อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 719 อยากเห็นท่าทางตื่นตะลึงของเขา
ตอนที่ 719 อยากเห็นท่าทางตื่นตะลึงของเขา
ตอนที่ 719 อยากเห็นท่าทางตื่นตะลึงของเขา
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วและพลิกตัว ยังคงง่วงมาก
เย่ซิวตู๋ตบผ้าห่มของนางเบาๆ อย่างรวดเร็ว ก่อนยกผ้าห่มขึ้นแล้วลุกจากเตียง
เสียงด้านนอกยังคงกล่าวต่อ “ลั่วลั่ว วันนี้เหตุใดเจ้าไม่ไปดูอาการนายน้อยเหมิง เจ้าไม่สบายหรือ? เมื่อวานฝนตกหนักมาก หรือว่าเจ้าโดนลมแล้วเป็นหวัด ทางข้านี้มี…”
เสียงประตูเปิดดัง ‘เอี๊ยด’ ด้วยฝีมือของคนด้านใน
มือที่เคาะประตูของหมอเฒ่าฉยงซานหยุดชะงัก จากนั้นก็เงยหน้ากล่าว “ลั่วลั่ว เจ้า…” เขาเพิ่งจะเอ่ยปากได้สองคำ แต่หลังจากเห็นคนตรงหน้าชัดเจน รูม่านตาก็หดลง สูดหายใจเข้าลึกๆ
“เย่ เย่ เย่…”
หมอเฒ่าฉยงซานพูดตะกุกตะกัก กล่าวอะไรไม่ออกอยู่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเย่ซิวตู๋ที่ดูสบายๆ และเกียจคร้านยิ่งกว่าวันก่อน ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นท่าทางของคนเพิ่งตื่นนอนก็ตกใจมากเสียจนแทบยืนไม่อยู่
หมอเฒ่าฉยงซานขยี้ตาแรงๆ จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว มองป้ายหน้าห้องอย่างหนัก
“ไม่สิ ห้องนี้เป็นห้องของลั่วลั่วจริงๆ”
เขาเหลือบตาขึ้นมองเย่ซิวตู๋อีกครั้ง ยกมือขึ้นชี้แล้วถามอย่างประหลาดใจ “เจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
หรือว่าลั่วลั่วคืนห้องไปแล้ว? เขาคิด จากนั้นก็ยืดคอแล้วมองเข้าไปข้างใน ราวกับว่าต้องการหาบางสิ่งผ่านช่องว่างเล็กๆ นั้น
เย่ซิวตู๋พิงประตูบดบังสายตาของเขาไว้พอดี น้ำเสียงเย็นชา “ชิงเอ๋อร์ยังหลับอยู่ ท่านรอสักครึ่งชั่วยามค่อยมาใหม่เถิด”
เสียงดัง ‘ปัง’ ทันทีที่เย่ซิวตู๋กล่าวจบ พร้อมกับประตูปิดลง
“…” หมอเฒ่าฉยงซานยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างงุนงง ครู่หนึ่งเขาจึงตอบสนอง จากนั้น… คนทั้งคนก็รู้สึกอลหม่าน
ชิงเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์หรือ? คนที่เย่ซิวตู๋กล่าวถึงคงไม่ใช่ลั่วลั่วใช่หรือไม่?
เขาบอกว่าลั่วลั่วยังหลับอยู่ เขาอยู่ในห้องของลั่วลั่ว และเขายังอยู่ในห้องของลั่วลั่วในชุดที่ไม่เรียบร้อยอีกด้วย
หมอเฒ่าฉยงซานหายใจติดขัดเล็กน้อย ไม่สามารถยอมรับได้ชั่วขณะ ค่อยๆ จับขอบประตูเดินออกไปสองสามก้าว
ว่านเผิงหลงที่รออยู่ชั้นล่างพักหนึ่งยังไม่เห็นอาจารย์ลงมาก็เงยหน้าขึ้นไปมองพอดี เพียงแวบเดียวก็เห็นอาจารย์ตนใช้มือสองข้างยึดราวบันได ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เขาตกใจและรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง พยุงอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง “ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปขอรับ เกิดเรื่องอะไรหรือ?”
“ข้า ข้าอยากดื่มน้ำ” หมอเฒ่าฉยงซานรู้สึกเพียงว่าในปากแห้งผาก แม้แต่น้ำลายยังไม่มี
ว่านเผิงหลงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงมองไปยังห้องของอวี้ชิงลั่วอย่างสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็พยุงหมอเฒ่าฉยงซานลงชั้นล่าง
จากนั้นก็สั่งเสี่ยวเอ้อให้นำชาดีๆ มากาหนึ่ง หมอเฒ่าฉยงซานดื่มอึกๆ ไปสามถ้วยจึงหยุด แล้วค่อยๆ ได้สติขึ้นมา
ว่านเผิงหลงถามอย่างประหลาดใจ “ท่านอาจารย์ แม่นางถังไม่อยู่ห้องหรือขอรับ?”
“…นางน่าจะอยู่นะ”
น่าจะอยู่หรือ? ว่านเผิงหลงยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ น่าจะอยู่หมายความว่าอย่างไร? ท่านอาจารย์ไม่มั่นใจแม้กระทั่งเรื่องนี้หรือ หรือไม่เห็นตัวไม่นางถัง
หมอเฒ่าฉยงซานกลับเอียงคอศีรษะ ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด
ลั่วลั่วกับเย่ซิวตู๋หรือ พวกเขาสองคนไปคบกันตั้งแต่ตอนไหน นี่ถึงขั้นอยู่ห้องเดียวกันแล้ว เช่นนั้นเย่ซิวตู๋รู้หรือไม่ว่าลั่วลั่วมีบุตรชาย?
เขาจริงใจกับลั่วลั่วหรือไม่? อย่างไรลั่วลั่วก็จะไม่ยอมเป็นนางบำเรอให้เขาเป็นแน่
ถึงแม้เขารู้สึกว่าทั้งสองคนจะเหมาะสมกันมาก แต่ก็ไม่ควรทำลั่วลั่วรู้สึกแย่เพียงเพราะเหมาะสมกันใช่ไหม?
หนานหนานจะชอบเย่ซิวตู๋หรือไม่ จะยอมให้เขามาเป็นพ่อเลี้ยงหรือ?
หมอเฒ่าฉยงซานเกาศีรษะ คิดเสียจนทุกอย่างพันกันยุ่งเหยิงไปหมด
ว่านเผิงหลงที่อยู่ข้างๆ กระตุกมุมปาก อยากถามแต่ก็ถามไม่ออก ทำได้เพียงดื่มชาถ้วยแล้วถ้วยเล่า
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหมอเฒ่าฉยงซานก็เลิกขมวดคิ้ว จากนั้นก็เริ่มเดินไปที่ชั้นสองอีกครั้ง
ว่านเผิงหลงผงะ รีบลุกขึ้นเดินตามเขาไป
ครั้นยืนอยู่ตรงหน้าประตู หมอเฒ่าฉยงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นเคาะประตู
เพียงแต่มือเพิ่งจะยกขึ้น ประตูก็เปิดออก
สิ่งที่เห็นยังคงเป็นสีหน้าเย็นชาของเย่ซิวตู๋ ว่านเผิงหลงเห็นแล้วก็ตกใจอย่างมาก ถึงว่าสิ ถึงว่าสิเมื่อครู่ท่านอาจารย์จึงพึมพำอยู่นาน ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์มีสีหน้าตกใจเช่นนั้น
ขนาดตัวเขาเองเมื่อเห็นเย่ซิวตู๋ออกมาจากห้องของแม่นางถัง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเข่าอ่อน
“เข้ามาสิขอรับ” เย่ซิวตู๋เหลือบมองทั้งสองคน ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเข้าไป
หมอเฒ่าฉยงซานไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ยกเท้าเดินตามเข้าไป
อวี้ชิงลั่วกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะ เห็นหมอเฒ่าฉยงซานเข้ามาก็โบกไม้โบกมือ สีหน้าแสดงถึงความกระอักกระอ่วน “แฮะๆ ท่านหมอเฒ่า อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ”
นี่ถือว่าถูกจับได้คาเตียงเลยหรือไม่? เป็นเพราะเย่ซิวตู๋แท้ๆ เชียว ตอนฟ้าสว่างก็น่าจะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ยังจะมานอนบนเตียงของนางอีก
หมอเฒ่าฉยงซานหรี่ตา จากนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัด นั่งลงตรงหน้านางอย่างแรง
“อรุณสวัสดิ์อะไรกัน อีกประเดี๋ยวก็ได้กินข้าวเที่ยงกันแล้ว” เขากล่าวอย่างอารมณ์เสีย
เดิมทีเขาไปที่จวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ตั้งแต่เช้าตรู่ แต่รออยู่ที่นั่นจนแล้วจนเล่าก็ไม่เจออวี้ชิงลั่ว ครั้นนึกถึงเรื่องมือสังหารและคนตายเมื่อวานแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกังวล รีบมาหานาง
คิดไม่ถึง ว่าจะทำให้เขาได้รู้ความลับอันใหญ่หลวงเช่นนี้ได้
แววตาของเขามองอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋สลับไปมา จากนั้นก็ส่งเสียงฮึดฮัดอีก “พวกเจ้ารู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน?”
เย่ซิวตู๋ไม่สนใจเขา ออกจากห้องไปรับถาดจากเสี่ยวเอ้อ จากนั้นก็ปิดประตู
จากนั้นก็ผลักอวี้ชิงลั่วแล้วกล่าว “เจ้าเข้าไปกินข้าวข้างในเถิด”
“อืม” อวี้ชิงลั่วลูบท้อง เดินไปหลังฉากกั้นอย่างเชื่อฟัง
หมอเฒ่าฉยงซานจ้องเขม็ง ก็เห็นเย่ซิวตู๋นั่งลงตรงหน้าตน รับลมเย็นเยือกที่เย่ซิวตู๋หายใจออกมา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะลดเสียงลง “เจ้ากับลั่วลั่ว… เป็นอะไรกันหรือ?”
“คู่หมั้นขอรับ”
“คู่หมั้นหรือ?” หมอเฒ่าฉยงซานเบิกตากว้าง “พวกเจ้ารู้จักกันนานแล้วหรือ?”
“อืม” เย่ซิวตู๋ตอบสั้นมาก สั้นเสียจนทำให้หมอเฒ่าฉยงซานอยากจะเกาศีรษะ
“เจ้า… เช่นนั้นเจ้าก็รู้จัก… รู้จักหนานหนานน่ะสิ”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว “นั่นเป็นลูกชายข้า ข้าก็ต้องรู้จักสิ”
หมอเฒ่าฉยงซานลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ถามอย่างไม่มั่นใจ “ลูก… ในไส้ของเจ้าน่ะหรือ?”
“แน่นอน เรื่องนี้คนทั้งอาณาจักรเฟิงชางน่าจะรู้กันหมดแล้ว ฮั่วเหล่า ข่าวของท่านล่าช้าเกินไปแล้ว”
หมอเฒ่าฉยงซานไม่สบายใจ โกรธเสียจนสำลัก หันหน้าออกไปแล้วระบายความโกรธไปลงที่ว่านเผิงหลงข้างๆ “เรื่องสำคัญเช่นนี้ เจ้าก็ไม่ไปสืบให้รู้เลยหรือ?”
“…” ว่านเผิงหลงแสดงสีหน้าไร้เดียงสา พวกเขาล้วนเป็นคนศึกษาหาความรู้ทางการแพทย์ กับเรื่องซุบซิบนินทาเช่นนี้นั้นล้วน…
หมอเฒ่าฉยงซานเองก็ไม่ได้โทษเขาจริงจัง เพียงแต่กล่าวออกไปส่งๆ ให้ในใจรู้สึกดีขึ้นหน่อย
แต่ราวกับว่านึกถึงเรื่องบางอย่างออก จากนั้นจึงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เรื่องนี้ ข้าจะดูว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงจะว่าอย่างไร ครั้งก่อนยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์ลั่วลั่วของข้า ถ้าหากเขารู้ว่าเจ้าคบหากับลั่วลั่วมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังมีลูกชายด้วย เขาจะต้องโกรธแทบตายแน่”
เย่ซิวตู๋ส่ายศีรษะ ท่านอาจารย์รู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว
“ไม่ได้การ ข้าจะต้องไปบอกผู้อาวุโสสกุลหมิงตอนนี้เลย…”
หมอเฒ่าฉยงซานแทบรอไม่ไหวอยากจะเห็นท่าทางตื่นตะลึงของผู้อาวุโสสกุลหมิง ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางด้านนอก
ใครจะรู้ว่าเพียงเปิดประตู คนที่เขาพูดถึงกลับอยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นเขาเสียด้วยซ้ำ ผลักเขาออกไปข้างๆ เดินเข้าไปอย่างเร่งรีบแล้วกล่าว “ซิวเอ๋อร์ หนานหนานหายตัวไป”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ทันแล้วท่านหมอ เขารู้กันหมดแล้ว ท่านนี่ตกข่าวนะเนี่ย
หนานหนานหายตัวไปไหน
ไหหม่า(海馬)
Comments