อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 540 ตอบแทนด้วยร่างกาย / 541 มองพลาดเอง

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 540 ตอบแทนด้วยร่างกาย / 541 มองพลาดเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 540 ตอบแทนด้วยร่างกาย / ตอนที่ 541 มองพลาดเอง

ตอนที่ 540 ตอบแทนด้วยร่างกาย

ทั้งสองคนมุ่งหน้าต่อ

ตอนนี้มู่เถาเยาเป็นคนขับ

ความสนใจของตี้อู๋เปียนกลับไม่ได้อยู่ที่นอกหน้าต่าง แต่เขาหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายคนขับบ่อยๆ คอยป้อนขนมเข้าปากเธอ

“พี่สามกินเถอะ อย่ารบกวนฉันขับรถ” มู่เถาเยาเอียงศีรษะ

เธอมั่นใจในฝีมือขับรถของตัวเอง เพียงแต่แอบสงสัยพฤติกรรมของตี้อู๋เปียน ขณะเดียวกันในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดนิดหน่อย…

“ไม่กินแล้วเหรอ งั้นดื่มนมหน่อยไหม”

“ไม่ล่ะ ดูข้างหน้าสิคะ พื้นที่กว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”

“อืม ดูร้างขึ้นเรื่อยๆ ไม่เห็นรถกับผู้คนเลย”

“นั่นสิคะ ความกว้างใหญ่ของทะเลทรายทำให้ทิวทัศน์เบื้องหน้าดูยิ่งใหญ่สบายตาจริงๆ”

“เม็ดทรายสีขาว กว้างใหญ่สุดขอบฟ้า แม้จะไม่มีปรากฏการณ์อะไรที่พิเศษ แต่ความกว้างใหญ่ของมันก็ชวนให้เคว้งคว้างอยู่นะ หมอกควันลอยคลุ้ง อาทิตย์คล้อยอัสดง หมอกควันไม่มี ดวงอาทิตย์ตกยังไม่ได้เห็น แต่สัมผัสได้ถึงความเงียบงันแล้ว”

มู่เถาเยามองไปไกลๆ ท้องฟ้าดุจผืนผ้าที่ถูกย้อม แต่กลับไม่มีก้อนเมฆประดับเลย

แสงแดดอันร้อนแรงก็ยังไม่อาจไล่ความเงียบงันชวนวังเวงนั้นออกไปได้

“ซาลาเปาน้อย ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ฉันชอบความครึกครื้น ถึงจะไม่ชอบไปเข้าร่วมก็เถอะ”

มู่เถาเยาเข้าใจความรู้สึกของตี้อู๋เปียน

แม้เขาจะมีคนอยู่ด้วยตลอดตั้งแต่เด็ก แต่เนื่องจากออกไปไหนไม่ได้ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย การที่เขาจะชอบหาความสนุกครึกครื้นก็ไม่แปลก

“ตอนนี้พี่สามอยากไปที่ไหนก็ไปได้แล้ว”

“ถูกต้อง ฉันหายดีแล้ว ทำหลายสิ่งหลายอย่างได้แล้ว ซาลาเปาน้อย ขอบคุณเธอมาก ฉันขอตอบแทนด้วยร่างกาย”

ตี้อู๋เปียนหัวเราะเสียงดัง

“ซาลาเปาน้อย เธอตื่นเต้นอะไร”

มู่เถาเยาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันไม่ได้ตื่นเต้น”

เธอแค่ตกใจนิดหน่อยกับคำพูดและการกระทำของตี้อู๋เปียนในช่วงหลายวันนี้

เขาคงไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ หรอกใช่ไหม

เมื่อก่อนไม่เคยคิดไปทางนั้น แต่การกระทำของเขาในช่วงหลายวันนี้มันเกินขอบเขตของเพื่อนกับญาติสนิทแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกฉงนใจ ตกกลางคืนตอนนอนเลยอดคิดเรื่องที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดไม่ได้…

“ซาลาเปาน้อย เธอจะคิดจริงก็ได้นะ” ริมฝีปากแดงของตี้อู๋เปียนมีรอยยิ้ม

“…พี่สามใช้คำไม่ถูก”

ตี้อู๋เปียนอดหัวเราะอีกครั้งไม่ได้ “งั้นสอนฉันหน่อยสิ ขอบคุณเธอมาก แล้วยังไงต่อดี”

ใบหน้าตุ๊กตาของมู่เถาเยามีความจริงจัง พูดออกมาเหมือนตะโกนคำปฏิญาณ “ฉันไม่ได้หวังผลตอบแทน”

“ไม่ตอบแทนคนที่ช่วยชีวิต แบบนั้นยังเรียกว่าคนอีกเหรอ”

มู่เถาเยาสีหน้าจริงจังกล่าวต่อ “หมอช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ค่ะ” เสียงสูงกว่าเมื่อครู่

“แต่ไม่มีหมอคนไหนทำได้ถึงขั้นเธอเลยนะ”

“คนมีความสามารถสูงย่อมทำได้มากกว่า…” มู่เถาเยาผู้มีพระคุณร่ายยาว เพื่อสยบความคิดของตี้อู๋เปียนที่อยากตอบแทนด้วยร่างกาย

ตี้อู๋เปียน “…”

ซาลาเปาน้อยมักทำให้เขาเถียงไม่ออกได้เสมอ

มู่เถาเยาเห็นเขาเงียบไปก็ลอบถอนหายใจโล่งอก

ตี้อู๋เปียนดึงกระดาษทิชชูออกมาสองแผ่นแล้วซับเหงื่อที่ผุดบนหน้าผากของเธอ

“ซาลาเปาน้อย พวกเราเหมือนเจ้าขาวปุย ไม่กลัวร้อนไม่กลัวหนาว เธอเหงื่อออกขนาดนี้เพราะกังวลเหรอ”

“เปล่าค่ะ”

มู่เถาเยาเหยียบคันเร่ง รถทะยานอย่างรวดเร็วท่ามกลางทะเลทราย

ตี้อู๋เปียนขมวดคิ้ว

ซาลาเปาน้อยทำแบบนี้เพราะไม่อยากคุยกับเขา

ก็ได้ ปล่อยให้เธอผ่อนคลายหน่อย กดดันมากๆ เดี๋ยวจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม

ตี้อู๋เปียนไม่พูดอะไรอีก หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเล่น ถ่ายทิวทัศน์บ้าง ถ่ายคนขับบ้าง

“พี่สามอย่ารบกวนฉันขับรถ” เธอถึงขั้นที่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นไม่ปกติแล้ว

“ซาลาเปาน้อย เธอมีพี่ชายสองคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีอีกคน”

“…”

ตี้อู๋เปียนอ่านเคล็ดลับการมีแฟนมามากมาย ซึ่งต่างก็ได้ผล ดังนั้นพอเขาเห็นอันไหนดีก็จำไว้ เขาเปลี่ยนไปคุยเรื่องที่เธอสนใจ “ซาลาเปาน้อย เธออยากให้ลูกของอาจารย์สามเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ได้หมด ฉันชอบหมด”

“แล้วเธออยากให้เด็กคนนั้นเรียนหมอเหมือนเธอไหม”

“แล้วแต่เขาเลยค่ะ ต่อให้เป็นเด็กธรรมดาก็ไม่เป็นไร” เธอกับเยี่ยนหังจะปกป้องเขาให้ปลอดภัยไปทั้งชีวิต

“อาจารย์สามเก่งขนาดนั้น ลูกของอาจารย์สามก็ต้องคลุกคลีกับพวกเด็กๆ ไม่มีทางธรรมดาไปได้หรอก”

มู่เถาเยาอมยิ้ม “เยี่ยนหังกับอู๋ซวงโตกว่าเสี่ยวลู่ลู่แค่สองสามปีเอง”

เยี่ยนหังน่าจะดูแลเสี่ยวลู่ลู่ได้ดีกว่าเธอ อย่างไรเสียเยี่ยนหังก็ต้องอยู่ในกลุ่มเด็ก

พวกเด็กๆ ต่างก็ชอบเล่นกับเด็กด้วยกัน เสี่ยวลู่ลู่ไม่มีทางเป็นเหมือนเยี่ยนหังที่มีความพิเศษ

“ซาลาเปาน้อย เธอจับคู่หมั้นหมายให้เยี่ยนหังหรืออู๋ซวงได้เลยนะ”

มู่เถาเยาชะงัก ทันใดนั้นก็นึกถึงเป่ยหลี

ถ้าเสี่ยวลู่ลู่เป็นผู้หญิงจะใช่เป่ยหลีหรือเปล่านะ

แต่ชื่อของเธอ อา อาจารย์ เยี่ยนหัง ล้วนพ้องเสียงกับชื่อในชาติที่แล้ว เป่ยหลีมาก็ต้องแซ่ตี้อู่

ไม่คาดหวังดีกว่า จะได้ไม่ผิดหวัง

“ซาลาเปาน้อย?”

“อืม ฉันกำลังนึกถึงความเป็นไปได้ จับหมั้นหมายแต่เด็กมันดูละครไปหน่อย ให้พวกเขามีความรักอย่างอิสระดีกว่าค่ะ”

แต่เธอตัดสินใจแล้ว รอเสี่ยวลู่ลู่เกิดจะเปิดละครราชวงศ์เทียนเย่ว์ให้ดู พิสูจน์ว่าใช่เป่ยหลีไหม แค่นี้ก็รู้ได้แล้ว

ตี้อู๋เปียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เขาก็แค่ถามเรื่อยเปื่อย ทำไมซาลาเปาน้อยต้องคิดจริงจังนานขนาดนั้นด้วย!

ตอนที่ 541 มองพลาดเอง

ตลอดทางหยุดบ้างเคลื่อนบ้าง เวลาประมาณหกโมงเย็นก็จอดแวะพักอีกครั้ง

ครั้งนี้จะจอดนานหน่อย เพราะต้องการดูดวงอาทิตย์ตก

ดวงอาทิตย์ตกประมาณหนึ่งทุ่ม

ทั้งสองคนนั่งดื่มน้ำกินอะไรบนรถนิดหน่อยแล้วถึงลงจากรถ

บริเวณรอบๆ มีรถและผู้คนบ้างประปราย เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับจุดแวะพัก

ที่จุดแวะพักยังมีจุดสำหรับจอดรถค้างคืน

คนที่จะเข้าสู่เขตไร้ผู้คนหรือที่ราบทุ่งหญ้าจะมาจอดค้างคืนกันที่นี่ วันรุ่งขึ้นหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นค่อยเดินทางต่อ

หญิงวัยกลางคนใบหน้าดูอายุราวสี่สิบกว่าห้าสิบ บุคลิกดี เดินเข้ามายิ้มถาม “แม่หนู จะไปที่ราบทุ่งหญ้ากันเหรอ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ใช่ค่ะคุณป้า คุณป้าดูเหนื่อยๆ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”

หญิงคนนั้นส่ายมือ “ไม่มีจ้ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อย พวกเราอ้อมทะเลทรายเดินทางมาหลายวัน เสียดายไม่กล้าใช้น้ำเยอะ ก็เลยดูสภาพมอมแมมแบบนี้ เดี๋ยวไปถึงจุดแวะพัก ป้ากับสามีว่าจะพักสักสองวันค่อยเดินทางต่อ”

“คุณป้าออกมานานแล้วใช่ไหมคะ” คนที่เพิ่งออกมาเที่ยววันสองวันไม่ค่อยดูเหนื่อยแบบนี้

“จ้ะ ป้ากับสามีเกษียณตอนเดือนพฤษภา เดือนมิถุนาก็ออกเที่ยวกันเลย สามเดือนแล้วจ้ะ”

มู่เถาเยาหันไปมองผู้ชายที่กำลังคุยกับตี้อู๋เปียนแล้วหันกลับมา “คุณป้ากับคุณลุงยังดูอ่อนเยาว์กันอยู่เลยนะคะ”

“พวกเราหกสิบแล้วจ้ะ หลานชายก็แปดขวบแล้ว ที่บ้านไม่มีเรื่องอะไรให้พวกเราช่วยแล้วก็เลยออกมาเที่ยวกัน ดูธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของประเทศเหยียนหวงของพวกเรา”

“ตอนยังเดินไหวไปเที่ยวให้หลายๆ ที่ แบบนี้ดีเลยนะคะ”

หญิงสูงวัยพยักหน้า ยิ้มกว้างเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง

“แม่หนู เราสองคนก็ใจกล้ากันมากเลยนะ กล้าขับรถมาไกลกันขนาดนี้เลยเหรอ” เด็กสองคนนี้ยังเหมือนเป็นนักศึกษาอยู่เลย

“ถึงตอนนี้จะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว แต่ถนนเส้นนี้ก็ปลอดภัยมากค่ะ”

“จริงจ้ะ ที่นี่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเต็มรูปแบบแล้ว พวกหนูมาเที่ยวฉลองเรียนจบเหรอจ๊ะ”

ถ้ายังเป็นนักศึกษา เวลานี้ควรจะอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาหน้าเด็ก ดูเหมือนเป็นนักศึกษา น่าจะเพิ่งเรียนจบ

“หนูเรียนจบตั้งแต่ปีก่อนแล้วค่ะคุณป้า ครั้งนี้ออกมาเที่ยวเป็นเพื่อนพี่ชายค่ะ”

“ไอ๊หยา เป็นพี่น้องกันหรอกเหรอ ป้าคิดว่าเป็นแฟนกันเสียอีก ป้ามองพลาดไป”

มู่เถาเยา “…”

“ป้าชื่อจางผิงผิงนะ สามีป้าชื่อลู่ทง หนูชื่ออะไรล่ะ” จางผิงผิงคุยเก่งมาก

“ป้าจางเรียกหนูว่าเสี่ยวมู่ก็ได้ค่ะ”

“ได้จ้ะเสี่ยวมู่ หนูกับแฟน…อ๊ะ พูดผิด หนูกับพี่ชายกินอะไรกันหรือยัง พวกป้าเอาของมากันเยอะเลย กินหน่อยไหม จริงสิ พวกเราขับรถบ้านมากัน บนนั้นมีห้องน้ำด้วย ถ้าอยากใช้ก็ไปใช้ได้นะ”

จางผิงผิงชี้รถบ้านขนาดเล็กด้านหน้าที่เดิมทีสีขาวแต่เปื้อนทรายจนคล้ายสีเหลือง

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ขอบคุณค่ะป้าจาง พวกเราพกอาหารมาด้วยค่ะ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ห้องน้ำ ไว้ถึงจุดแวะพักค่อยว่ากันค่ะ”

ก็เพราะรู้ว่าเส้นทางนี้หาห้องน้ำเข้าลำบาก พวกเขาจึงกินค่อนข้างน้อย ดื่มน้ำไม่มาก แต่ทะเลทรายอุณหภูมิสูง แถมพวกเขายังควบคุมปริมาณการกิน จึงไม่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย

“จ้ะ ถ้าอยากใช้ก็บอกได้เลยนะ”

“ขอบคุณค่ะป้าจาง”

“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”

ตี้อู๋เปียนกับลู่ทงสามีของจางผิงผิงเดินเข้ามาในเวลานี้

“ซาลาเปาน้อย ดวงอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว พวกเราไปหาทำเลกันก่อนเถอะ”

“พวกเราไปด้วยกัน จะได้ผลัดกันช่วยถ่ายรูปคู่ด้วย ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง” จางผิงผิงพูดด้วยความกระตือรือร้น

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไม่ได้ปฏิเสธที่คู่สามีภรรยาสูงวัยขอไปด้วย

ทั้งสี่คนเดินดูรอบๆ ก็ได้จุดที่เหมาะจะรอดวงอาทิตย์ตกดิน

ตี้อู๋เปียนช่างภาพส่วนตัวของมู่เถาเยากับป้าจางผิงผิงคุยกันถูกคอ เพราะทั้งสองคนคลั่งไคล้การถ่ายรูปมาก

“ซาลาเปาน้อย มานี่เร็ว ให้คุณป้าช่วยถ่ายรูปคู่ให้พวกเรา”

หุ่นกระบอกมู่เถาเยาแอบปฏิเสธในใจ แต่กลับต้องเข้าไปร่วม ทั้งยังทำท่าทางตามแบบฉบับของการถ่ายรูปตามที่จางผิงผิงสั่ง

หลังจากถ่ายเสร็จตี้อู๋เปียนก็รับกล้องของตัวเองมาจากมือจางผิงผิง พอดูรูปในนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ซาลาเปาน้อย เธอเก่งทุกอย่าง แต่มาตกม้าตายตอนถ่ายรูป” ตี้อู๋เปียนยื่นกล้องให้มู่เถาเยาดูภาพ ‘น่าเกลียด’ ของตัวเอง

มู่เถาเยาเลื่อนดูรูปถ่าย

ท่าที่เธอโพสต์ดูแข็งทื่อมาก สีหน้าก็ไม่เป็นธรรมชาติ

“แม่หนูหน้าตาดีขนาดนี้ ทำไมถ่ายรูปไม่ขึ้นกล้องเลยนะ” จางผิงผิงก็รู้สึกขำ

ตี้อู๋เปียนอธิบาย “ไม่ใช่ว่าเธอไม่ขึ้นกล้องหรอกครับ แต่ไม่ยอมถ่ายรูปต่างหาก”

ภาพที่เขาถ่ายได้มีแต่สวยๆ ทั้งนั้น! แถมยังได้รับคำชมจากญาติๆ เพื่อนๆ มากมาย!

แต่แบบนี้ก็น่ารักดี ควรค่าเซฟเก็บไว้

จางผิงผิงได้ฟังก็ตกใจมาก “สวยขนาดนี้ไม่ชอบถ่ายรูปเหรอ”

สมัยนี้มีเด็กสาวคนไหนบ้างไม่ชอบแต่งตัวสวยๆ แล้วถ่ายรูปเยอะๆ เอาไว้ดู

เสี่ยวมู่ไม่แต่งหน้าแต่งตายังไม่เท่าไร แต่ยังไม่ชอบถ่ายรูปด้วยอย่างนั้นเหรอ จางผิงผิงไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ

ทั้งสี่คนพูดคุยเรื่อยเปื่อย ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ตกดิน

หลังจากดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้วจางผิงผิงก็พูดอย่างปลงๆ เล็กน้อย “ดวงอาทิตย์ตกฝั่งทะเลทรายขาวดำสวยสู้ฝั่งทะเลทรายเหลืองแดงไม่ได้ แต่ก็งดงามมากเหมือนกัน”

ลู่ทงพูดต่อจากภรรยาตัวเอง “ถ้าพูดถึงดวงอาทิตย์ขึ้นดวงอาทิตย์ตก ดูที่ทะเลจะได้บรรยากาศกว่า”

“แต่ดวงอาทิตย์ตกของทะเลที่ดูดกลืนทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สวยที่สุดแล้ว เสี่ยวมู่กับพี่ชายเคยดูดวงอาทิตย์ขึ้นกับตกที่ทะเลไหม”

ทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกัน

นั่งคุยกันอีกสักพักทั้งสี่คนถึงแยกย้ายกลับรถตัวเอง มุ่งหน้าสู่จุดแวะพัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด