิดเช่นนี้ พวกเขาลอบดูรถม้าแล่นผ่านไปตามทางอยู่ตลอด แต่ท่านเหวินกล่าวว่าทหารรักษาเมืองบอกว่ารถม้าที่องค์หญิงและคนอื่นนั่งมานั้นธรรมดามากและค่อนข้างเก่าไปหน่อย ข้าเกรงว่าเป็นเพราะท่านไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้คน รถม้าคันนี้งดงามเกินไปและยังมีคนคอยเฝ้าติดตามด้วย คนในรถม้าน่าจะเป็นคนในครอบครัวของชายคนนั้น หากจะให้ท่านโม่หรือคนอื่น ๆ ก้าวเข้าไปหยุดเพื่อถามก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก”

แม่นมเซียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนวดขมับตัวเอง แล้วพูดด้วยอาการปวดศีรษะ “ดูข้าสิ สับสนไปหมดแล้ว”

หงเย่ช่วยประคองแม่นมเซียวเดินมายังโขดหินสะอาดใต้ร่มไม้ก่อนจะนั่งลง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าตอนนี้เหวินเทียนและโม่เสียนกำลังยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างรถม้า

นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดกับแม่นมเซียวด้วยเสียงเบา แล้วเดินไปถามสองคนนั้นว่า “รถม้าคันนั้นมีอะไรผิดปกติหรือ?”

รถม้าปิดม่านไว้ตลอดเวลา พวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถม้าได้อย่างชัดเจน

เหวินเทียนส่ายหน้า สายตาของเขาผ่อนคลายลงเมื่อมองนาง “ไม่หรอก เพียงแต่โม่เสียนและข้ารู้สึกคุ้นหน้าชายบนหลังม้า เหมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

“เป็นคนไม่ดีหรือ? แล้วคนในรถม้า…”

เหวินเทียนรู้ว่านางต้องการจะพูดอะไร เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนในรถม้าไม่น่าจะเป็นแม่นางอวี้และหนานหนาน เมื่อสักครู่นี้ข้ามองผ่านช่องผ้าม่านเข้าไป ก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สวมผ้าคลุมหน้าโปร่งอยู่ข้างใน”

เมื่อหงเย่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และไม่ได้ถามอะไรอีก นางหันกลับไปนั่งข้างแม่นมเซียว

โม่เสียนและเหวินเทียนพูดคุยกันอีกเล็กน้อย พวกเขายังคงรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะเคยเจอชายคนนั้นมาก่อน แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก หรืออาจเป็นเพราะเคยเจอเมื่อนานมาแล้ว

ทั้งสองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังจำไม่ได้ว่าบุรุษผู้นั้นคือใคร และเมื่อเห็นว่าเริ่มจะสายแล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางอีกครั้ง

อูเหมี่ยนเซิงไม่ประมาท จนกระทั่งเดินทางห่างออกไป เมื่อสักครู่นี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของคนเหล่านั้นจับจ้องมาทางพวกเขา ทำให้เขากังวลมากว่าอาจเป็นศัตรูของเขาหรือศัตรูของแม่นางถัง ชายสองคนนั้นดูเหมือนจะมีฝีมือไม่ธรรมดา หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ ก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่

โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงพูดกับอวี้ชิงลั่ว “แม่นางถัง ดูเหมือนว่าฝนใกล้จะตกแล้ว เจ้าต้องการเร่งความเร็วหรือไม่ ไม่เช่นนั้นหากถนนเป็นโคลนจะเดินทางลำบาก”

อวี้ชิงลั่วได้ยินดังนั้นก็ตื่นขึ้นมา นางส่ายศีรษะแล้วเปิดม่านมองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ดูเหมือนฝนจะตกจริง ๆ แต่อากาศไม่ได้มืดครึ้มมากนัก

นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า และบอกคนขับรถม้าว่า “ไปเร็วขึ้นหน่อย”

“ขอรับ” คนขับรถม้าสะบัดแส้ แล้วม้าทั้งสองก็เริ่มวิ่งห้อไป

อูเหมี่ยนเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วส่งเสียง ‘ไป’ เพื่อเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย

เมื่อรถม้าวิ่งบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หนานหนานก็สะดุ้งตื่นขึ้นทันที เขารีบลุกขึ้นมานั่งในรถม้า แล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”

“…ไม่มีอะไร” มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก นางรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ปลุกเขาล่วงหน้า กระแอมออกมาเบา ๆ แล้วพูดด้วยความมั่นใจว่า “อีกสักพักฝนกำลังจะตก ม้าคงจะหงุดหงิดก็เลยวิ่งห้อไปเช่นนี้”

“…” มือของอูเหมี่ยนเซิงเกือบจะคุมบังเหียนไม่ได้แล้ว แม่นางถังคนนี้… นางโกหกหน้าตายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

เขาสงสัยจริง ๆ ว่าเมื่อวานนี้ที่นางบอกว่ารู้จักหมอเฒ่าฉยงซาน นางเพียงแค่โกหกคนกลุ่มนั้นด้วยหรือไม่ อันที่จริงเขาต้องการถามว่านางมีความสัมพันธ์อย่างไรกับหมอเฒ่าฉยงซาน แต่ก็รู้สึกว่าคงไม่ดีนักหากถามหลังเจอกันโดยบังเอิญ อีกทั้งท่าทางเย็นชาและหงุดหงิดของแม่นางถังก็ทำให้เขาไม่กล้าถามด้วย

หนานหนานกะพริบตา ก่อนหันไปมองข้างนอก แล้วพยักหน้า “โอ้ ฝนกำลังจะตกแล้ว รีบไปกันเถิด”

คิ้วของอูเหมี่ยนเซิงกระตุก สุดท้ายเด็กก็ยังถูกหลอกได้ง่าย เพราะเชื่ออย่างง่ายดาย

รถม้าแล่นเร็วขึ้นเล็กน้อย และเมื่อไปถึงที่พักก็ยังไม่มืด ถือว่ามาเร็วกว่าปกติ

อูเหมี่ยนเซิงเห็นว่าพวกเขาเข้าไปพักในโรงเตี๊ยม และดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะพูดมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวคำลาเล็กน้อย แล้วจากไป ก่อนจากไปเขายังนึกสงสัยว่าเด็กสองคนนั้นดูไม่ค่อยเต็มใจจะพูดคุยกับผู้คนมากนัก โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่สวมผ้าโปร่งคลุมหน้าแลดูลึกลับ ทุกครั้งที่เห็นเขามอง เด็กหญิงก็จะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่นางถังเงียบ ๆ เขาดู…น่ากลัวมากหรือ?

อวี้ชิงลั่วยืนอยู่บนชั้นสอง หลังจากมองแผ่นหลังของเขาอยู่นาน นางก็หันไปเก็บข้าวของ

ในอีกไม่กี่วันต่อมา เห็นได้ชัดว่ารถม้าแล่นเร็วกว่าสองสามวันก่อนมาก โชคดีที่พวกเขาเปลี่ยนเป็นรถม้าขนาดใหญ่ที่สะดวกสบาย ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกปวดหลังระหว่างการเดินทาง

ครึ่งเดือนต่อมา รถม้าก็มาถึงเผ่าเหมิง

เมื่อมองไปยังหอคอยสูงตระหง่านตรงหน้า ดวงตาของหนานหนานก็เป็นประกาย เขายืนอยู่ข้างเพลารถม้า แล้วยืดตัวขึ้นอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้ว” ในที่สุดก็จะได้เจอแม่นมเก๋อแล้ว

อวี้ชิงลั่วดึงตัวเขากลับเข้ามา แล้วขมวดคิ้ว “เจ้าอย่าทำตัวเป็นจุดสนใจสิ”

จากนั้นนางก็ยื่นเหรียญเงินในมือให้เขา “แสดงให้เจ้าหน้าที่ดู”

“อ๋อ” หนานหนานหยิบมันขึ้นมาทันที แล้วยื่นให้ทหารรักษาการณ์ที่ยืนอยู่หน้ารถม้า

ชายคนนั้นหยิบเหรียญขึ้นมาดู ก่อนจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วเงยหน้าขึ้นมองหนานหนานด้วยความประหลาดใจ

!!

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ชิงลั่วทำเรื่องโกหกหน้าตายบ่อยน่ะเลยชินไปแล้ว

จะได้เจอแม่นมเก๋ออย่างที่หวังไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *