อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 791 ข่าวที่น่าตกใจ
ตอนที่ 791 ข่าวที่น่าตกใจ
ตอนที่ 791 ข่าวที่น่าตกใจ
ขณะนั้นทั้งสองต่างตกใจ ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้วขณะชักม้าไปรอบ ๆ แล้วตบบั้นท้ายของม้า
ม้ากางกีบทั้งสี่ออกทันที แต่ก่อนที่มันจะเริ่มวิ่ง เหมิงพั่วก็พุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
ซ่างกวนจิ่นหันหน้าไปจับเขาไว้ พลางอดทนต่อความเจ็บปวด เหมิงพั่วขมวดคิ้วและถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ม้าที่ซ่างกวนจิ่นขี่อยู่กำลังตกใจ จึงวิ่งห้อไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างควบคุมไม่ได้
อวี้ชิงลั่วรีบคว้าสายบังเหียนไว้ แต่ก็ไม่อาจควบคุมม้าได้ ราวกับว่าม้าตัวนั้นสติแตกไปแล้ว มันสะบัดศีรษะไปมา ทำให้บังเหียนในมือของนางถูกกระชากกลับอย่างรวดเร็ว คราบเลือดปรากฏบนฝ่ามือของนางทันที
ซ่างกวนจิ่นเห็นดังนั้นก็รีบกดหลังของนาง “รีบปล่อยมือ แล้วกอดคอม้าไว้”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็กุมสายบังเหียนทันทีขณะเม้มปากแน่น แม้เลือดจะไหลจากมือ เขาก็ยังคงจับแน่นไม่ยอมปล่อย
ในที่สุดม้าก็สงบลง แทนที่จะห้อตะบึงไปรอบ ๆ มันก็ค่อย ๆ ย่างก้าวอย่างมั่นคง
ทว่าพวกเขาอยู่ไกลจากเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ อวี้ชิงลั่วลืมตามองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง
ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้น ทำให้มองเห็นหมู่บ้านอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลได้อย่างเลือนราง ซึ่งล้วนแต่เงียบสงบ
ในความคิดของอวี้ชิงลั่ว ม้าวิ่งเตลิดมาเพียงไม่กี่เค่อ ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะไกลถึงเพียงนี้ หมู่บ้านอื่นเหล่านี้อยู่ห่างไกลและไม่คุ้นเคย ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าไปขอหลบภัย วิธีเดียวคือต้องรีบเดินทางไปที่เขตเมือง เพราะเหมิงพั่วคงไม่กล้าไล่ล่าพวกเขาอย่างเปิดเผยในที่แห่งนั้น
ขณะมองไปรอบ ๆ อวี้ชิงลั่วก็หรี่ตาและเริ่มค้นหาทิศทาง “ซ่างกวนจิ่น เมืองไปทางไหน?”
“…ทิศตะวันตก” เสียงของซ่างกวนจิ่นค่อนข้างแปลกไป เผยให้เห็นว่าเขากำลังอ่อนแรง ตัวของเขาโน้มไปข้างหน้าจนศีรษะเกือบจะวางอยู่บนไหล่ของอวี้ชิงลั่ว เขาพูดด้วยเสียงขาดห้วงว่า “เจ้ากลับไปทางทิศตะวันตก อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว อีกไม่นานก็จะถึงเมือง ข้า…”
“โครม” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็หมดสติไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ตกจากหลังม้าลงบนพื้นหญ้าอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วอ้าปากค้าง แล้วรีบลงจากหลังม้า “ซ่างกวนจิ่น ซ่างกวนจิ่น?”
นางเปิดผ้าคลุมสีดำของเขาออก และเห็นว่าปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ฝ่ามือของเขาก็เปื้อนเลือดจากการกำสายบังเหียน เสื้อผ้าบนร่างกายขาดวิ่น และมีบาดแผลหลายแห่ง
อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปากแน่น เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัสเพราะฝ่ามือของเหมิงพั่วก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเขาก็ถูกโจมตีอีกหลายครั้งเพื่อที่จะพานางขี่ม้าหนีออกจากบ้านหลังนั้นได้ ซึ่งตอนนี้ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
อวี้ชิงลั่วเอื้อมมือไปสัมผัสชีพจรของเขา อาการสาหัสมากจริง ๆ
นางไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน แล้วรีบหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสองสามขวดออกมาจากกระเป๋า โชคดีที่นางชิงกระเป๋าคืนมาได้ ไม่เช่นนั้น ด้วยอาการของซ่างกวนจิ่นตอนนี้ หากไม่ได้ส่งไปหาหมอทันเวลา เขาก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานและจะตายในไม่ช้า
นางป้อนยาให้เขา แล้วตบหลังเขาเพื่อให้เขากลืน
จากนั้นก็หยิบเข็มเงินหลายเล่มออกมา แล้วฝังลงไปที่จุดฝังเข็มหลายจุดบนร่างกายของเขา เพื่อกระจายเลือดที่คั่งอยู่
หลังจากจัดการหลายสิ่งอย่างเสร็จสิ้น ซ่างกวนจิ่นก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก แต่เขาก็ยังไม่ฟื้น
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ มองท้องฟ้าที่สว่างแล้วด้วยสายตาครุ่นคิด ไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าที่นี่ไม่คุ้นเคยเลย แม้แต่สภาพแวดล้อมก็แย่มาก และซ่างกวนจิ่นก็ต้องการการดูแลอย่างพิถีพิถันด้วย
คนในหมู่บ้านอื่นที่เห็นจากระยะไกลทยอยเปิดประตูออกมาทีละหลัง ชาวไร่หลายคนก็ออกมาทำงาน โดยใช้เครื่องมือการเกษตรที่ดูเรียบง่าย
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าที่นี่มีผู้คนมากมาย หากเหมิงพั่วยังคงตามาราวีอยู่ก็คงเกิดความวุ่นวายมากแน่นอน อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังปลอดภัยกว่าตอนกลางคืนมาก
นางเหลือบมองซ่างกวนจิ่นอีกครั้งก่อนมองไปรอบ ๆ แล้วดวงตาของนางก็เป็นประกายเมื่อเห็นแอ่งน้ำอยู่ไม่ไกล
จากนั้นก็หยิบเศษผ้าสีดำของซ่างกวนจิ่นไปชุบน้ำในแอ่งน้ำ เพื่อนำมาเช็ดเลือดบนใบหน้าของเขา
โชคดีที่เขาไม่ได้สวมชุดสีดำ เขาในชุดสีม่วงจึงดูปกติมากกว่า
อวี้ชิงลั่วช่วยเช็ดหน้าให้เขาอีกหลายครั้ง และรู้สึกว่านอกจากใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้ว อย่างอื่นก็ปกติดี
อวี้ชิงลั่วรีบยกกระโปรงลุกเดินไปทางหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเดินไปถึงประตู นางก็บังเอิญเห็นชาวไร่สองคนเดินออกมาพอดี เมื่อพวกเขาเห็นนางก็ชะงักเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “พี่ใหญ่ทั้งสอง ช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“แม่นาง เจ้า…” ชาวไร่สองคนมองหน้ากัน ดูจากเครื่องแต่งกายของอวี้ชิงลั่ว นางน่าจะเป็นสตรีจากครอบครัวที่ร่ำรวย เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่คนเดียวในตอนนี้ได้?
“พี่ใหญ่ทั้งสอง ข้ากับสามีกลับมาจากเยี่ยมญาติ จู่ ๆ ม้าก็ตกใจกลางทางและรถม้าก็พัง พวกเราจึงต้องขี่ม้ากันมา ข้าไม่คิดว่าสามีของข้าจะมาป่วยจนหมดสติไปอีก ข้าจึงรีบพาเขาไปหาหมอในเมือง แต่สามีข้าตกจากหลังม้า และข้าไม่สามารถช่วยให้เขาขึ้นหลังม้าได้ พี่ใหญ่ทั้งสองช่วยข้าหามเขาขึ้นหลังม้าได้หรือไม่?”
เดิมทีอวี้ชิงลั่วต้องการจะบอกว่าซ่างกวนจิ่นเป็นพี่ชายของนาง แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาสองคนต้องขี่ม้าตัวเดียวกัน มันก็ดูแปลกที่จะบอกว่าพวกเขาเป็นพี่ชายและน้องสาว
ชาวไร่สองคนมองหน้ากัน แล้วมองไปทางที่อวี้ชิงลั่วชี้ จากนั้นพวกเขาก็เห็นซ่างกวนจิ่นนอนอยู่บนพื้นหญ้า โดยมีม้าเล็มหญ้าอยู่ข้าง ๆ
ทั้งสองพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า “แม่นาง ไม่ต้องกังวล ช่วยกันเพียงเท่านี้ไม่มีปัญหา” หลังจากพูดจบ พวกเขาก็วางอุปกรณ์ทำไร่แล้วรีบไป
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเดินตามพวกเขาไป
ทว่าเมื่อชาวไร่ทั้งสองเห็นว่าซ่างกวนจิ่นดูเหมือนจะอาการหนัก พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักไป แล้วพูดอย่างลังเลว่า “แม่นาง สามีของเจ้าดูเหมือนจะป่วยหนัก และไม่มีทางจะขึ้นหลังม้าได้ ไม่เป็นอะไร ที่นี่มีรถม้าที่เจ้าของคนทิ้งเอาไว้ แต่มันค่อนข้างเก่าและมักใช้เพื่อซื้อของ แต่ก็ไม่มีปัญหาในการบรรทุกคน หากเจ้าไม่รังเกียจ ข้าจะขับรถม้าพาเจ้าเข้าเมืองไปหาหมอ ดีหรือไม่?”
แน่นอนว่านางย่อมไม่ปฏิเสธ มีคนช่วยขับรถม้าให้ อีกทั้งยังสามารถปิดกั้นสายตาที่มองมาได้ ต่อให้เจอปีศาจกลางทางก็สามารถผ่านไปได้
อวี้ชิงลั่วแอบดีใจ แต่นางทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “เช่นนั้นจะรบกวนท่านมากเกินไปหรือเปล่า? ข้าขออภัยที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา”
“เอ๊ะ แม่นางพูดอันใดกัน? มันไม่ง่ายเลยสำหรับใครก็ตามที่อยู่ไกลบ้าน”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วคุกเข่าลงคลำบนตัวซ่างกวนจิ่น แล้วพบเงินชิ้นหนึ่ง นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือความปรารถนาของข้า โปรดรับไว้… อย่าได้ปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้สึกเสียใจมาก และเมื่อสามีของข้ารู้เข้า เขาก็จะตำหนิข้าที่ไม่สำนึกบุญคุณเจ้าค่ะ”
ชาวไร่ได้ยินนางบอกเช่นนั้นก็รับเงินไป ก่อนวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อขับรถม้าออกมา
อวี้ชิงลั่วและซ่างกวนจิ่นนั่งโคลงเคลงอยู่ในรถม้าที่ค่อนข้างคับแคบ เส้นทางคดเคี้ยวนี้มุ่งตรงไปยังเมือง ระหว่างทางนางเห็นคนน่ากลัวเดินตามหานางไปทั่ว อวี้ชิงลั่วมองผ่านหน้าต่างรถม้า แล้วหดหัวกลับทันที
โชคดีที่พวกเขาไม่กล้าหยุดรถม้าอย่างโจ่งแจ้ง การเดินทางจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
ทว่าไม่นานหลังจากที่รถม้าเข้ามาในเมือง ข่าวที่น่าตกใจก็มาถึงหูของอวี้ชิงลั่ว
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ข่าวน่าตกใจอะไรอะ ไม่ใช่ว่าที่สวนทางกันตอนนั่งรถม้าคือท่านอ๋องซิวนะ?
ไหหม่า(海馬)
Comments