อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 730 เติมความหวาน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 730 เติมความหวาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 730 เติมความหวาน

ตอนที่ 730 เติมความหวาน

อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ก่อนหันกลับมาพูดกับหงเย่ว่า “ตบปากพวกเขาให้ข้าที ข้าโตมาถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยถูกใครเรียกว่าหญิงสารเลวต่อหน้าเลย คนปากสกปรกเช่นนี้ หากไม่สอนบทเรียนให้ ก็มีแต่จะทำให้คฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่เสื่อมเสียชื่อเสียง”

“เจ้าค่ะ” หงเย่ก้าวเข้าไปทันที ก่อนที่ภรรยาของคนเฝ้าประตูเถี่ยจะทันได้เอ่ยคำใดอีก เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าก็ดังขึ้น

หงเย่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อน และนางก็เป็นคนไร้ความปรานีอยู่แล้ว เพียงแค่ตบด้วยมือข้างเดียว ศีรษะของสตรีผู้นั้นก็สะบัดเอียงไปด้านข้างทันที แล้วเลือดสดสีแดงก่ำก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

คนเฝ้าประตูเถี่ยตกตะลึงจนลืมปิดปากเถี่ยฟู่ซุ่น

เมื่อเถี่ยฟู่ซุ่นที่เป็นอิสระแล้วเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็ปรี่เข้าไปทันที “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตบแม่ข้า ข้าจะต่อยเจ้าให้ตายไปเลย นางตัวแสบทั้งสอง… โอ๊ย…”

“เพียะ ๆ” เสียงตบดังขึ้นอีกสองฉาด

หงเย่เยาะเย้ย “เจ้ายังกล้าพูดจาหยาบคายอีก” แม้แต่คนในวังของอาณาจักรเทียนอวี่ ก็ยังถือว่าหงเย่เป็นยอดฝีมือผู้น่าเกรงขาม การทุบตีคนหนึ่งหรือสองคนนับเป็นเรื่องปกติ และไม่มีใครกล้าโต้กลับ

คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่นางคิดจะออมมือให้

หงเย่โจมตีทีละคนอย่างรวดเร็ว หลังจากตบเถี่ยฟู่ซุ่นจนหนำใจแล้ว นางก็เย้ยหยันเถี่ยฟู่ซุ่นอีกครั้ง

นางตบคนด้วยความชำนาญ เมื่อก่อนนางเคยนางตบปากคนจนมือบวม แต่หลังจากที่แม่นมเซียวบอกเคล็ดลับบางอย่างให้ ตอนนี้การตบปากใครสักคนจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งสำหรับนาง

อวี้ชิงลั่วพลิกฝ่ามือไปมา พลางคิดว่านางควรเรียนรู้เทคนิคนี้จากหงเย่

เสียง “เพียะเพียะเพียะ” ดังอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทุกฝ่ามือของหงเย่ไร้ซึ่งความปรานี แล้วแก้มของเถี่ยฟู่ซุ่นก็กลายเป็นบวมแดงทันที

บัดนี้แก้มที่เคยขาวอวบอ้วนดูเหมือนจะถูกทาด้วยสีแดง ไม่ต้องพูดถึงว่ามันงดงามเพียงใด

ตอนแรกเขายังคงตะโกนด่าทอต่อ แต่หลังจากถูกตบไปไม่กี่ครั้ง เขาก็เริ่มทนไม่ไหวและเริ่มร้องขอความเมตตา

แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลย คนเฝ้าประตูเถี่ยและภรรยาของเขาก็มีสภาพไม่ต่างกัน ในไม่ช้าพวกเขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น โดยไม่ปริปากเอ่ยคำใดอีกขณะกำลังจะก้มลงโขกศีรษะคำนับ แต่เมื่อพวกเขาก้มศีรษะลงต่ำ เลือดก็ไหลลงจนทำให้พวกเขาเกือบจะหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด

อวี้ชิงลั่วเห็นว่าการลงโทษใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว นางจึงเรียกหงเย่กลับมา

นางรู้ว่าหากตนไม่ชิงลงโทษตอนนี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่จะไล่พวกเขาออกไป ซึ่งยังไม่สาสมกับสิ่งที่เถี่ยชิวเอ๋อร์ถูกกระทำ ตอนนี้นางจึงแค่ต้องการสั่งสอนพวกเขาเท่านั้น

ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคตนั้น เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง

เนื่องจากพวกเขาเป็นคนร่วมมือกับเหมิงเคอ ในการทำให้เถี่ยชิวเอ๋อร์เป็นคุณหนูตัวปลอม จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างสงบสุข

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เขาเพียงโบกมือและพูดกับพ่อบ้านว่า “ที่เหลือเจ้าจงจัดการเสีย”

“ขอรับ” พ่อบ้านตอบ

จากนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ส่งอวี้ชิงลั่วออกไปด้วยตัวเอง อวี้ชิงลั่วเห็นว่าเขาอารมณ์ดีราวกับว่าได้สอนบทเรียนให้พ่อแม่ลูกสกุลเถี่ยด้วยตนเอง และยังทำให้เขาโล่งอกขึ้นด้วย

นางรู้สึกว่าแม้ผู้อาวุโสสกุลเยว่และเถี่ยชิวเอ๋อร์จะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก แต่สุดท้ายเขาก็ยังถือว่านางเป็นหลานสาวของเขา ฉะนั้นเขาจึงอาจไม่ทนพฤติกรรมของครอบครัวไร้ยางอายเช่นนี้ได้

เดิมทีผู้อาวุโสสกุลเยว่ต้องการขอให้อวี้ชิงลั่วพักผ่อนที่คฤหาสน์เพื่อเรียกขวัญกำลังใจกลับมา แต่อวี้ชิงลั่วยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ พรุ่งนี้คือวันจัดเทศกาลชิมสุรา หนานหนานยังคงอยู่กับฝ่ายเหมิงเคอ นางจึงต้องเตรียมการบางอย่าง

ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่พยายามรั้งนางไว้อีกต่อไป ตอนนี้เขากำลังตามหาเหมิงหลัวอวี้ตัวจริงอย่างจริงจัง โดยคิดว่านางอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกับเถี่ยชิวเอ๋อร์ที่ยังไม่ได้สติในตอนนี้ เขาจึงรู้สึกแย่และโทษตัวเอง

สุดท้ายก็เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเอง ที่ทำให้เรื่องกลายเป็นเช่นนี้

เด็กคนนั้น ตอนนี้นางเป็นหลานสาวคนเดียวของเขา

อวี้ชิงลั่วกล่าวอำลาผู้อาวุโสสกุลเยว่และหมอเฒ่าฉยงซาน แล้วมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมพร้อมกับหงเย่

ทันทีที่นางก้าวเข้าไปในประตูโรงเตี๊ยม นางก็เห็นว่าโม่เสียนยืนรอต้อนรับนางอยู่ที่ประตูแล้ว

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”

“นายท่านอยู่ชั้นบนขอรับ” โม่เสียนยกยิ้มและพยักหน้าให้หงเย่

หงเย่เข้าใจทันที นางหยุดฝีเท้าและไม่เดินตามไป

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก คนที่อยู่รอบกายนางเริ่มมี…ลับลมคมในเสียแล้ว

อวี้ชิงลั่วถูหว่างคิ้วของตน ก่อนถอนหายใจแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ประตูเปิดออกก็มีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาหานาง

เมื่อนางมองลงไปก็เห็นเหมิงหลัวอวี้กอดขานางอยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านน้าชิง หนานหนานหายไปแล้วเจ้าค่ะ”

นางเพิ่งรู้เรื่องนี้ตอนที่บังเอิญได้ยินท่านอาเหวินเทียนและท่านอาโม่เสียนพูดคุยกัน แต่เมื่อนางถาม ทั้งสองคนก็ยังคงเงียบและไม่ยอมพูดอะไรเลย

นางคิดจะไปถามเย่ซิวตู๋ด้วย แต่พ่อของหนานหนานดูเย็นชาและเข้ากับคนได้ไม่ง่ายนัก นางถามคำถามเขาสองสามข้อและเขาไม่ตอบ เหมิงหลัวอวี้จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากคิดว่านิสัยของหนานหนานและพ่อของเขาไม่เหมือนกันเลย

ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้น้าชิงกลับมาเงียบ ๆ และถามน้าชิงเรื่องนี้

เย่ซิวตู๋เพียงแค่หรี่ตาลงเมื่อเห็นนางวิ่งไปกอดอวี้ชิงลั่ว เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเหตุใดสตรีของเขาถึงปล่อยให้ทุกคนกอดได้?

เขาวางถ้วยในมือลง แล้วเดินตรงเข้าไปหา

เหมิงหลัวอวี้รู้สึกได้ถึงรังสีเย็นเยือกที่แผ่ซ่านมาจากด้านหลัง นางจึงปล่อยมือออกโดยไม่รู้ตัว

อวี้ชิงลั่วลูบหัวนางแล้วพูดเสียงเบาว่า “ข้ารู้แล้ว หนานหนานสบายดี พรุ่งนี้ประเดี๋ยวเจ้าก็ได้เจอเขาแล้ว”

เหมิงหลัวอวี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำตอบที่มั่นใจ ครั้นหางตาเหลือบเห็นเย่ซิวตู๋ยืนอยู่ข้างหลัง นางจึงรีบก้าวถอยหลังไปนั่งกินข้าวบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอีกครั้ง แม้แต่เด็กก็ยัง… มีลับลมคมในอีกหรือ?

นางเงยหน้าขึ้นพบกับคิ้วขมวดของเย่ซิวตู๋ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่คิดว่าท่านจะพาเสี่ยวอวี้มาที่นี่ด้วยตัวเอง”

“อืม เช่นนั้นวันนี้ข้าจะค้างคืนกับเจ้าที่นี่ แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ออกเดินทาง หากสตรีผู้นั้นยังไม่ยอมเลิกราและใช้แผนการชั่วร้ายอีก”

“…” ค้างคืนงั้นหรือ? พูดเช่นนี้ต่อหน้าเด็ก… ไม่ดีเลย

อีกทั้งตอนนี้ความคิดของนางก็ไม่ค่อยสะอาดนัก นางรู้สึกว่าคำว่าค้างคืนของเขานั้นฟังดู…มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทำอย่างไรดี? สิ้นหวังแล้ว

“ความจริงหนานหนาน…” อวี้ชิงลั่วกลืนน้ำลาย ก่อนพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา แต่ทันทีที่นางพูดออกไปก็นึกขึ้นได้ว่าเหมิงหลัวอวี้อยู่ที่นี่ด้วย และดูเหมือนว่าไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องเหมิงเคอตอนนี้ นางเลือกหัวข้อผิดไปเล็กน้อย

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แล้วมองนางด้วยความขบขัน จากนั้นหันหน้าไปพูดกับเหมิงหลัวอวี้ว่า “เจ้าลงไปเล่นกับหงเย่ข้างล่างก่อนเถิด”

“เจ้าค่ะ” เหมิงหลัวอวี้ตอบรับอย่างเชื่อฟัง อันที่จริงนางก็รู้สึกอยู่แล้วว่าบรรยากาศที่นี่ช่างแปลกนัก ดังนั้นออกไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า

“…” อวี้ชิงลั่วชื่นชมเย่ซิวตู๋มาก ดูเหมือนว่าเย่ซิวตู๋จะรู้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่

ทันทีที่ประตูปิดลง สายตาที่เย่ซิวตู๋มองนางก็พลันเปลี่ยนไป

หัวใจของอวี้ชิงลั่วเต้นไม่เป็นจังหวะ นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ทำ ทำอะไรน่ะ?”

“สองวันมานี้ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้าต้องเติมความหวานให้ข้าสักหน่อย” เย่ซิวตู๋ใช้แขนโอบรอบเอวของนาง เมื่อนึกว่าที่ผ่านมาเขาต้องอดกลั้นมานาน และหากคืนนี้ต้องกอดนางไว้ในอ้อมแขนอีกครั้งโดยไม่ได้ทำอะไรก็คงรู้สึกทรมานมาก จึงออกแรงโอบกระหวัดแน่นมากกว่าเดิม

สีหน้าของอวี้ชิงลั่วมืดมน เป็นความผิดของนางหรือ? พรุ่งนี้มีงานเทศกาลชิมสุรา หากเขาต้องการทำ แล้วนางจะสู้ศึกหนักพรุ่งนี้ได้อย่างไร?

“จะว่าไปแล้วข้ามีบางอย่างที่ลืมบอกเจ้า” เย่ซิวตู๋จุมพิตมุมปากของนาง ทว่าอวี้ชิงลั่วรีบพูดขึ้นราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องจากบ้านมาแล้วเกิดคึกขึ้นมาเหรอเจ้าคะ ห่างชายาไม่ได้เลยน้า แม้แต่กับเด็กท่านก็ยังจะทุบไหน้ำส้ม

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *