อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 925 อภิเษกสมรส

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 925 อภิเษกสมรส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 925 อภิเษกสมรส

ตอนที่ 925 อภิเษกสมรส

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงทุ้มต่ำของท่านอ๋องเป่าก็ดังขึ้นข้างนอก “น้องห้า เรื่องปลดไท่จื่อ…”

“อืม ข้าได้ยินเรื่องนี้แล้ว” เย่ซิวตู๋ตอบเสียงเบา

“ข้าไปเยี่ยมเขาเมื่อสองวันก่อน เมื่อเขาได้ยินว่าเจ้าจะกลับมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และเอาแต่ตะโกนด่าว่าเจ้าเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เขายังบอกด้วยว่าเมื่อตำแหน่งไท่จื่อของเขาหายไปแล้ว คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือเจ้า”

เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินดังนั้น “เขาช่างรู้จักปัดสวะออกไปให้คนอื่นเสียจริง ต่อให้ข้าจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขาก็ยังคิดว่ามันเป็นความผิดของข้าอยู่ดี”

ท่านอ๋องเป่าถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงท่าทางของอดีตไท่จื่อ เขาก็ถอนหายใจ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “น้องห้า กลับมาคราวนี้เจ้ามีแผนอย่างไร?”

เขาคิดว่าเมื่อไท่จื่อองค์ก่อนถูกปลด คนที่มีแนวโน้มจะได้ครองตำแหน่งไท่จื่อมากที่สุดก็คือน้องห้า แต่ซูเฟยบอกเขาว่าน้องห้าไม่ได้สนใจตำแหน่งนี้ ดังนั้นตำแหน่งไท่จื่อจึงยังคงไม่แน่นอนว่าจะตกเป็นของผู้ใด

“อภิเษกสมรส”

“!!” ท่านอ๋องเป่าอ้าปากค้าง นิ่งอึ้งไปนาน

เมื่อหนานหนานได้ยินบิดาของเขาสนทนากับท่านอ๋องเป่า เขาก็เงียบลงทันที แต่ปากของเขาก็ยังคงกินต่อไปโดยไม่หยุด

อวี้ชิงลั่วทนไม่ได้อีกต่อไป เจ้าตัวเล็กนี่ไม่ได้บอกว่าเขานำกลับมาให้หลานเฉิงและเป่าเอ๋อร์กินหรอกหรือ? เหตุใดตอนนี้ยังไม่หยุดกินอีก?

นางเม้มปาก แล้วหยิบกล่องอาหารของเขามาปิดฝา ก่อนจะใส่ไว้ในมือของอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังมองหนานหนานด้วยรอยยิ้ม

หนานหนานชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อไม่มีอะไรยัดเข้าปาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ยแก้มป่องราวกับกบ

เมื่อเขาได้ยินเย่ซิวตู๋พูดคำว่า ‘อภิเษกสมรส’ เขาก็หันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ

ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ด้วยไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ เย่ซิวตู๋จะพูดถึงเรื่องนี้ และเขาก็บอกเรื่องนี้กับท่านอ๋องเป่าอย่างจริงจัง

เมื่อท่านอ๋องเป่าขี่ม้าออกไปแล้ว นางก็เอื้อมมือไปหยิกเย่ซิวตู๋ทันที “พูดเหลวไหลอะไร? เป่าเอ๋อร์และหนานหนานก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ”

“เหลวไหลอะไรกัน ข้าแค่บอกให้เขารู้ไว้ จะได้เตรียมใจได้ไม่ดีหรือ?” พูดจบแล้วเขาก็ดึงหนานหนานขึ้นมานั่งตัก แล้วกระซิบบอกเขาว่า “พ่อกับแม่กำลังจะแต่งงานกัน มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?”

หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง “ไม่มีงานอะไรจะมีความสุขเท่างานใหญ่เช่นนี้อีกแล้วขอรับ”

นัยน์ตาของเย่ซิวตู๋เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “อยากจะให้ของขวัญอะไรหรือ?”

“…” หนานหนานบิดตัวอย่างแรง พ่อกับแม่แต่งงานกัน แล้วเขายังจะต้องอยากให้ของขวัญอีกหรือ? แค่รับของขวัญยังไม่พออีกหรือ?

“ทำไมเล่า ไม่อยากให้หรือ?”

“ไม่แน่นอนขอรับ!!” หนานหนานตอบเสียงดังฟังชัด

จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีคนมากมายอยู่ข้างนอก ทำให้ไม่อาจพูดดังเกินไปได้ เขาจึงรีบลดเสียงลงและพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านพ่อมาพูดกะทันหันเกินไป ข้ายังไม่ได้คิด ต้องกลับไปคิดดูก่อนขอรับ”

อวี้ชิงลั่วกระแอมเบา ๆ จากนั้นหรี่ตามองเย่ซิวตู๋ แล้วพูดว่า “ท่านยังบาดเจ็บอยู่ การจัดพิธีอภิเษกสมรสหรืออะไรที่เหนื่อยเกินไปจะไม่ดีต่อท่าน”

“ถ้าเช่นนั้นแม่นางหมอปีศาจโปรดช่วยรักษาข้าโดยเร็วด้วยเถิด หลังจากที่ข้าเข้าวังคราวหน้า ข้าจะได้คุยกับเสด็จพ่อเรื่องวันที่ข้าเลือกไว้”

อวี้ชิงลั่วสะอึกไปชั่วขณะ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว ฟังจากคำพูดของเย่ซิวตู๋แล้ว เหตุใดจึงดูเหมือนว่าเขาเลือกวันไว้แล้ว?

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ รถม้าก็หยุดลง จากนั้นท่านอ๋องเป่าก็กลับมาพูดเสียงเบาว่า “น้องห้า ถึงแล้ว เสด็จพ่อทรงทราบว่าเจ้าบาดเจ็บ จึงสั่งให้คนหามเกี้ยวมาให้”

“อืม” เย่ซิวตู๋ยืดตัว แล้วลุกขึ้นนั่งช้า ๆ

อวี้ชิงลั่วบอกอวี้เป่าเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างว่า “เจ้ารอเราอยู่ที่นี่ แล้วเราจะกลับจวนด้วยกันทีหลัง”

“ขอรับ” อวี้เป่าเอ๋อร์พยักหน้า เขายังคงถือกล่องอาหารที่หนานหนานนำกลับมา แล้วหลีกทางให้เย่ซิวตู๋ด้วยรอยยิ้ม

เกี้ยวถูกหามออกมาแล้ว และทุกคนก็ช่วยพยุงเย่ซิวตู๋ขึ้นไปบนเกี้ยวอย่างระมัดระวัง

เปลือกตาของอวี้ชิงลั่วกระตุก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีอาการสาหัสแต่อย่างใด แต่ทุกคนปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นผู้ป่วยหนัก

นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจับมือหนานหนานเดินตามหลังไป

ทุกคนตรงไปยังห้องทรงอักษรของฮ่องเต้ ท่านอ๋องเป่าและองค์ชายหกเดินนำเข้าประตูไปก่อน

หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เหมียวกงกงก็ออกมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “กระหม่อมถวายบังคมองค์ชายซิว องค์หญิงเทียนฝู และซื่อจื่อน้อยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทกำลังรอพวกท่านอยู่ โปรดเสด็จเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวเข้ามาช่วยประคองเย่ซิวตู๋อย่างระมัดระวัง

เปลือกตาของอวี้ชิงลั่วกระตุกอีกครั้ง

ทันทีที่เข้าประตูไป ฮ่องเต้ก็รีบสั่งเหมียวเชียนชิวว่า “เร็วเข้า รีบให้นั่งลงก่อน”

เหมียวเชียนชิวสั่งให้คนรับใช้นำเก้าอี้มาให้ หนานหนานเห็นว่ามีเก้าอี้สำหรับเขาด้วย จึงกล่าวขอบคุณฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้ม และรีบนั่งลงบนเก้าอี้นั้นทันที

เมื่อฮ่องเต้เห็นพวกเขา อารมณ์ก็ดีขึ้นโดยไม่มีเหตุผล และสีพระพักตร์ของเขาก็ผ่อนคลายลง

ท่านอ๋องเป่ากับองค์ชายหกหมดธุระแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นก็โค้งคำนับ แล้วถอยกลับไปทันที

ในห้องทรงอักษรของฮ่องเต้จึงเหลือเพียงเย่ซิวตู๋ ฮ่องเต้ และเหมียวกงกงสามคนเท่านั้น

ฮ่องเต้เสด็จลงมาจากบัลลังก์ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว และตรัสถามด้วยความกังวล “อาการบาดเจ็บของสวามีเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? ร้ายแรงหรือไม่? ข้าสั่งหมอหลวงให้ตรวจอย่างรอบคอบทีหลังแล้ว”

“เสด็จพ่อ มีชิงเอ๋อร์อยู่เคียงข้างลูกแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ชะงักไป ก่อนจะลูบพระนลาฏตัวเองทันที และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูพ่อสิ พ่อสับสนไปหมด พ่อลืมอีกสถานะหนึ่งขององค์หญิงเทียนฝูไปเสียแล้ว”

เหมียวเชียนชิวรีบก้าวไปเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาททรงกังวลเรื่องนี้เสียจนพระทัยสับสนวุ่นวาย เพราะท่านเป็นห่วงองค์ชายซิวจริง ๆ”

แม้จะมีนัยของการสรรเสริญเยินยอในคำพูดดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ผิดเลย

จากนั้นฮ่องเต้ก็หันไปถามเรื่องอาการของเขาจากอวี้ชิงลั่ว จนกระทั่งได้รับการรับรองจากนาง เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“อะแฮ่มๆ !!”

เมื่อเห็นว่าพวกเขาใกล้จะคุยกันจบแล้ว ทันใดนั้นหนานหนานก็กระแอมออกมาสองครั้ง

‘ฟึ่บ’ ทุกสายตาในห้องทรงอักษรของฮ่องเต้หันไปมองเขาเป็นตาเดียว

หนานหนานยิ้มเจื่อน “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรขอรับ แค่จู่ ๆ ก็รู้สึกคันคอขึ้นมาขอรับ”

ฮ่องเต้ทรงสรวลแล้วกวักพระหัตถ์เรียกหนานหนานให้ไปหา ก่อนจะบีบจมูกเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นเสด็จปู่เมินเจ้าหรือเปล่า?”

“…” หนานหนานหัวเราะด้วยความเขินอาย

ฮ่องเต้อารมณ์ดีมาก และไม่อาจปล่อยมือเมื่อได้กอดเขา “นานมากแล้ว คิดถึงเสด็จปู่บ้างหรือไม่?”

“คิดถึงสิขอรับ ไม่รู้ว่าคิดถึงมาเพียงใด แต่ทุกครั้งที่ข้าเห็นคนที่มีอายุไล่เลี่ยกับเสด็จปู่ ข้าก็จะนึกถึงเสด็จปู่ตลอดเลยขอรับ”

อวี้ชิงลั่วเบือนหน้าหนีเงียบ ๆ เจ้าเด็กน้อยช่างประจบเอ๋ย

แต่ฮ่องเต้ทรงโปรดให้หนานหนานพูดเช่นนี้มาก และอดไม่ได้ที่จะอุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า “เหตุใดจึงดูตัวเบาไปนิด? เจ้าหิวหรือไม่?”

พูดจบแล้ว เขาก็สั่งให้เหมียวเชียนชิวไปเตรียมอาหาร “ประเดี๋ยวไปกินข้าวกับเสด็จปู่ก่อน”

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเย่ซิวตู๋ แล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ก็ไปเยี่ยมหมู่เฟยของเจ้าบ้าง ร่างกายของเจ้ายังไม่ค่อยดีนัก เจ้าควรนั่งเกี้ยวไป อยู่คุยกันสักพัก แล้วค่อยกลับมากินอาหารเย็นด้วยกันที่นี่ก่อนกลับ”

ไปเยี่ยม… หมู่เฟยเช่นนั้นหรือ?

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จะให้ไปเยี่ยมแม่ที่คิดจะฆ่าลูกตัวเองงั้นเหรอ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด