อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 78 ทักษะทางการแพทย์ไม่ธรรมดา
ตอนที่ 78 ทักษะทางการแพทย์ไม่ธรรมดา
“โรคติดต่อ?” จินหลิวหลีสีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก นางดึงมือของอวี้ชิงลั่วพลางกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราไปเถอะ”
โรคที่เป็นโรคติดต่อ อย่าไปยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า นางไม่มีความคิดที่จะไปรักษาคนที่อยู่ในรถม้าอยู่แล้ว
แม้ว่าเสียงของทั้งสองจะแผ่วเบา ทว่ากลับถูกคนที่อยู่ด้านล่างได้ยินเข้าแล้ว บุรุษที่เพิ่งใช้มีดพาดคอของเจียงอวิ๋นเซิงแหงนหน้าขึ้น กล่าวเสียงเย็น “คนที่อยู่ด้านบนลงมา”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าคงเป็นไปไม่ได้เสียแล้วที่จะทำตัวอยู่เหนือปัญหา
นางส่งสายตาให้จินหลิวหลี จากนั้นทั้งสองคนจึงพลิกกาย กระโดดลงมายืนบนพื้น
“พวกเจ้าเป็นใคร ซ่อนตัวอยู่ด้านบนนั้นทำไมกัน?” คนผู้นั้นผลักเจียงอวิ๋นเซิงไปด้านหลัง เจียงอวิ๋นเซิงล้มตัวลงบนพื้นฉับไว ทว่าก็ยังปีนขึ้นมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เขารีบสาวเท้าเข้าไปด้านในโรงหมอจนเกิดเสียงสวบสาบ ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวรถม้าคันนั้นที่จอดอยู่ข้างนอก ราวกับโรคที่อยู่ในนั้นสามารถแพร่เชื้อใส่เขาได้ตลอดเวลา
ราชองครักษ์ที่อยู่หน้ารถม้ามองเขาด้วยสายตาดูหมิ่น ก่อนจะมองมาที่อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลี เขารู้สึกได้ว่า ฝีมือของทั้งสองคนนี้ไม่ธรรมดา ถือเป็นภัยคุกคามอย่างหนักสำหรับพวกเขา
นายท่านที่อยู่ในรถม้าตอนนี้ป่วยแล้ว พวกเขามิอาจปล่อยให้นายท่านได้รับบาดเจ็บใด ๆ ได้อีกแล้ว
จินหลิวหลีแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น มือลูบไปยังข้างเอว ยังไม่รอให้นางได้เคลื่อนไหวใด ๆ ก็ถูกอวี้ชิงลั่วห้ามไว้เสียก่อน
“ชิงลั่ว?”
“ข้าจะดูอาการให้คนที่อยู่ในรถ” จู่ ๆ เมื่อครู่นางก็เปลี่ยนความคิด เชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรหลิวอวิ๋น…ดูเหมือนว่าหลังจากช่วยเหลือแล้วก็คงได้ผลประโยชน์ โรคที่เป็นโรคติดต่อบางอย่างเป็นเรื่องยากที่จะรักษา แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาให้หายไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้นางและหลิวหลีก็ถูกพวกเขาปฏิบัติเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว คงต้องฝ่าวงล้อมไปถึงจะออกไปได้
สู้ลองดูอาการสักหน่อย หากรักษาให้หายได้ นางก็คงได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย หากรักษาให้หายไม่ได้ ค่อยฝ่าวงล้อมออกไปก็ยังไม่สาย
คนที่นี่ไม่มีใครรู้ว่านางคือหมอปีศาจ ไม่มีทางทำลายชื่อเสียงของนางได้ อืม คิดแบบนี้ ตอนแรกที่นางทำตัวลึกลับไม่เปิดเผยใบหน้าต่อหน้าคนอื่น นับว่าเป็นการมองการณ์ไกล
จินหลิวหลีกลอกตาใส่ ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้นางทำ เพียงแต่เส้นประสาททั้งร่างกายยังคงตึงเครียด พร้อมที่จะรับมือกับคนที่คิดจะสร้างปัญหาให้พวกนางได้ทุกเมื่อ
อวี้ชิงลั่วเดินไปข้าง ๆ เจียงอวิ๋นเซิง ตบบ่าเขาแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านไปบอกพวกเขา ข้าสามารถรักษาโรคของคนคนนั้นที่อยู่ในรถม้าได้”
“เจ้า?” เจียงอวิ๋นเซิงเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ราวกับไม่เชื่อมั่นว่านางจะมีความสามารถนั้น
อวี้ชิงลั่วยิ้ม “โรคติดต่อของคนคนนั้นที่อยู่ในรถ ร้ายแรงมาก?”
“เจ้ารู้ว่าโรคของคนคนนั้นติดต่อได้? เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”
โรคติดต่อ? เมื่อครู่นางยังไม่ไปดูเลยด้วยซ้ำ เจียงอวิ๋นเซิงเกิดความฉงนสงสัย ก่อนจะสำรวจอวี้ชิงลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกหน สายตายังคงแฝงด้วยความดูหมิ่น
“เมื่อครู่ที่ท่านตกใจจนปัสสาวะราดกลิ้งออกมาจากด้านในรถม้า ก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือ?”
“เจ้า…” สีหน้าของเจียงอวิ๋นเซิงกลายเป็นอับอายขึ้นทันใด ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย โดยเฉพาะการถูกสตรีคนหนึ่งเย้ยหยันเช่นนี้ ภายในใจยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์
เขาถลึงตามองนางปราดหนึ่ง เอาสิ หากนางมีความสามารถก็ไปรักษา ถึงอย่างไรถึงเวลานั้นคนที่ถูกเชื้อแพร่ใส่ก็เป็นนาง รักษาได้ไม่ดีคนที่ถูกไล่ตามก็เป็นนาง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว
คิดเช่นนี้ ใบหน้าของเจียงอวิ๋นก็เกิดความภาคภูมิใจขึ้นเล็ก ๆ พูดกับบุรุษที่กำลังเผชิญหน้ากับจินหลิวหลีว่า “แม่นางผู้นี้อาจรักษาคนที่อยู่ในรถม้าได้”
บุรุษผู้นั้นหันมาจ้องมองอวี้ชิงลั่ว ราวกับเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้า?”
“ถูกต้อง ทักษะทางการแพทย์ของแม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดา วันนี้นางมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับข้าเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ เจ้าให้นางจัดการก็พอแล้ว” เจียงอวิ๋นเซิงพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
บุรุษผู้นั้นยังแอบลังเล นางมิใช่ท่านหมอเจียงผู้มีชื่อเสียงคนนั้น ต้องฝากนายท่านของเขาไว้กับสตรีเช่นนี้ เขารู้สึกลำบากใจจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา ถอนหายใจกล่าวว่า “หากเจ้ายังชักช้ามากไปกว่านี้ คนที่อยู่ในรถคงไม่รอดแล้ว”
บุรุษผู้นั้นถึงกับตกใจ ตอนนี้ไม่สามารถสนใจอะไรได้มากมายแล้ว จึงยกมือคารวะอย่างนอบน้อมและหลีกทางให้ “แม่นาง เชิญ”
อวี้ชิงลั่วกระโดดขึ้นบนรถม้า ตอนที่แหวกผ้าม่าน นางก็ขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที
ภายในรถม้ามีผู้ใหญ่และเด็ก ดูเหมือนว่าน่าจะแพร่เชื้อใส่กัน ทั้งสองคนนี้มีสภาวะขาดน้ำอย่างชัดเจน ริมฝีปากซีด เมื่อนางได้มองอย่างละเอียดแล้ว นี่มัน…อาการของอหิวาตกโรคนี่
ไม่แปลกใจเลยที่ราชองครักษ์เหล่านี้จะวิตกกังวล อหิวาตกโรค…แม้ในยุคสมัยปัจจุบันก็ยังเป็นโรคติดเชื้อกลุ่ม A เป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม
ในตอนนี้เล่า? สำหรับท่านหมอเจียงอวิ๋นเซิงคนนั้นคาดว่าคงถือเป็นโรคระบาด
โชคดีที่โรคนี้ไม่ใช่โรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด และไม่นับว่าเป็นโรคติดต่อสายพันธุ์ใหม่ สามารถรักษาได้ อีกอย่างก็ส่งตัวคนป่วยมารักษาได้ทันเวลา ยังไม่ถึงขั้นอยู่นอกเหนือการควบคุม หากรักษาก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม ก่อนจะกระโดดลงมาจากรถม้า
บุรุษที่อยู่คุ้มกันอยู่ด้านนอกมาโดยตลอดรีบก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ถามด้วยความรีบร้อน “เป็นเช่นไร?”
“อืม รักษาได้”
บุรุษถอนหายใจอย่างโล่งอก เจียงอวิ๋นเซิงกลับเบิกตาโต “เจ้ารักษาได้หรือ?”
อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองเขา “แน่นอน ก่อนหน้านี้ท่านเองก็เพิ่งเห็นความสามารถของข้ามิใช่หรือ?”
“ข้าไปเห็นตั้งแต่เมื่อใด…” เจียงอวิ๋นเซิงรีบปิดปาก เมื่อนึกถึงยาพิษที่นางใส่ลงบนตัวของเขา นึกถึงคำพูดของนางที่บอกว่ายาพิษนั้นเป็นสิ่งที่นางพัฒนาด้วยตนเองในตอนนั้น
คิ้วของเขาพลันขมวดมุ่น ใช้สายตาที่ผิดปกติสำรวจอวี้ชิงลั่วอีกหน แม้ว่าแม่นางคนนี้จะมีฝีมือโหดเหี้ยมไปสักหน่อย แต่ก็มีรูปร่างหน้าตาที่ดูอ่อนโยนทว่ามีความเย่อหยิ่งและเย็นชา คาดว่าคงเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ กระมัง
ดี เขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่านางจะรักษาคนที่อยู่ในนั้นอย่างไร
“ท่านหมอเจียง รบกวนไปเตรียมห้องสะอาดไว้ห้องหนึ่ง ข้าต้องย้ายคนไข้เข้าไป รถม้าคันนี้ไม่เหมาะที่จะให้พวกเขาอยู่ต่อไป” อวี้ชิงลั่วหันไปพยักหน้าให้บุรุษเมื่อครู่
คนผู้นั้นก็เป็นผู้มีความฉลาดปราดเปรื่อง จึงก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ราวกับจะผลักให้เจียงอวิ๋นเซิงไปเตรียมห้อง
อีกฝ่ายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นเพราะกลัวคมดาบของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า อีกด้านหนึ่งก็นึกถึงความสามารถของอวี้ชิงลั่ว จึงทำได้เพียงแค่ไปเตรียมห้องด้วยท่าทางกึ่งเต็มใจกึ่งปฏิเสธ
ผ่านไปไม่นานก็มีคนยกร่างของผู้ใหญ่และเด็กภายในรถม้าลงมา และส่งเข้าไปด้านในห้องนั้น
หลังจากอวี้ชิงลั่วบอกให้คนส่งคนไข้เข้าไป และเริ่มทำความสะอาดสถานที่
ตอนนี้เจียงอวิ๋นเซิงไม่กลัวโรคระบาดแล้ว เขาแค่อยากเห็นอวี้ชิงลั่วว่าจะรักษาคนไข้อย่างไร เดิมทีอวี้ชิงลั่วก็ต้องการผู้ช่วยอยู่แล้ว พอดีเลย อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ก็มีคนให้เรียกใช้งานแล้ว
อาจเป็นเพราะราชองครักษ์คนนั้นกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับนายท่านของตนเองหรือไม่ จึงยืนกรานว่าจะเฝ้าให้ได้
จินหลิวหลีเป็นห่วงอวี้ชิงลั่ว จึงไม่เต็มใจที่จะออกไป แต่ท้ายที่สุดกลับถูกนางไล่ออกไปจนได้
นางแอบไม่เต็มใจเท่าไรนัก จึงเดินบ่นออกมาข้างนอก โรงหมอในตอนนี้ถูกคนกลุ่มนั้นคุ้มกันไว้หมดแล้ว ทว่าคนเหล่านั้นคงทราบว่านางสนิทสนมกับอวี้ชิงลั่ว สีหน้าในตอนนี้จึงเป็นมิตรขึ้นมาก
นางมองอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงเดินไปที่ด้านหลังสวนของโรงหมอ
ใครจะไปคิด ตอนที่นางเพิ่งจะก้าวเท้าเดินได้สองก้าว ก็พบว่าโม่เสียนกระโดดพลิกตัวเข้ามาจากด้านนอกอย่างฉับพลันด้วยใบหน้าตึงเครียด
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะรักษาอหิวาฯ ด้วยวิธีไหนกันนะ
ไม่ใช่ว่าจวนนายท่านมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะถึงได้ส่งโม่เสียนมา?
ไหหม่า(海馬)
Comments