อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 545 ลูกสาวแห่งชาติ / 546 ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 545 ลูกสาวแห่งชาติ / 546 ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 545 ลูกสาวแห่งชาติ / ตอนที่ 546 ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล

ตอนที่ 545 ลูกสาวแห่งชาติ

เมื่อออกเดินทางอีกครั้งฟ้าก็มืดสนิทแล้ว มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพักผ่อน

ประมาณสามชั่วโมงต่อมา รถก็จอดเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง

เวลานี้ท้องฟ้าสว่างพร่างพราวไปด้วยดวงดาว คล้ายเวลากลางวัน

ไม่มีรถคันอื่น และก็ไม่เห็นสัตว์ป่าชนิดไหน พวกเขาลงจากรถไปยืดเส้นยืดสาย

ดีที่เขตไร้ผู้คนแห่งนี้ไม่ใช่ที่ราบสูง ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะลงจากรถภายใต้สภาพอากาศติดลบยี่สิบสามสิบองศา ขนาดอยู่ในรถอุณหภูมิก็ยังลงอย่างรวดเร็ว เว้นเสียแต่จะเปิดฮีทเตอร์ การจอดรถพักผ่อนไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดสักเท่าไร

“เสี่ยวมู่ อู๋เปียน ทำไมไม่ใส่เสื้อกันหนาวกันล่ะ ถึงตอนนี้จะแค่ฤดูใบไม้ร่วง แต่ยิ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือก็ยิ่งหนาว ตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะสิบองศาหรือเปล่า อย่าป่วยตอนเดินทางเชียวนา! ไม่ใช่แค่เที่ยวไม่สนุก หาหมอก็ลำบาก!”

สองสามีภรรยาเอาเสื้อกันหนาวขนเป็ดมาใส่แล้ว

มู่เถาเยายิ้มพูด “ป้าจางคะ พวกเราฝึกต่อสู้ร่างกายค่อนข้างแข็งแรง ตอนนี้ไม่รู้สึกหนาว หนูเป็นหมอด้วย รู้จักดูแลตัวเองค่ะ”

“งั้นก็ดีจ้ะ”

ลู่ทงพูดด้วยความชื่นชม “หนุ่มสาวนี่ดีจังนะ เลือดร้อนพลังเยอะ ทนหนาวเก่งด้วย ลุงเคยเป็นตำรวจป่าไม้ ไม่เคยแอบอู้เรื่องออกกำลังแม้แต่วันเดียว ตอนนี้อายุเยอะแล้ว สู้พวกหนุ่มสาวไม่ได้แล้ว”

“คุณลุงคุณป้าคะ หนูมีสูตรบำรุงสุขภาพ ไว้ถึงโรงแรมแล้วจะเขียนให้นะคะ”

ไม่มีการฝังเข็ม ไม่มีวัตถุดิบล้ำค่า พวกเขาก็ไม่มีทางดูแลตัวเองได้ถึงขั้นอาจารย์ของเธอ แต่อย่างน้อยก็แข็งแรงกว่าคนธรรมดาได้

จางผิงผิงพูดด้วยความดีใจ “ขอบใจนะเสี่ยวมู่ ตอนนี้ป้ากับลุงรักษาสุขภาพมาก ข้อแรกเพราะอยากให้สุขภาพดีกว่าเดิม จะได้ออกไปเที่ยวได้เยอะๆ เมื่อก่อนพวกเรางานยุ่งมาก ขนาดวันหยุดก็ยังต้องไปทำงานบ่อยๆ เลยไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหน ข้อสอง ถ้าคนแก่สุขภาพดีก็จะไม่เป็นปัญหาให้ลูกๆ”

คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมกลัวจะเป็นภาระให้ลูก

“พออายุเยอะจำเป็นต้องให้ลูกดูแลก็เรื่องปกติค่ะ เหมือนกับที่พ่อแม่เลี้ยงลูกมาจนโต ยินดีทำด้วยความเต็มใจ คุณลุงคุณป้าอย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ หนูชอบดูแลผู้ใหญ่ ไม่ว่าสุขภาพของพวกเขาจะดีหรือไม่ดีก็ตามค่ะ”

อันที่จริงเธอก็รู้ว่าคนสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่ไม่อยากเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ชีวิตมีความเครียดสูง แบกรับภาระหนักเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นผ่อนบ้าน ค่าเลี้ยงดูลูก ค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น งานยุ่งเสียจนแทบไม่มีเวลานอน จึงไม่มีความอดทนที่จะมานั่งฟังพ่อแม่บ่นเท่าไร…

แต่เวลานี้ไม่จำเป็นต้องพูดละเอียดขนาดนั้น จางผิงผิงกับลู่ทงอยู่มาแล้วหกสิบปี ไม่มีทางไม่รู้ความจนปัญญาในชีวิตความเป็นจริง แต่คนเป็นพ่อแม่มักคิดเยอะเรื่องลูก กลัวจะเป็นตัวถ่วงให้ลูก

พ่อแม่รักลูก ดุจท้องทะเลที่ลึกและกว้างใหญ่

ลูกรักพ่อแม่ พูดได้เพียงว่าดุจลำธาร…เพราะลูกยังมีภรรยาหรือสามี มีลูกที่ต้องแบ่งปันความรักไปให้

พอได้ยินมู่เถาเยาพูดแบบนี้ จางผิงผิงก็ยิ้มเสียจนรอยตีนกาขึ้นชัด

แต่ก็ยังสวยมาก!

ตี้อู๋เปียนยื่นกล้องส่องทางไกลให้มู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย ทางช้างเผือกสว่างมาก ลองดูสิ”

มู่เถาเยามองผ่านกล้อง เห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มทั่วท้องฟ้ายามราตรี และยังมีทางช้างเผือกที่สว่างพร่างพราวเป็นทางโค้งคล้ายสายรุ้ง

ดวงดาวบนท้องฟ้าจัดเรียงตัวได้สวยงามมาก

มู่เถาเยาเคยเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าที่งดงามมามากมาย เคยเห็นแสงออโรร่า แต่ดวงดาวในเขตไร้ผู้คนนี้ไม่แพ้จุดชมดาวยอดนิยมที่โด่งดังในเน็ตเลยสักนิด

ที่ไหนที่คนยิ่งน้อย ทัศนียภาพก็ยิ่งสวยงาม

มู่เถาเยาดื่มด่ำกับดวงดาวบนท้องฟ้าสักพักก็ส่งกล้องส่องทางไกลให้จางผิงผิง

สองสามีภรรยาเห็นทางช้างเผือกก็ตื่นเต้นกันมาก

จางผิงผิงพยายามอดกลั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงกรี๊ด เพราะเดี๋ยวสัตว์ป่าจะมา

ทั้งสี่คนอยู่ภายใต้ดวงดาวอันงดงามประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ได้ยินเสียงสัตว์กำลังวิ่งมาทางนี้ ครั้นแล้วจึงเรียกทั้งสองคนขึ้นรถ

“เสี่ยวมู่ ตีสองเรียกป้าตื่นนะ ป้าจะขับต่อให้” จางผิงผิงกำชับก่อนนอน

“ได้ค่ะคุณป้า”

จางผิงผิงขึ้นเตียงไปนอนอย่างสบายใจแล้ว

มู่เถาเยาขับรถบ้านตามหลังรถออฟโรด มุ่งหน้าภายใต้ท้องฟ้าที่สวยงามเต็มไปด้วยดวงดาว เขตไร้ผู้คนที่แสนกว้างใหญ่ อารมณ์ดีถึงขั้นที่ฮัมเพลงเบาๆ เป็นเพลงเก่าที่ผสมผสานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์กับเพลงพื้นบ้าน “ฉันเหม่อมองฟ้า จันทรางามเด่น มีกี่ความฝันที่ล่องลอยอย่างอิสระ…”

“เสี่ยวมู่ร้องเพลงเพราะจัง!”

“หนูทำป้าจางตื่นเหรอคะ”

“เปล่าจ้ะเปล่า ป้าชอบฟัง ร้องต่อสิ ไม่ส่งผลต่อป้าหรอก เดี๋ยวป้าก็หลับแล้ว”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาฮัมเพลงต่อ แต่เสียงเบากว่าเดิม

“เสี่ยวมู่ เสียงของหนูคล้ายลูกสาวป้าเลย”

“หืม เสียงหนูคล้ายลูกสาวป้าจางเหรอคะ”

“ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ หรอก ลูกสาวแห่งชาติ มู่เถาเยานักกีฬาดาวรุ่งที่ได้เหรียญทองสิบแปดเหรียญตอนเดือนกรกฎาสิงหาน่ะ จริงสิ นั่นก็จบดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู จบดอกเตอร์มหาวิทยาลัยวิศวกรรมสารสนเทศด้วยนะ…”

พอจางผิงผิงได้พูดถึงนักกีฬาดาวรุ่งก็ไม่รู้สึกง่วงแล้ว ลงจากเตียงมานั่งข้างคนขับ “เสี่ยวมู่…เอ๊ะ ชื่อของเธอก็มีคำว่ามู่ แซ่มู่หรือว่า…”

“หนูแซ่มู่ ชื่อมู่เถาเยาค่ะ”

“หา ชื่อเหมือนกันด้วยเหรอ หรือว่าชื่อมู่เถาเยามันเพราะมาก หลายคนก็เลยเอาไปตั้ง เอ๊ะ แต่ลูกสาวเราก็อายุยี่สิบสองนะ…”

จางผิงผิงมองใบหน้าด้านข้างของมู่เถาเยาที่กำลังขับรถพลางครุ่นคิด

ตอนที่ 546 ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล

มู่เถาเยาหันไปมองจางผิงผิงแล้วหันกลับไปมองด้านหน้า ยิ้มตาโค้งพลางพูด “ป้าจางคะ หนูก็คือลูกสาวที่ป้าจางพูดถึงค่ะ”

“หา…เธอคือ…ไม่ถูกสิ ลูกสาวไม่ได้หน้าตาแบบนี้…”

อันที่จริงเธอก็รู้สึกอยู่ก่อนแล้วว่ารูปร่างคล้ายกันมาก แต่ใบหน้าไม่เหมือนกัน เลยไม่ได้คิดไปทางนั้น

จางผิงผิงเบิกตาโพลง ถามเหมือนคนติดอ่าง “เธอๆๆ…ใช่ลูกสาว…จริงๆ เหรอ”

“ถ้าคุณป้าหมายถึงคนที่ร่วมแข่งขันกีฬาระดับโลกคนนั้นก็ใช่แล้วค่ะ”

“กรี๊ดดด…”

มู่เถาเยาหัวเราะเบาๆ

ป้าจางผิงผิงในวัยหกสิบปีช่างน่ารักเสียจริง เหมือนสาววัยรุ่นเลย

นี่ก็น่าจะเกี่ยวกับอาชีพที่เธอเคยทำ

เธอเคยเป็นครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล

“พอเข้าพักในโรงแรมหนูจะล้างออกให้ดูนะคะ คุณป้าจะได้พิสูจน์ว่าใช่ตัวจริงไหม”

“อ้อๆ…จ้ะ…” ตอนนี้จางผิงผิงเชื่อแล้ว

แต่เธอก็อยากเห็นใบหน้าลูกสาวแห่งชาติ จึงไม่ปฏิเสธ

“เอ่อ…เสี่ยวมู่ เมื่อกี้เธอพูดว่าแปลงโฉม ไม่ใช่แต่งหน้า”

เธอมองออก ใบหน้าที่แสนงดงามนี้ไม่มีร่องรอยการแต่งหน้าเลยสักนิด แต่ไม่มีเค้าเดิมของใบหน้าหลงเหลือเลย แบบที่พ่อแม่ก็จำไม่ได้

“ค่ะ ไม่ใช่แต่งหน้า เป็นวิชาแปลงโฉมแบบโบราณค่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักวิชานี้แล้ว อย่างมากก็แค่รู้จักวิชาแปลงโฉม จากในโทรทัศน์หรือในนิยายค่ะ”

“เสี่ยวมู่มีความรู้เยอะจริงๆ !” จางผิงผิงรู้สึกนับถือมาก

มู่เถาเยายิ้ม “สิ่งที่หนูชอบมีค่อนข้างเยอะค่ะ”

“ประเด็นคือเรียนได้ดีหมดด้วย! สมองกับร่างกายของเธอเจริญเติบโตดีมากเลยนะ! อ๊ะ เธอเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวนด้วย!”

“ใช่ค่ะ”

“งั้นๆๆ…สูตรบำรุงร่างกาย…หมอเทวดาหยวน…”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ หนูก็ให้อาจารย์ใช้ด้วย แต่พวกเรายังมีฝังเข็มเพื่อชะลอวัย และก็ใช้สมุนไพรอย่างดีอีกไม่น้อย ป้าจางกับคุณลุงใช้แค่สูตรนี้จะไม่ได้ผลเท่าอาจารย์หนูนะคะ”

“ไอ๊หยา พวกเราไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น!”

พวกเขาที่เป็นคนธรรมดาจะไปเทียบกับหมอเทวดาที่ชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลกได้ยังไง!

มู่เถาเยายิ้มมุมปาก

สองสามีภรรยาคู่นี้เรียบง่าย เข้าใจโลก เป็นคนที่รู้จักพอแบบที่หาได้ยาก

“ถ้าป้าจางกับคุณลุงว่าง ลองเลือกสินค้าของหมู่บ้านเถาหยวนซานไปใช้ได้นะคะ ถึงจะแพงไปหน่อย แต่เห็นผลแน่นอนค่ะ ไม่มีทางเสียเงินเปล่า”

จางผิงผิงยิ้มกว้าง “เสี่ยวมู่ พวกเราใช้อยู่จ้ะ! นับตั้งแต่เธอมีชื่อเสียง พวกเราก็เริ่มใช้สินค้าหลากชนิดของหมู่บ้านเถาหยวนซานเลย ป้าชอบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นพิเศษ ส่วนสามีป้าชอบใบชากับเหล้ายา”

“สุขภาพของลุงลู่ดูผิวเผินแข็งแรง แต่น่าจะมีแผลหลบในอยู่นะคะ”

“ใช่จ้ะใช่ เมื่อก่อนเขาเป็นตำรวจ บาดเจ็บบ่อย เลยมีแผลหลบในสะสม พอได้กินเหล้ายาก็ดีขึ้นมาก ครั้งนี้เอาขวดเล็กมาด้วยนะ แต่เพราะต้องขับรถ ระยะนี้ก็เลยไม่ได้กิน”

“ค่ะ ไว้ถึงโรงแรมหนูจะช่วยฝังเข็มให้คุณลุง หลังจากนั้นก็กินเหล้ายาต่อเนื่อง ไม่กี่เดือนก็หายขาดแล้วค่ะ”

“เสี่ยวมู่แสนดีจริงๆ เลย!” จางผิงผิงดีใจมาก

การทำดีของพวกเขาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ได้เจอไอดอล ยังได้รับในสิ่งที่คาดไม่ถึงอีกต่างหาก

มู่เถาเยายิ้ม “ป้าจางรีบไปนอนเถอะค่ะ”

“จ้ะๆๆ เดี๋ยวป้าตื่นมาขับต่อ ตีสองต้องเรียกป้านะเสี่ยวมู่”

“ได้ค่ะ”

จางผิงผิงกลับขึ้นเตียงไปนอน

มู่เถาเยาขับรถมองไปข้างหน้า

ถนนที่ไม่มีถนนแม้จะจืดชืด แต่มีดวงดาวกับดวงจันทร์ที่แสนงดงามเป็นเพื่อน เธอก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

กะเวลาที่จางผิงผิงหลับลึก มู่เถาเยาหยิบห่อยาหลับสบายออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนไปที่ปลายเตียงโดยไม่ต้องหันกลับไปมอง

มีห่อยานี้จะทำให้จางผิงผิงหลับสบายยิ่งขึ้น ไม่ตื่นเพราะเส้นทางขรุขระได้ง่ายๆ

ถึงเวลาตีสองกว่าอย่างไม่รู้ตัว รถออฟโรดที่อยู่ข้างหน้าจอดลง มู่เถาเยาก็จอดตาม

ทั้งสองคนแง้มหน้าต่างรถเล็กน้อยเพื่อให้อากาศถ่ายเท จากนั้นก็ลงจากรถ

“ซาลาเปาน้อยเหนื่อยหรือเปล่า”

“ต่อให้พี่สามเหนื่อยฉันก็ไม่มีทางเหนื่อย” มู่เถาเยาคนซื่อตอบไปตามตรง

ตี้อู๋เปียน “…”

พูดตรงอะไรขนาดนั้น! ไว้หน้ากันบ้าง!

จำเป็นต้องเอาคำพูดที่ผู้ชายอย่างเขาสู้ผู้หญิงไม่ได้พูดติดปากขนาดนี้เลยเหรอ

“เมื่อกี้ฉันคุยกับป้าจาง บอกตัวตนไปแล้ว”

“บอกก็บอกไป ไม่ใช่เรื่องที่เปิดเผยไม่ได้เสียหน่อย ซาลาเปาน้อย ฉันถ่ายรูปให้”

มู่เถาเยาที่ปฏิเสธทุกรูขุมขน “ฉันถ่ายให้ดีกว่า รูปของพี่สามมีน้อยมาก”

แม้เธอจะไม่เคยเรียนถ่ายรูปโดยเฉพาะ แต่ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาตี้อู๋เปียนพูดเทคนิคถ่ายภาพให้ฟังตลอด ต่อให้ถ่ายสู้เขาไม่ได้ก็คงไม่ได้แย่มาก

เมื่อก่อนเวลาเธอไปเที่ยวก็แค่ถ่ายเอาง่ายๆ เพื่อส่งรูปให้เพื่อนๆ ญาติๆ ดูว่าเธอปลอดภัยดี ไม่ได้ตั้งใจศึกษาเทคนิคอย่างจริงจัง

“ได้ เธอถ่ายให้ฉันเสร็จฉันค่อยถ่ายเธอ ถึงตอนนี้จะไม่มีแสงไฟ แต่ท้องฟ้าสว่างมาก ใช้แฟลช เลนส์มุมกว้าง ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ แค่นี้ก็น่าจะได้แล้ว”

“อืม”

มู่เถาเยารับกล้องถ่ายรูปมา ถ่ายรูปที่เธอคิดว่าน่าพอใจไปหลายรูป

เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้ใช้ใบหน้าจริง รูปที่ถ่ายส่วนใหญ่จึงเป็นด้านหลัง ด้านข้างก็มีบ้าง หลักๆ คือต้องการวิวสวยๆ

ตี้อู๋เปียนจัดท่าถ่ายนางแบบมู่เถาเยาสักพักก็พูดขึ้น “ซาลาเปาน้อย พวกเราไปดูดาวบนหลังคารถกัน”

มีคนอยู่ในรถ พวกเขาไม่สะดวกไปไหนไกล กลัวจะมีอะไรมาทำสองสามีภรรยาตื่น

“อืม”

ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ แตะหลังคาเบามาก

คุยกันไปเรื่อยเปื่อยเกือบครึ่งชั่วโมงก็กลับเข้ารถ ลดกระจกลงครึ่งหนึ่ง เตรียมงีบหลับสักพัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด