อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 767 สตรีที่คุ้นเคย

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 767 สตรีที่คุ้นเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 767 สตรีที่คุ้นเคย

ตอนที่ 767 สตรีที่คุ้นเคย

อวี้ชิงลั่วรีบพยักหน้ารัว ตอบรับ “ได้ๆๆ ข้ารับปากท่าน ต่อไปหากจะไปไหน จะไม่จากไปโดยไม่ลาอีกแล้ว และจะต้องพาท่านและหงเย่ไปด้วย ดังนั้นท่านรีบลุกขึ้นเถิด ดีหรือไม่”

เย่ซิวตู๋ขณะมองอยู่ข้างๆ ก็มุมปากกระตุก แม่นมเซียวของเพียงคุกเข่าพูดแค่สองสามประโยค ชิงเอ๋อร์ก็ยอมตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ แล้ว

เขาล่ะ จนถึงตอนนี้ชิงเอ๋อร์ยังไม่เคยตกลงเงื่อนไขใดๆ กับเขาเลย

คิดๆ ไปในใจก็ไม่สมดุลแล้ว จุดอ่อนของชิงเอ๋อร์นี้ แม่นมเซียวรู้ดีกว่าเขาเสียอีก

อีกอย่าง อุบายที่ทำตัวน่าขมขื่น ดูจะใช้กับชิงเอ๋อร์ได้ดีที่สุดแล้ว

แม่นมเซียวเห็นอวี้ชิงลั่วรับปากแล้วก็เม้มปาก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกอีกครั้ง

เมื่อยืนขึ้นก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่เข่า อวี้ชิงลั่วจึงรีบพยุงแม่นมเซียว พามานั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ

“เจ็บเข่าแล้วใช่หรือไม่ แม่นมเซียว ท่านใช้แรงมากเพียงนี้ได้อย่างไร หากขาสองข้างของท่านเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ท่านอยากให้ข้าตายด้วยความรู้สึกผิดหรือ?” อวี้ชิงลั่วรีบหันหลังกลับไปที่ตู้เพื่อหยิบยาทาออกมา

แม่นมเซียวลอบถอนหายใจ สายตามองไปยังขาสองข้างของตน เพียงรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

หนานหนานคอยอยู่ข้างๆ นาง เม้มปากไม่ได้กล่าวอันใด ดวงตาเล็กๆ ที่มองแม่นมเซียวฉายแววประจบประแจงอยู่

แม่นมเซียวถอนหายใจกล่าวเสียงเบา “นายน้อย แม่นมเซียวเป็นห่วงท่านมากนัก”

หนานหนานรู้สึกแสบร้อนจมูก พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้ารู้ๆ แม่นมเซียว ต่อไปหนานหนานจะไม่ดื้ออีกแล้ว”

เย่ซิวตู๋หันหลังออกจากประตูไป ในใจรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก ชิงเอ๋อร์และหนานหนานถูกแม่นมเซียวดึงความสนใจไว้หมดแล้ว จนเขารู้สึกว่าไม่มีที่ให้ตนเองอีกต่อไป

“นายท่าน” ทันทีที่ออกมานอกประตู โม่เสียนก็เดินมาหยุดที่หน้าเขา

เย่ซิวตู๋สีหน้านิ่งเรียบ หันศีรษะมองเขา “สืบพบแล้วหรือ”

“นายท่าน ที่ท่านอุปราชมาในครั้งนี้ เป็นเพราะตอบรับคำเชิญของผู้อาวุโสสกุลลี่จริงๆ ขอรับ เพียงแต่ตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในคุกแล้ว ส่วนท่านอุปราชกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่าไม่มีความคิดจะลงมือช่วยเหลือ”

เย่ซิวตู๋ใช้ฝ่ามือค้ำราวบันไดไว้ ดวงตาหรี่ลง

ในใจซ่างกวนจิ่นมีแผนอันใดกันแน่ เขามีไมตรีกับผู้อาวุโสสกุลลี่ ตอนนี้ผู้อาวุโสสกุลลี่ถูกคุมขัง เขาไม่คิดจะช่วยเหลือจริงๆ หรือว่ามีแผนอื่นกันแน่

“ทางด้านผู้อาวุโสสกุลลี่เป็นอย่างไรบ้าง”

โม่เสียนลดสายตาลง “ตอนนี้ที่จวนผู้อาวุโสสกุลลี่โกลาหลเชียวขอรับ ท่านประมุขให้คนไปเฝ้าตลอดทั้งจวน บุตรชายของผู้อาวุโสสกุลลี่เป็นคนไม่ได้ความอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าพ่อของตนถูกจับก็ร้องโวยวายอยากจะพบท่านประมุข ทั้งยังแทงผู้อารักขาที่เฝ้ายามอยู่ด้วย ตะโกนด่าว่าท่านประมุขไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด คนร้ายมีอำนาจ ตอนนี้ก็ถูกจับเข้าคุกไปอีกคนแล้วขอรับ”

เย่ซิวตู๋พยักหน้า เขาพอจะรู้เรื่องราวของจวนผู้อาวุโสสกุลลี่เล็กน้อย ตอนนี้ไม่มีใครสักคนที่สามารถตัดสินใจอันใดได้

ผู้อาวุโสสกุลลี่และบุตรชายบุตรสาวต่างก็ถูกจับ นายหญิงของจวนก็เสียชีวิตไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงอนุภรรยาสองสามคนที่มักจะทะเลาะตบตีกัน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

เพียงแต่ผู้อาวุโสสกุลลี่เป็นผู้อาวุโสแห่งดินแดนเหมิง อำนาจในมือของเขาแน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา เขาเกรงว่าคนเหล่านั้นจะมาตอบโต้ชิงเอ๋อร์

ดังนั้นเขาจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะเสนอให้ชิงเอ๋อร์มาพักที่โรงเตี๊ยมที่เขาพักอยู่ในคืนนี้

เพียงแต่ดูจากตอนนี้แล้ว ที่โรงเตี๊ยมเองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน

“นายท่าน…” โม่เสียนหยุดชะงัก ทันใดนั้นก็ถอนหายใจ

เย่ซิวตู๋ตอบกลับว่า “หืม”

โม่เสียนลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยปาก “ท่านประมุขเหมิงฝากคนมาส่งข้อความ แจ้งว่าให้นายท่าน แม่นางอวี้ รวมไปถึงหนานหนานไปพักที่จวนของเผ่า ข้าน้อยรู้สึกว่าในดินแดนเหมิงตอนนี้มีความวุ่นวายมาก การไปพักที่จวนของเผ่านั้นปลอดภัยที่สุด ทว่า…”

เย่ซิวตู๋ลูบคิ้ว โม่เสียนพูดถูก

เขารู้ดีว่าในใจของเหมิงลู่คิดอะไรอยู่ อย่างไรเสียก็ยังต้องการรับหนานหนานไว้ศึกษาในดินแดนเหมิง ฝึกฝนเขาให้เป็นทายาทในอนาคต

นี่เป็นปัญหาใหญ่

อีกทั้งหากว่าท่านอาจารย์รู้เข้า จะต้องไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน เขาจะต้องตรงไปชิงตัวหนานหนานกลับไปอยู่ที่จวนผู้อาวุโสสกุลหมิงเป็นแน่

เฮ้อ บุตรชายผู้นี้โด่งดังเกินไปแล้ว ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้

“นายท่าน ท่านคิดว่า…”

“เรื่องนี้ เอาไปถามชิงเอ๋อร์ก่อนเถิด” ถ้าหากคิดถึงความปลอดภัยของสองแม่ลูก เขาก็ย่อมเห็นด้วย แต่กลัวว่าชิงเอ๋อร์จะไม่เต็มใจน่ะสิ

ขณะที่กำลังคุย อวี้ชิงลั่วและหนานหนานก็พยุงแม่นมเซียวออกมาแล้ว

“ช่วงสองสามวันนี้อย่าเพิ่งลงจากเตียงนะ การบาดเจ็บที่กระดูกไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทางด้านข้ามียาขี้ผึ้งอยู่ ต้องทาทุกวันเช้าเย็น ใช้น้ำร้อนประคบ อย่าไปโดนน้ำเย็น”

อวี้ชิงลั่วพูดไปเรื่อยๆ กล่าวกับแม่นมเซียวเบาๆ

หายากมากที่เย่ซิวตู๋จะได้เห็นด้านที่อ่อนโยนและพิถีพิถันในตัวนาง นางก็ช่างดีเหลือเกิน ไม่ทำเช่นนี้กับเขาที่เป็นสามีบ้าง กลับไปทำกับแม่นมเซียวเสียทั้งหมด

แม่นมเซียวจนปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นริมฝีปากของเย่ซิวตู๋ที่เม้มแน่น จนนางอยากจะปล่อยมืออวี้ชิงลั่วแล้วลงบันไดเองเสียจริงๆ

หงเย่ได้จัดข้าวของเสื้อผ้าของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะห่อสัมภาระของหนานหนาน หลังจากนางนำออกมาก็เอาไปให้โม่เสียนโดยตรง

มุมปากของโม่เสียนกระตุก ไม่เข้าใจหนานหนานเลยจริงๆ ว่าเวลาออกไปข้างนอก เหตุใดจึงมีแรงหอบสัมภาระมามากมายเพียงนี้

พวกเขาพากันลงมาชั้นล่าง คืนห้องแล้วออกจากโรงเตี๊ยมไป

รถม้าแล่นไปจนถึงโรงเตี๊ยมที่เย่ซิวตู๋พักอยู่ ขณะเพิ่งถึงหน้าประตูใหญ่ เยว่ซินก็รีบเปิดม่านรถม้า จ้องมองไปยังอวี้ชิงลั่วด้วยน้ำตาคลอเบ้า “คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว”

“…” อวี้ชิงลั่วรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง นางรู้สึกว่าการจากมาโดยไม่บอกลาในครั้งนี้ ในใจกลับรู้สึกผิดมากมายอย่างอธิบายไม่ถูก ดูเหมือนตนได้ทำสิ่งที่ผิดกฎสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น

เยว่ซินรีบพยุงนางลงจากรถม้า มุมปากเบะลง ร้องไห้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น

อวี้ชิงลั่วรีบดันโม่เสียนไปข้างหน้า “เจ้าหาวิธีเสีย ปลอบนางให้ดีๆ”

โม่เสียนสีหน้าตึงเครียด เห็นอยู่ว่านางเป็นคนทำให้เยว่ซินร้องไห้ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์

หนานหนานหอบเอาสัมภาระของตนแล้วแอบเข้าโรงเตี๊ยมไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่มีตัวตน เขาไม่มีตัวตน เขาไม่มีตัวตน…

เย่ซิวตู๋ส่งสายตาให้โม่เสียน นี่ยังอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยม มีคนผ่านไปผ่านมามากมาย ต้องสำรวมเสียหน่อย อย่าดึงความสนใจมากเกินไป

โม่เสียนไร้หนทาง ทำได้เพียงดึงเยว่ซินมาด้านข้าง กระซิบหว่านล้อมนางอยู่สองสามคำ

เยว่ซินเพียงแต่ร้องไห้ด้วยความดีใจ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ หลังได้ยินคำพูดของโม่เสียนก็รีบหยุดน้ำตา ค่อยๆ กลับไปอยู่ข้างกายอวี้ชิงลั่ว

ทางด้านนี้เพิ่งนำสัมภาระสองสามหอบลงมา จู่ๆ ด้านหน้าก็มีเกี้ยวมุ่งหน้ามา เกี้ยวนั้นถูกหามมาตรงหน้าพวกเขา เมื่อวางลง หญิงสาวที่ดูบอบบางก็ออกมาจากด้านใน

คนผู้นั้นมองซ้ายขวา สุดท้ายสายตาก็มาหยุดที่อวี้ชิงลั่ว จากนั้นก็รีบเดินเข้ามา

เยว่ซินไปขวางอยู่ตรงหน้าของนางโดยไม่รู้ตัว “ท่านจะทำอะไร?”

หญิงผู้นั้นชะงักไป ทันใดนั้นก็เหลือบตาขึ้นถามอวี้ชิงลั่ว “ขอถามหน่อย ท่านคืออวี้ชิงลั่ว แม่นางอวี้ใช่หรือไม่”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านคือ…” อวี้ชิงลั่วหรี่ตา มองตอนกลางคืนไม่ชัดเจนนัก แต่ก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ดูคุ้นเคยเล็กน้อย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องอย่าตีไหน้ำส้มบ่อยนัก แสบจมูกแล้วค่ะ

มากันทั้งโขยงเลยชิงลั่ว อลวนสมชื่อเรื่องเลย

ใครมาหากันนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *