อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 700 มีใครเข้ามาที่นี่บ้าง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 700 มีใครเข้ามาที่นี่บ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 700 มีใครเข้ามาที่นี่บ้าง

ตอนที่ 700 มีใครเข้ามาที่นี่บ้าง

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกใจ เมื่อเห็นสีหน้าของอวี้ชิงลั่ว เขามีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายมาก

“แม่นางถัง เกิดอะไรขึ้น? หรงเอ๋อร์มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”

อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน “คุณชายเหมิงเกือบจะฟื้นแล้ว แต่เมื่อคืนมีคนมายุ่งกับเขา และตอนนี้อาการของเขาก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก แม้แต่อูเหมี่ยนเซิงที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง รูม่านตาของเขาขยายออก ขณะจ้องมองเหมิงหรง และลืมหายใจไปชั่วขณะ

หมอเฒ่าฉยงซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หากมองอย่างผิวเผินก็ดูเหมือนว่าเหมิงหรงคนนี้กำลังจะฟื้นแล้วจริง ๆ ทว่าเมื่อจับชีพจรแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามได้อย่างไร?

เขารู้สึกงงมาก จึงก้าวเข้าไปสัมผัสชีพจรของเหมิงหรง จากนั้นเขาก็อึ้งไปเล็กน้อย

เหมิงหรงผู้นี้กำลังจะฟื้นแน่นอน ไม่มีปัญหาอื่นใดเลย และไม่ได้มีใครมายุ่งกับเขาด้วย

ลั่วลั่ว เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น? จุดประสงค์ของนางคืออะไรกันแน่?

แต่ไม่ว่าลั่วลั่วจะต้องการจะทำอะไร เขาก็ย่อมจะอยู่ข้างนางเสมอ อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องในคฤหาสน์หลังนี้มากอยู่แล้ว

หมอเฒ่าฉยงซานเงียบ แล้วไปยืนอยู่ข้างอวี้ชิงลั่ว

ทว่าความเงียบของเขาทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ เชื่อในสิ่งที่อวี้ชิงลั่วพูดเมื่อสักครู่นี้ ในคฤหาสน์หลังนี้ มีคนต้องการฆ่าหรงเอ๋อร์ของเขาให้ตายจริง ๆ

เขารีบก้าวเข้ามาหา เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย “แม่นางถัง คือ หรงเอ๋อร์จะรอดหรือไม่? ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ได้โปรดช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยเถิด”

อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปาก ก่อนถอนหายใจ แล้วกลับมานั่งที่ขอบเตียงอีกครั้ง

บัดนี้เหมิงหรงเริ่มตัวสั่นอีกครั้ง และครั้งนี้ตัวของเขาสั่นแรงกว่าเดิม

เมื่อเห็นอาการตัวสั่นก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ทว่าบัดนี้อาการดังกล่าวกลับทำให้หัวใจของผู้อาวุโสสกุลเยว่เต้นแรงมาก และรู้สึกราวกับถูกบีบหัวใจอยู่

“แม่นางถัง ได้โปรดช่วยหรงเอ๋อร์ด้วย”

“แม่นางถัง ได้โปรดทำให้ดีที่สุด…” อูเหมี่ยนเซิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก คอของเขาแห้งผาก

“แม่นางถัง ข้าขอให้เจ้าช่วยชีวิตสามีของข้าด้วย” เหมิงเคอน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย

อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปมองนาง สายตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

นางหันไปดึงเข็มเล่มบางออกมาสองสามเล่ม แล้วมองร่างกายของเหมิงหรง จากนั้นก็ปักเข็มบาง ๆ เหล่านั้นไปบนในร่างกายของเหมิงหรงอย่างรวดเร็ว

หมอเฒ่าฉยงซานเลิกคิ้วขึ้น จุดฝังเข็มตำแหน่งนั้นสามารถทำให้คนสงบลงได้ ว่านเผิงหลงที่อยู่ด้านข้างก็ย่อมสังเกตเห็นเช่นกัน เพียงแต่เขาเป็นคนฉลาด เขาจึงไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาสักคำ เมื่อเขาเห็นอาจารย์เงียบไปหลังจากจับชีพจร เขาก็ไม่พูดมากเกินไป

โชคดีที่เถาเหวินฮั่นไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย หากเขาเห็น เขาอาจจะโพล่งออกมาและไม่คิดจะปล่อยไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อาการตัวสั่นของเหมิงหรงก็สงบลงจริง ๆ และหายใจปกติโดยไม่มีเสียงใด

ผู้อาวุโสสกุลเยว่เห็นเช่นนั้นก็ค่อย ๆ ถอนหายใจ แล้วรีบถามอย่างกระตือรือร้นว่า “แม่นางถัง เกิดอะไรขึ้น?”

อวี้ชิงลั่วล้างมือขณะมองเหมิงหรงบนเตียง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ควบคุมอาการของเขาไว้ได้ชั่วคราว หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามค่อยดูอาการอีกทีเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยักหน้า เมื่อเขาได้ยินว่าต้องรอดูอาการอีกครั้ง เขาก็รู้สึกใจหวิวอีกครั้ง

อวี้ชิงลั่วใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ เมื่อนางเหลือบไปเห็นใบหน้าซีดเซียวของผู้อาวุโสสกุลเยว่ นางก็อดรู้สึกสงสารเขาเล็กน้อยในใจไม่ได้

แต่ในไม่ช้านางก็ระงับความรู้สึกสงสารนี้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่จะน่าสงสารเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับความทุกข์ทรมานจากการถูกกดขี่ที่เหมิงหลัวอวี้ได้รับ

“ผู้อาวุโสสกุลเยว่ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาฆาตกรที่ทำร้ายคุณชายเหมิงให้เจอโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นหากฆาตกรทราบข่าวแล้วหนีออกไปจากคฤหาสน์เสียก่อน ก็จะมีการลอบสังหารเกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วเตือนเขา

ผู้อาวุโสสกุลเยว่กลับมารู้สึกตัวทันใด ใช่แล้ว เขาวิตกกังวลมากจนเพิกเฉยต่อเรื่องสำคัญเช่นนี้

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่มีสีหน้าบูดบึ้งเดินออกจาก ‘เย่เซ่อ’ ไปพูดกับพ่อบ้านที่อยู่ข้างนอกว่า “ให้คนปิดประตูคฤหาสน์ให้หมดทุกบาน และพาคนรับใช้ทุกคนมาที่นี่ โดยเฉพาะคนที่ประจำอยู่ใน ‘เย่เซ่อ’ แห่งนี้ คอยจับตาดูให้ดี อย่าให้คลาดสายตาไปแม้แต่คนเดียว”

“ขอรับ” เมื่อตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ พ่อบ้านก็รีบหันหลังไปภารกิจทันที

ผู้อาวุโสสกุลเยว่กำหมัดแน่น คนเหล่านี้ช่างบังอาจนัก ในที่สุดอาการของหรงเอ๋อร์ก็ดีขึ้น ซึ่งยากมากกว่าจะมีความคืบหน้าเช่นนี้ เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?

หากสืบพบว่าใครเป็นคนสิ้นคิดถึงเพียงนั้น เขาจะฉีกคนผู้นั้นให้เป็นชิ้น ๆ

สายตาของผู้อาวุโสสกุลเยว่มืดมน ขณะเดินกลับเข้าไปในห้อง

อวี้ชิงลั่วกำลังพูดคุยกับหมอเฒ่าฉยงซานด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับว่าพวกเขากำลังพูดถึงอาการของเหมิงหรง หากตัดสินจากสีหน้าของทั้งสอง ก็จะเข้าใจว่าพวกเขาคงจริงจังมาก

ผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้สึกใจหายเล็กน้อย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงขั้นตอนนี้แล้ว แต่เหตุใดเรื่องบีบคั้นหัวใจเช่นนี้จึงมาเกิดขึ้นอีกในช่วงเวลาวิกฤต

เขาจ้องมองเหมิงเคอ โดยคิดว่านางเป็นผู้ดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นางได้อุทิศตนรับใช้หรงเอ๋อร์อย่างสุดความสามารถ แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น?

เขาขมวดคิ้ว แล้วขยับสายตาไปจับจ้องริมฝีปากซีดเซียวของเหมิงหรง

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้นจากด้านนอกประตู “นายท่าน บรรดาสาวใช้ที่ประจำอยู่ที่ ‘เย่เซ่อ’ ถูกพาตัวมาแล้ว ให้ข้าน้อยพาพวกนางเข้าไปเพื่อสอบสวนเลยหรือไม่ขอรับ?”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด พูดด้วยเสียงทุ้มว่า “อืม พาทุกคนเข้ามา” เขาพูดแล้วเดินออกจากห้องชั้นในไปนั่งบนเก้าอี้ใหญ่

สักพักพ่อบ้านก็เดินเข้ามาพร้อมสาวใช้เจ็ดหรือแปดคน

สาวใช้เหล่านั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกนางทำได้เพียงมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า

จนกระทั่งผู้อาวุโสสกุลเยว่ตบโต๊ะอย่างแรงเสียงดัง ‘ปัง’ เหล่าสาวใช้ตกใจมากจนรีบคุกเข่าลงกับพื้นดัง ‘ฟึ่บ’ แล้วพูดว่า “นายท่าน”

เมื่ออวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ ในห้องชั้นในได้ยินเสียงนั้นก็ออกมาทีละคน เหลือเพียงว่านเผิงหลงที่เฝ้าคนป่วยอยู่

อวี้ชิงลั่วนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูกลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น

“บอกมาว่าเมื่อคืนใครเข้าเวรบ้าง?” สายตาของผู้อาวุโสสกุลเยว่จ้องไปยังคนไม่กี่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น

อวี้ชิงลั่วคิดว่ารัศมีอันสง่างามเช่นนี้ของประมุขตระกูล ย่อมไม่สามารถบ่มเพาะได้ในชั่วข้ามคืน

สาวใช้ที่นั่งอยู่บนพื้นมองหน้ากัน จากนั้นครู่หนึ่ง สาวใช้อายุราวสิบสี่หรือสิบห้าก็คลานออกมาด้วยตัวสั่นเทา พวกนางหมอบลงกับพื้นขณะพูดว่า “เมื่อคืนนี้เป็นเวรของข้าน้อยสองคนเจ้าค่ะ”

“เมื่อคืนนี้มีใครเข้ามาที่นี่บ้าง?”

สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า “หลังจากที่นายท่านจากไปเมื่อคืนนี้ นอกจากฮูหยินที่มาดูแลคุณชายแล้ว ก็ไม่มีใครมาอีกเลยเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึง แล้วหันไปมองเหมิงเคอ

เหมิงเคอรีบส่ายหน้า “ท่านพ่อสามี…”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว เขาไม่เชื่อว่าเหมิงเคอจะทำร้ายหรงเอ๋อร์ ทันใดนั้นเขาก็ตบโต๊ะอีกครั้ง แล้วตวาดใส่สาวใช้ทั้งสอง “นอกจากฮูหยิน…”

“ท่านประมุขขอรับ” ก่อนที่ผู้อาวุโสของผู้อาวุโสสกุลเยว่จะพูดจบ พ่อบ้านก็เข้ามาอีกครั้งพร้อมเช็ดเหงื่อของตน

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว “ว่าอย่างไร?”

“คือว่า…” พ่อบ้านพูดตะกุกตะกัก เขามองเหมิงเคอด้วยความลังเล จากนั้นมองไปยังอวี้ชิงลั่ว

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จะจับตัวคนทำได้ไหมนะ ผู้ต้องสงสัยที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้าขนาดนั้นแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *