อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 702 ใครสั่งให้ทำ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 702 ใครสั่งให้ทำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 702 ใครสั่งให้ทำ

ตอนที่ 702 ใครสั่งให้ทำ

ปี้เอ๋อร์สับสน รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมีอะไรผิดปกติหรือ?

ผู้อาวุโสสกุลเยว่โกรธจัด ฝ่ามือของเขาสั่นเทาขณะถือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เมื่อเห็นว่าใต้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมีชื่อและวันเกิดของเหมิงหรงเขียนไว้

ถ้าปี้เอ๋อร์ไม่ได้คิดร้ายกับหรงเอ๋อร์ แล้วเหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ด้วย?

ดวงตาของเหมิงเคอเฉียบแหลม นางย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี นางเม้มริมฝีปากแล้วกัดฟันพูดว่า “ท่านพ่อสามีเจ้าคะ นี่ต้องเป็นเพราะปี้เอ๋อร์อธิษฐานขอให้สามีของข้าปลอดภัยเป็นแน่เจ้าค่ะ หากปี้เอ๋อร์ต้องการทำร้ายสามีของข้าจริง ๆ เหตุใดนางต้องใช้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมด้วยเล่าเจ้าคะ?”

หากต้องการสาปแช่งใครสักคนให้ตายอย่างน่าสยดสยอง ก็ทำตุ๊กตาขึ้นมาแล้วเหยียบย่ำสาปแช่งจะดีกว่า

ปี้เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ ท่านประมุข ข้าน้อยเห็นว่าฮูหยินเป็นห่วงคุณชายตลอดทั้งวัน เสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าน้อยจึงเฝ้าสวดมนต์อธิษฐานทุกวัน เพื่อให้คุณชายปลอดภัยและได้อยู่กับฮูหยินอย่างมีความสุข ท่านประมุข แท้จริงแล้วรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้น เป็นสิ่งที่ข้าใช้ขอให้คุณชายหายป่วยในเร็ววันเจ้าค่ะ”

ปี้เอ๋อร์รู้ว่าหากนางปฏิเสธว่ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมไม่ใช่ของนาง ผู้อาวุโสสกุลเยว่จะไม่เชื่อ เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจึงทำตามที่ฮูหยินบอกแทน

ผู้อาวุโสสกุลเยว่หรี่ตาลง และมองไปยังหงเย่ที่อยู่ด้านข้าง

เหมิงเคอพูดเช่นนั้นก็มีเหตุผล

หงเย่ก้มต่ำและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า “ในเมื่อปี้เอ๋อร์อธิบายเรื่องรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเช่นนี้ ข้าน้อยก็ไม่มีอะไรจะพูดเจ้าค่ะ สุดท้ายข้าน้อยก็เป็นคนเดียวที่ได้ยินคำพูดหยาบคายของปี้เอ๋อร์ และข้าน้อยก็เป็นเพียงคนนอก ส่วนปี้เอ๋อร์ย่อมได้รับความไว้วางใจในคฤหาสน์มากกว่าอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนมองอวี้ชิงลั่วด้วยความลำบากใจ อย่างไรเสียหงเย่คนนี้ก็เป็นสาวใช้ของนาง และเขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาง

เฮ้ นิสัยของสาวใช้กับเจ้านายคนนี้ค่อนข้างมีนิสัยคล้ายกันยิ่งนัก

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก นางพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หงเย่ พอเถิด ตอนนี้เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ในเมื่อไม่มีพยานก็ยังไม่มีทางพิสูจน์ได้ แต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่เจ้าคะ ข้ารู้จักสาวใช้ของข้าดี และข้าเชื่อในสิ่งที่นางพูด หากท่านไม่เชื่อ ข้าก็ไม่อาจพูดอะไรได้ ข้าแค่หวังว่าท่านจะมีวิจารณญาณอยู่ในใจอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่หัวเราะแห้ง ๆ ก่อนพยักหน้า แล้วพูดกับพ่อบ้านว่า “พานางออกไปรอข้างนอก ตอนนี้อย่าให้นางติดต่อกับผู้ใด”

“ขอรับ” พ่อบ้านก้าวเข้าไปยกตัวปี้เอ๋อร์ขึ้นจากพื้น

ขาของปี้เอ๋อร์อ่อนแรงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าอวี้ชิงลั่วไม่ได้ทำให้เรื่องยุ่งยากต่อไป นางก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย

แต่วินาทีต่อมา นางก็เห็นอวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนต่อหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ผู้อาวุโสตระกูลเยว่ ข้าคิดว่าคนที่เข้ามาทำเรื่องร้ายเมื่อคืนอาจไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนในคฤหาสน์ก็ได้ เพราะนางอาจถูกสั่งให้ทำ ผู้อาวุโสสกุลเยว่อาจต้องทบทวนเรื่องนี้เจ้าค่ะ อาจจะมีศัตรูอยู่ข้างนอก และคนผู้นั้นไม่ต้องการให้คุณชายเหมิงฟื้นเจ้าค่ะ”

“ศัตรูหรือ?” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว

ก่อนที่เขาจะคิดออก จู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ที่ถูกพ่อบ้านดึงตัวขึ้นก็ร้อง “โอ๊ย” เสียงดังลั่น ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง นางรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนเตะน่อง และแม้แต่พ่อบ้านก็จับนางไว้ไม่ทัน

เหงื่อเย็นไหลออกมาในพริบตา ทันใดนั้นยาห่อเล็ก ๆ ก็หล่นลงมาจากร่างของนาง มันถูกห่อด้วยถุงกระดาษสีเหลืองสดใส และตกลงพื้นจนปรากฏชัดแก่สายตา

สายตาของทุกคนพุ่งตรงไปทันที อวี้ชิงลั่วไม่ได้ยืนขวางทางผู้อาวุโสสกุลเยว่อีกต่อไป และถอยกลับไปยังตำแหน่งเดิมของนาง

ขณะที่หงเย่หดนิ้วของนางเงียบ ๆ และส่งสายตาพยักพเยิดกับอวี้ชิงลั่ว

“นั่นอะไร?” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว แล้วชี้ไปที่ห่อยาบนพื้น

ปี้เอ๋อร์งุนงง จากนั้นรูม่านตาของนางก็หดลง และตัวสั่นเทาเล็กน้อย

“เหตุใดเจ้าจึงตัวสั่น?” พ่อบ้านตวาดด้วยความหงุดหงิด และมองนางด้วยความแปลกใจ

ปี้เอ๋อร์คนนี้ไม่ค่อยมีใครชมชอบอยู่แล้ว นางทำงานเคียงข้างเหมิงเคอ และเป็นคนสนิทของเหมิงเคอด้วย ไม่ต้องพูดถึงคนรับใช้ธรรมดา แม้แต่พ่อบ้านที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งในคฤหาสน์หลังนี้มาหลายปี นางก็ไม่เคยสนใจ

ทันทีที่สังเกตเห็นว่าปี้เอ๋อร์มีพิรุธบางอย่าง พ่อบ้านก็ส่งเสียงดังทันที

ปี้เอ๋อร์พยายามควบคุมร่างกายตัวเองอย่างสิ้นหวัง และพยายามคุมอารมณ์ให้สงบ

แต่ยิ่งพยายามนางก็ยิ่งหวั่นใจ มันมาได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่านางโยนห่อยาลงสระน้ำไปแล้ว แล้วมันกลับมาหานางอีกได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้

บัดนี้ทุกคนในห้องมองนางด้วยความแปลกใจและสงสัยมากขึ้น

เหมิงเคอขบกรามแน่น ขณะเหลือบมองปี้เอ๋อร์ด้วยสีหน้ามืดมน แต่ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็เข้ามาขวางหน้านางทันที ทั้งที่นางยังไม่ทันได้ขยิบตาให้ปี้เอ๋อร์

หมอเฒ่าฉยงซานย่อตัวลงหยิบห่อกระดาษขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ

เขาหันไปมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วถามว่า “ข้าขอเปิดดูได้หรือไม่?”

“ได้เลยท่านหมอ” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว

หมอเฒ่าฉยงซานคลี่ห่อกระดาษออก แล้วใช้ปลายจมูกดมกลิ่น วินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก “สิ่งนี้มีพิษร้ายแรง”

ปี้เอ๋อร์ตกตะลึง มีพิษร้ายแรงได้อย่างไร? นางคิดว่ายาในห่อเป็นเพียงยาสลบเท่านั้น แค่ยาสลบ… แต่มันจะกลายเป็นยาพิษร้ายแรงได้อย่างไร?

“ท่านหมอ ขอข้าดูหน่อย” อวี้ชิงลั่วลุกเดินมาดู

มีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง รอยยิ้มนั้นมีเลศนัยยิ่งนัก เมื่อนางสบสายตากับปี้เอ๋อร์ ปี้เอ๋อร์ก็ตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจ

อวี้ชิงลั่วยังหยิบห่อกระดาษมาดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นขมวดคิ้วทันที แล้วส่งห่อกระดาษให้หมอเฒ่าฉยงซาน จากนั้นเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนใช้มือจับชีพจรของเหมิงหรง และมองเปลือกตาของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เดินออกมาจากห้องชั้นในด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วมาหยุดอยู่หน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่ และพูดอย่างเย็นชาว่า “พิษในร่างกายของคุณชายเหมิงนั้น เหมือนกับพิษที่อยู่ในยาห่อนี้ทุกประการเจ้าค่ะ”

“…” ผู้อาวุโสสกุลเยว่สูดหายใจเข้าลึก ก่อนหันหน้าไปจ้องปี้เอ๋อร์ แล้วยกมือขึ้นตบหน้านางดังเพียะ “นางหญิงสารเลว เจ้ามันไร้ความปรานี”

ปี้เอ๋อร์ถึงกับมึนงงจากการถูกตบ นางได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว และด้วยความแข็งแกร่งของอดีตนักรบอย่างผู้อาวุโสสกุลเยว่ นางก็กระอักเลือดออกมาทันที

เหมิงเคอตกใจมาก นางรีบก้าวเข้ามาพูดว่า “ท่านพ่อสามี ยังไม่ทราบเลยว่า…”

“เหมิงเคอ ถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าปกป้องนางอีกหรือ?”

ใบหน้าของเหมิงเคอกลายเป็นซีดเผือด ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่เคยเรียกนางด้วยชื่อและสกุลเช่นนี้ นางเห็นความเกลียดชังในแววตาของเขา มันเป็นความเกลียดชังที่มีต่อตัวนางเอง

เหมิงเคอกำมือแน่น ผู้อาวุโสสกุลเยว่… กำลังสงสัยในตัวนาง

ใช่แล้ว ปี้เอ๋อร์เป็นสาวใช้ของนาง ยิ่งไปกว่านั้นคือหงเย่พูดก่อนหน้านี้ว่าปี้เอ๋อร์ได้รับคำสั่งจากคนอื่น

ใครเป็นคนสั่งให้นางทำ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ทุกคนก็ต้องมุ่งความสนใจไปที่เหมิงเคออยู่แล้ว

ในที่สุดปี้เอ๋อร์ก็กลับมาได้สติ นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น แล้วพูดว่า “ท่านประมุข ข้าน้อยถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ ข้าน้อยถูกใส่ร้าย ห่อยานั้นไม่ใช่ของข้าน้อย ข้าน้อยไม่รู้ว่าเหตุใดมันจึงมาอยู่ในตัวข้าน้อยได้ เป็นนางต่างหาก หงเย่เป็นคนใส่มันไว้ในตัวข้าน้อยจริง ๆ เจ้าค่ะ”

เหมิงเคอขมวดคิ้ว ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะโยนความผิดไปให้หงเย่

ยิ่งปี้เอ๋อร์พูดมากเท่าใด มันมีแต่จะทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่สงสัยมากขึ้นเท่านั้น

เหมิงเคอหรี่ตาลงทันที แสงเย็นวาบฉายแววในดวงตาของนาง

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จะรอดไหม เหมือนชิงลั่วจะดักไว้ทุกทางแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *