อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด 298 เธอไม่อยากจะทิ้งพวกเขาไป
ตอนที่ 298 เธอไม่อยากจะทิ้งพวกเขาไป
แต่ในตอนกลางคืน เธอก็ไม่อยากจะทิ้งพวกเขาไป คิดอยากจะให้พวกเขาตื่นขึ้นมาแล้วได้เห็นเธอเป็นคนแรก
ภายในห้องผู้ป่วยมีเตียงคนเยี่ยมไข้เพียงแค่เตียงเดียว เมื่อเธอกินข้าวเสร็จก็นั่งลงทันที “คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่นะ”
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปที่เตียงคนเยี่ยมไข้ แต่ด้วยขนาดเตียงที่เล็กนิดเดียว ถ้าหากนอนสองคนละก็ คงอึดอัดน่าดู แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เขาเลยพูดเบา ๆ ไปว่า “นอนด้วยกันนี่แหละ”
“นายกลับไปเถอะ! ที่นี่ฉันจะเฝ้าเอง อีกอย่างเตียงเล็กแบบนั้น นายนอนด้วยคงไม่สบายตัว!” เธอคิดจะใช้โอกาสนี้ ไม่ยอมกลับบ้าน!
“ฉันก็เป็นห่วงพอ ๆ กับเธอนั่นแหละ ไม่มีทางไปไหนแน่ ๆ” ถ้าจะให้ทิ้งพวกเขาสามคนไว้ที่นี่ แล้วเขาจะเป็นพ่อคนได้ยังไงกัน
“ไม่ไปก็ได้ แต่นายไปนอนที่อื่นก็แล้วกัน!” อันโหรวชี้เส้นทางไปที่เขาอย่างชัดเจน เตียงคนเยี่ยมไข้เล็กแบบนี้พวกเขาจะนอนด้วยกันได้ยังไง
“ไม่ไป”
“นาย……” อันโหรวหันกลับไปมองที่เตียงคนเยี่ยมไข้ที่ไม่ใหญ่เท่าไรนัก ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องผู้ป่วยสักพักหนึ่งและพูดไปว่า “งั้นนายก็นอนที่เตียง ส่วนฉันจะนอนที่โซฟาก็แล้วกัน”
“นอนเตียงด้วยกันนี่แหละ” ไม่มีทางที่เขาจะนอนหลับได้แน่ อีกอย่างเขาเองก็คิดอยากจะนอนกับเธอด้วย
เห็นทีคงต้องกอดเธอไว้เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ออกไปไหน คืนนี้ต่อให้ต้องนอนอย่างอึดอัดก็ถือว่าไม่ได้แย่เท่าไรนัก
อันโหรวแทบจะจนปัญญา ทำได้เพียงแค่ยืนมองเขา
ในช่วงตอนเย็นทั้งสองคนนอนกอดกันอย่างเหนียวแน่น เธอหลับตาลง ข้าง ๆ ตัวเต็มไปด้วยลมหายใจของเขา ถึงแม้จะดูเบาใจเล็กน้อย แต่จู่ ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหนึ่ง……….
“นอนเถอะ! พวกเขาจะต้องไม่เป็นอะไรแน่” ไว้พวกเขาฟื้นขึ้นมาเขาจะเรียกเธอเอง
คำพูดที่ดังเข้าไปในหูของเธอ ฟังดูแล้วราวกับมีเวทมนตร์ มันทำให้เธอหลับตาลงจริง ๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างเงียบ ๆ
เธอแทบไม่ฝันตลอดทั้งคืน
จนในที่สุดก็ถูกเสียงของหน่วนหน่วนปลุกขึ้นมา
“เจ็บ…………”
เพียงได้ยินเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นมา เธอก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วไปหาทันที คนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างจิ่งเป่ยเฉินก็ทำแบบเดียวกัน ตอนแรกเขากำลังนอนหลับอยู่ เพียงได้ยินเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของโหรวโหรวก็ชวนให้เขาหลับตามไปเช่นกัน
อันโหรวเดินไปที่เตียงของหน่วนหน่วน ก่อนจะก้มลงมองไปที่เธอ หัวใจของเธอในตอนนี้รู้สึกวุ่นวายเป็นอย่างมาก “หน่วนหน่วน แม่จ๋าอยู่ที่นี่แล้วลูก!”
“เอายาแก้ปวดไหมลูก เจ็บตรงไหนไหมคะ?” อันโหรวเงยหน้าขึ้นไปมองที่จิ่งเป่ยเฉินทันที
“ถ้าฉีดยาเธอน่าจะกลัว กินยาก็แล้วกัน!” จิ่งเป่ยเฉินพูดขึ้นทันที
“แม่จ๋า…..” ใบหน้าน้อย ๆ ของหน่วนหน่วนมองไปที่เธอด้วยความเจ็บปวด “พี่ชายอยู่ไหนคะ?”
“พี่อยู่นี่!” อันโหรวหันหน้าไปมองหยางหยาง ก็พบว่าหยางหยางตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน
“หยางหยาง ลูกเจ็บบ้างหรือเปล่า? กินยาหน่อยไหม จะได้ดีขึ้น?” อันโหรวยังคงจับมือหน่วนหน่วนโดยไม่คิดจะปล่อยไปไหน ในตอนนี้เมื่อเห็นหยางหยางตื่นขึ้นมา หัวใจที่หนักอึ้งของเธอก็เริ่มที่จะผ่อนคลายลง
หยางหยางส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่เจ็บครับ”
เขาเป็นผู้ชาย ความเจ็บปวดแค่นี้เขารับมันได้อยู่แล้ว
ไม่นานหมอก็เข้ามาฉีดยาให้พวกเขา หยางหยางและหน่วนหน่วนล้วนดีขึ้นกว่าเดิมมาก อันโหรวรู้สึกเจ็บปวดแทนพวกเขาขึ้นมา การได้เห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ หัวใจของเธอก็ราวกับถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ
อันโหรวดูแลพวกเขาทั้งสองคนจนกระทั่งพวกเขาผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ในที่สุดครั้งนี้เธอก็ได้ผ่อนคลายลงเสียที ก่อนจะถูกจิ่งเป่ยเฉินเรียกให้มาหาอะไรกินรองท้องก่อน
เมื่อตอนเช้ามาถึงพวกเขาก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง จิ่งเป่ยเฉินได้รับข้อความจากฉีเซิ่งเทียนว่าเหลียวเว่ยหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
แต่ไม่ว่าเธอคนนั้นจะหนีไปไหน ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องจับกลับมาให้ได้!
“นายควรไปที่บริษัทนะ!” หลังจากกินข้าวเสร็จ นี่ก็เป็นเวลากว่าสิบโมงเช้าแล้ว
“ไม่ไป”
พวกเขายังอยู่กันที่นี่ แล้วจะให้เขาจากไปได้ยังไง
“ช่วงนี้บริษัทมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะนะ” อันโหรวพูดออกมาอย่างช้า ๆ
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” ไม่ว่าจะเยอะแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าพวกเขาหรอก
ไม่นานหลังจากที่ฉีเซิ่งเทียนมาถึง ภายในมือของฉีเซิ่งเทียนนั้นถือโน้ตบุ๊กมาด้วย เมื่อเห็นหยางหยางกับหน่วนหน่วนยังคงนอนหลับอยู่ เขาก็เอ่ยเสียงเบา ๆ ว่า “พี่เฉิน ใจเย็นลงบ้างนะ เดี๋ยวเรื่องพวกเขาฉันจะช่วยดูแลให้เอง”
“รบกวนนายแล้วจริง ๆ” อันโหรวเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“พี่สะใภ้ เรื่องพวกนี้ฉันสมควรทำต่างหาก” ฉีเซิ่งเทียนยื่นมือออกมาทำท่า OK ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูและออกจากห้องผู้ป่วยไป
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินมานั่งที่โซฟา ก่อนจะหยิบโน้ตบุ๊กมาวางไว้บนตัก ตอนนี้เขาค่อย ๆ บรรจงกดไปที่แป้นพิมพ์อย่างช้า ๆ
อันโหรวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยเบาใจ
เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นกับหยางหยางและหน่วนหน่วน ตอนนี้เธอยังไม่เอ่ยถามเลยสักคำ แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ที่ฉีเซิ่งเทียนพูดออกมามันน่าสงสัยไม่ใช่น้อย
ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ
จู่ ๆ อันโหรวก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เหอเหมียวเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่าสำหรับตัวเธอนั้นถูกจับตามองดูอยู่ คงไม่ใช่ฝีมือของเธอที่จะมาทำเรื่องพวกนี้
หรือว่าจะเป็นโอวหยางลี่?
แต่เขาคงไม่มีทางทำเรื่องบ้าขนาดนี้แน่ ๆ
ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นเหลียวเว่ย เพราะตั้งแต่ก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังคงเกลียดตัวของเธออยู่ ยิ่งตอนนี้เธอได้หย่ากับโอวหยางลี่ไปแล้วด้วย การจะมีความคิดบ้า ๆ แบบนี้ก็ไม่แน่เสมอไปเช่นกัน
จะเป็นฝีมือของเธอหรือเปล่านะ?
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขาอย่างจริงจัง เธอก็อดที่จะอยากเอ่ยปากถามไม่ได้ ก่อนจะเงียบไปอยู่สักพักหนึ่ง
“อยากจะรู้อะไรงั้นเหรอ?” พอเงียบไปสักพักหนึ่ง จิ่งเป่ยเฉินก็ได้พูดออกมา
“ความจริง”
จิ่งเป่ยเฉินกวักมือเรียกให้เธอมานั่งด้วย
อันโหรวมองดูหยางหยางและหน่วนหน่วน ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ และนั่งลงทันที เมื่อเธอนั่งเรียบร้อยก็ถูกเขาดึงเข้ามาในอ้อมแขน เธอเอียงศีรษะก่อนจะเห็นเส้นสีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลืองที่สลับขึ้นลงไปมาอยู่บนหน้าจอ
สิ่งที่เธอเห็นพวกนี้มันคือกราฟตลาดหุ้น ซึ่งตัวเธอมองดูแล้วก็ไม่เข้าใจ
จิ่งเป่ยเฉินโอบตัวเธอไว้ ก่อนจะเอียงศีรษะแนบชิดติดกับแก้มของเธอ เขารู้สึกเบาสบายมาก “แน่ใจนะว่าอยากรู้?”
“อยาก!”
“งั้นเธอก็บอกฉันก่อนว่าก่อนหน้านั้นทำไมเธอถึงโกรธ?” เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าประจำเดือนมาแล้วเธอจะอารมณ์ไม่ดีขนาดนั้น
ทันทีที่เธอได้ยินก็เริ่มคิดว่าจู่ ๆ เขาก็คิดอยากจะเปลี่ยนเป็นคำถามแล้วอย่างนั้นเหรอ?
มีผู้ชายแบบนี้ด้วย?
“ถ้านายไม่ยอมบอก ฉันถามฉีเซิ่งเทียนก็ได้ ยังไงเขาก็ต้องบอก” เธอทำท่าจะลุกขึ้นและเดินออกไป
แต่ก็ถูกเขาจับตัวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน “ฉันอยู่ที่นี่ทั้งคน ยังมีหน้าไปถามผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ หือ?”
“วันก่อนเรื่องพวกนั้นฉันก็อธิบายนายไปชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ แต่นายกลับไม่เชื่อฉัน!” เธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนั้น
“ฉันควรเชื่อเธอเหรอ?” เขาก็อยากจะเชื่อเธออยู่หรอก แต่เหตุผลพวกนั้นมันไม่หนักแน่นมากพอที่จะเชื่อถือได้
“ก็ได้! จู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาตัวฉันค่อนข้างสะอาดสะอ้าน แต่ตัวนายกลับมีข่าวซุบซิบนินทาอยู่เต็มไปหมด ซึ่งมันดูแล้วน่าหงุดหงิดมาก ๆ แถมเป็นช่วงประจำเดือนมาอีก มันเลยหงุดหงิดอย่างอดไม่ได้ มันโกรธแบบมาก ๆ” เธอพูดโกหกแบบกึ่ง ๆ เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องพวกนี้
แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับทำท่าตกใจ “ฉันจำได้ว่าข่าวซุบซิบพวกนั้น ฉันเองก็อธิบายไปอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
แต่เธอยังคงฝืนและดิ้นรนอีกครั้ง
“ฉันรู้ว่านายอธิบายเข้าใจหมดแล้ว แต่ช่วงนี้พวกเรามีข่าวซุบซิบเยอะแยะไปหมด ก่อนหน้านั้นพวกนักข่าวก็ขุดข่าวผู้หญิงของนายมาเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะผู้หญิงสวยที่หน้าอกใหญ่โตอย่างลูซี่นั่น! เห็นมาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับมีน้ำตาตกในเพราะนายไม่ต้องการเธอแล้วอีกต่างหาก! แบบนี้มันน่าสงสารจนโมโห……” ถึงแม้เธอจะโกหกเขาไปบ้าง แต่สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นก็เป็นความจริงบางส่วน
“ลูซี่?” เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ภายในหัวของเขาไม่มีลูซี่อยู่เลยสักนิดเดียว
“โชคดีที่สภาวะจดจำใบหน้าของนายไม่ได้ส่งต่อไปยังหยางหยาง ไม่อย่างนั้นฉันก็คงเป็นห่วงเขาแน่ ๆ” หยางหยางสามารถแยกแยะผู้หญิงที่เขารู้จักได้เป็นอย่างดี
“ฉันไม่ได้มีสภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้หรอก แต่แค่ไม่อยากจะจดจำพวกเขาต่างหาก แค่คนเดินผ่านไปผ่านมา ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในหัวของฉันด้วยซ้ำไป” เขาคิดอย่างจริงจังและพูดต่อว่า “ฉันยังจำเธอได้อย่างแม่นยำ ก่อนหน้านั้นที่ฉันโทรหาถังซั่วแล้วมีเสียงของเธอแทรกเข้ามา ฉันก็ยังจำได้”
“ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเธอคนนั้นพูดทั้งน้ำตาออกมา ที่แท้ก็คิดอยากจะกลับมานี่เอง!” เธอพูดอะไรแบบนั้นจริง ๆ แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เธอก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของลูซี่!
เขาเค้นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
อันโหรวชำเหลืองสายตามองไปที่เขา “แล้วความจริง? ฉันอยากจะรู้ความจริง ทำไมนายยังไม่ยอมพูดสักทีเนี่ย!?”
Comments