อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 599 ของวิเศษต่างมีจิตวิญญาณ 600 เจาเม่ยกับเจาเอ๋อ

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 599 ของวิเศษต่างมีจิตวิญญาณ 600 เจาเม่ยกับเจาเอ๋อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 599 ของวิเศษต่างมีจิตวิญญาณ ตอนที่ 600 เจาเม่ยกับเจาเอ๋อ

ตอนที่ 599 ของวิเศษต่างมีจิตวิญญาณ

เก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้น มู่เถาเยาหยิบเข็มหางหงส์มาเริ่มฝังเข็มให้พ่อเฮ่อสี่

วิชาหุยหยางไม่เพียงแต่จะชะลอความแก่ได้ ยังใช้เป็นพื้นฐานการรักษาในหลายๆ โรคได้อีกด้วย

เพราะไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร พลังชีวิตภายในร่างกายของคนไข้ก็สู้คนที่แข็งแรงไม่ได้ ต้องเติมพลังชีวิตให้ร่างกายก่อน การฝังเข็มหรือการให้ยาในช่วงหลังจากนั้นจะได้ดูดซึมได้ง่ายขึ้น ช่วยเสริมประสิทธิภาพ

ซูเฟยหลวนมองมู่เถาเยาฝังเข็มด้วยดวงตาเป็นประกาย ยังไม่ลืมที่จะถามหยวนเหยี่ยที่อยู่ข้างๆ “อาจารย์คะ เข็มหางหงส์ดูทรงพลังมากเลยค่ะ!”

อันที่จริงไม่ว่าจะเข็มทอง เข็มเงิน หรือเข็มของสมัยนี้ที่ใช้สแตนเลสทำ ต่างก็ใช้วิธีฝังเหมือนกัน ก็แค่วัสดุต่างกันจะให้ประสิทธิภาพตามร่างกายคนไม่เหมือนกัน

แม้จะมองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่ก็สัมผัสได้

เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ แต่เป็นจิตวิญญาณที่อยู่ระหว่างฟ้าดินอย่างแท้จริง

หยวนเหยี่ยพยักหน้า “ของวิเศษมีจิตวิญญาณ ย่อมไม่เหมือนของธรรมดาทั่วไป”

นี่ก็เหมือนยุคโบราณ อาวุธวิเศษทั้งหลายปกป้องเจ้านายได้ต่างจากอาวุธทั่วไปราวฟ้ากับดิน

“ตระกูลลู่ยอมตัดใจให้ด้วยนะคะ! น่านับถือจริงๆ” น้ำเสียงของซูเฟยหลวนเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือความคาดหมายและนับถือจากใจ

“โลกมนุษย์เราก็มักจะมีคนที่น่านับถือตั้งแต่เกิดมา”

“ใช่ค่ะ ก็เหมือนอาจารย์ไงคะ! รวมถึงอาจารย์ปู่และบรรพบุรุษในรุ่นก่อนๆ ด้วย!”

อาจารย์ปู่เอาดอกไม้สองชีวิตของล้ำค่าของสำนักแพทย์โบราณไปช่วยชีวิตผู้อาวุโสของตระกูลถัง ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน ที่มากกว่าคือความเมตตาของแพทย์ หากเป็นคนอื่นอาจารย์ปู่ก็คงทำแบบเดียวกัน

ก็แค่บางคนไม่มีวาสนาได้เจอหมอเก่ง เจ็บป่วยก็ไม่ได้เจอหมอดีๆ สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิต

อย่างไรเสียหมอก็คน ทำนายไม่ได้ว่าที่ไหนมีคนป่วยที่ต้องการพวกเขา ทำได้เพียงรอพวกเขาไปหาเอง

หยวนเหยี่ยมองลูกศิษย์คนที่เจ็ด ยิ้มพูด “คนเรียนหมอน่ะ ไม่ใช่แค่ต้องมีวิชาที่แก่กล้า จะต้องมีจิตใจเมตตามีศีลธรรมด้วย มีศีลธรรมถึงจะเรียกว่าเป็นหมอที่ดี”

ซูเฟยหลวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเราจดจำอยู่ตลอดค่ะอาจารย์ ไม่กล้าลืม”

“พวกเธอเป็นเด็กดีกันทุกคน”

สองศิษย์อาจารย์กระซิบคุยกันพลางมองมู่เถาเยาฝังเข็ม

คนอื่นๆ ก็มองมู่เถาเยาฝังเข็มพลางฟังหมอเทวดาคุยกับลูกศิษย์ ยิ่งรู้สึกนับถือหมอของสำนักแพทย์โบราณยิ่งกว่าเดิม

ฝังเข็มเสร็จตี้อู๋เปียนก็รินน้ำให้มู่เถาเยา

เฮ่อสี่มองมู่เถาเยาด้วยสายตาคาดหวัง รอเธอดื่มน้ำเสร็จแล้วถึงถาม “เสี่ยวมู่ พ่อพี่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

“ใจเย็นๆ ค่ะ ฝังเข็มเมื่อครู่เป็นการปูทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยาให้ถึงขีดสุดค่ะ”

“อ่อๆ”

“ยังเหลือเวลาอีกนิดกว่าจะดึงเข็มออก พี่สะใภ้สีหน้าไม่สู้ดีเลย ฉันช่วยตรวจให้ดีกว่าค่ะ”

น่าซูถูได้ฟังก็เข้าไปจับภรรยาแล้วถาม “อาสี่ คุณไม่สบายตรงไหน”

อันที่จริงเขาก็มองออกว่าสีหน้าภรรยาไม่สู้ดีนัก แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะห่วงพ่อมากเกินไป

เฉิงอันนั่วเดินเข้าไป “ผมตรวจให้ครับอาจารย์อาเล็ก อาจารย์อาเล็กไปพักผ่อนก่อน” การใช้วิชาหุยหยางสิ้นเปลืองพลังพอสมควร

มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ ฝากด้วยนะ”

เฉิงอันนั่วจับชีพจรเสร็จก็ยิ้มให้เฮ่อสี่ “ยินดีด้วยครับ พี่ท้องได้เดือนครึ่งแล้วครับ”

เฮ่อสี่ลูบท้องโดยอัตโนมัติ

ครอบครัวเฮ่อกับน่าซูถูก็ดีใจมาก

พวกเขาอยากได้ลูกคนที่สองตั้งแต่ฮาเซินน้อยอายุได้สามขวบแล้ว ก็แค่ไม่ท้องสักที

“แต่เนื่องจากคุณแม่มีความเครียด อารมณ์เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก จึงกระทบครรภ์อยู่บ้าง ต้องประคองครรภ์ให้ดีครับ ผมจะสั่งยาให้ กินสักครึ่งเดือนก็จะดีขึ้น แต่ก็ภายใต้เงื่อนไขที่ว่านับแต่นี้ไปต้องหลีกเลี่ยงความสะเทือนอารมณ์และสิ่งที่จะกระทบต่อร่างกายนะครับ”

แม่เฮ่อสี่จับมือลูกสาวแล้วยิ้มพูด “อาสี่ เชื่อฟังหมอนะ อย่าคิดมาก”

เฮ่อฮวานที่จะได้เป็นคุณน้าหลานสอง “พี่ พ่อมีผมดูแลอยู่ พี่ดูแลตัวเองก็พอ”

น่าซูถูในฐานะที่เป็นสามีรีบพูดขึ้น “พ่อ แม่ อาฮวาน ผมจะดูแลอาสี่ให้ดี หมอเฉิงครับ ภรรยาผมต้องลาหยุดมานอนพักที่บ้านไหมครับ”

เฉิงอันนั่วตอบ “ถ้าลาได้ก็ลาสักหนึ่งอาทิตย์ครับ แต่ไม่ต้องเอาแต่นอนนานขนาดนั้น เดินเคลื่อนไหวอยู่ในบ้านบ้างก็เป็นสิ่งจำเป็นครับ”

“ได้ครับ ขอบคุณครับหมอเฉิง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมสั่งยาให้ก่อน ตอนบ่ายไปรับยาที่ร้านยาผิงคัง เริ่มกินเย็นนี้เลยนะครับ หลังอาหารหนึ่งชั่วโมง ต่อไปก็กินเช้าเย็นหลังอาหาร วันละสองครั้งครับ”

ซูเฟยหลวนพูดเตือน “แถวโรงพยาบาลผิงคังมีร้านยาผิงคังค่ะ” เป็นแบบนี้ทุกเมือง

น่าซูถูพยักหน้าหงึกๆ “ครับๆ”

เฉิงอันนั่วถือโอกาสตรวจให้แม่เฮ่อสี่ด้วย

แม่ของเฮ่อสี่ไปข้างนอกบ่อย ภายในร่างกายเย็นมาก เป็นโรคไขข้อเหมือนกัน

ผู้ชายสองคนที่รูปร่างกำยำแข็งแรงดี

เฉิงอันนั่วเขียนใบสั่งยาของแม่เฮ่อสี่ยื่นให้น่าซูถู ให้เขาไปรับยาพร้อมกัน พร้อมทั้งบอกวิธีการต้มยา

ครอบครัวเฮ่อรู้สึกขอบคุณเหลือเกิน

เฮ่อฮวานนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเคยสงสัยว่ามู่เถาเยาลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวนวินิจฉัยผิด เขารู้สึกผิดมากจึงขอโทษอีกครั้ง

หยวนเหยี่ยพูดอย่างใจดี “ลูกศิษย์คนเล็กของฉันอายุน้อยแถมยังหน้าเด็ก คนจะสงสัยก็ไม่แปลก อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”

มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า

เธอเองก็ไม่เคยโกรธที่คนอื่นไม่ไว้วางใจ

ตอนที่ 600 เจาเม่ยกับเจาเอ๋อ

ทางเฉิงอันนั่วคุยกับครอบครัวเฮ่อ ทางด้านมู่เถาเยากลับถามซูเฟยหลวน “ศิษย์พี่เจ็ดคะ รุ่ยหรานกับรุ่ยเซวียนสิบขวบแล้ว พี่จะมีลูกอีกไหมคะ”

ซูเฟยหลวนเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอ เธอยังเป็นหัวหน้าเด็กไม่หนำใจเหรอ” ศิษย์น้องเล็กกลับไปแต่ละทีเป็นต้องมีเด็กวิ่งตามเป็นพรวน

“…เปล่าค่ะ ฉันก็แค่รู้สึกว่ารุ่ยหรานกับรุ่ยเซวียนก็ไปเรียนไปใช้ชีวิตกับพวกเด็กๆ ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานได้”

หยางเค่อหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “อันที่จริงพวกเราเคยคุยกันนานแล้ว เพียงแต่อยากรอให้เด็กๆ ขึ้นม.ต้นก่อนค่อยส่งไป ผู้ใหญ่จะได้ไม่ต้องตามไปดูแล ส่วนเรื่องมีลูกอีก พอดีกว่า กลัวจะได้ลิงมาเพิ่มอีกสอง”

เลี้ยงน่ะเลี้ยงไหว แต่ไม่อยากมีลูกชายเยอะขนาดนั้น!

ตระกูลหยางของเขาผู้ชายดกมาก! หลายรุ่นแล้วที่ไม่มีเด็กผู้หญิงเลย! แถมส่วนใหญ่ยังเป็นฝาแฝดชาย!

พี่ใหญ่ของเขาไม่เชื่ออาถรรพ์ จะเอาลูกสาวให้ได้ ปรากฏว่าท้องสามออกมาก็ยังคงเป็นฝาแฝดชาย!

ตอนนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาใช้ชีวิตแบบเดี๋ยวลมพายุเดี๋ยวคลื่นสงบ จากที่เป็นคนใจเย็นอดทนอดกลั้น แต่พอมีลูกชายเป็นพรวนก็กลายเป็นพ่อสิงโตแม่เสือในทันที!

น่ากลัวมาก!

นึกถึงตอนนั้นที่ลูกชายสองคนของเขาเพิ่งเกิด เขายังอยากตั้งชื่อลูกว่าหยางเจาเม่ยกับซูเจาเอ๋อ แต่กลับถูกภรรยาคัดค้านอย่างรุนแรง สุดท้ายก็จำต้องยอมแพ้

ต่อมาพอเห็นพี่ใหญ่มีลูกท้องสองท้องสาม พวกเขาก็สยองจนไม่กล้าคิดเรื่องมีลูกอีกแล้ว!

เขากับภรรยางานยุ่งมาก ลูกสองคนได้พ่อตาแม่ยายช่วยดูแลจนเข้าเรียนชั้นประถมถึงจะปล่อยได้ พวกเขาถึงได้อยากให้ลูกโตอีกหน่อย ดูแลตัวเองได้แล้วค่อยไปหมู่บ้านเถาหยวนซาน

ตอนนี้พ่อตาแม่ยายต้องช่วยเลี้ยงลูกของน้องชายภรรยา ตามไปดูแลฝาแฝดที่หมู่บ้านเถาหยวนซานไม่ได้ พ่อแม่เขาก็ต้องดูแลเด็กหกคนบ้านพี่ใหญ่ ช่วยไม่ไหวแล้วจริงๆ

ซูเฟยหลวนพยักหน้า “ใช่ รอพวกเขาจบชั้นประถมค่อยส่งไปหมู่บ้านเถาหยวนซาน พวกเรากำลังฝึกให้พวกเขาดูแลตัวเอง ไว้ถึงตอนนั้นจะได้ไม่มีปัญหา”

หยวนเหยี่ย “งั้นไว้ถึงเวลานั้นก็ให้รุ่ยหรานกับรุ่ยเซวียนพักบ้านอาจารย์ได้”

ตี้อู๋เปียน “ห้องที่ผมเคยอยู่ยกให้พวกเขาได้ครับ เปลี่ยนเป็นเตียงสองชั้นก็ได้แล้ว” อีกสองปีเขาต้องได้แต่งงานกับซาลาเปาน้อยแล้วแน่ กลับไปก็นอนห้องเดียวกัน!

ซูเฟยหลวนพูดด้วยความดีใจ “เอาสิคะ ให้พวกเขาพักกับอาจารย์ จะได้อยู่เป็นเพื่อนอาจารย์แทนพวกเรา”

หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “ไม่ต้องห่วงอาจารย์หรอก อาจารย์อยู่หมู่บ้านเถาหยวนซานสบายดี คนทั้งหมู่บ้านคอยดูแล จะเกิดปัญหาอะไรได้”

ซูเฟยหลวนพยักหน้าจริงจัง “ค่ะ”

ก็เพราะมีคนในหมู่บ้านที่น่ารักแบบนั้น พวกเขาที่เป็นลูกศิษย์ถึงได้วางใจ

เมื่อก่อนตอนยังไม่มีศิษย์น้องเล็ก พวกเขาปรึกษากันแล้วว่าจะผลัดเปลี่ยนกันไปดูแลอาจารย์คนละปี ไม่ให้อาจารย์อยู่คนเดียว กลัวอาจารย์จะมีชีวิตวัยชราที่โดดเดี่ยว

หมู่บ้านเถาหยวนซานมีคนแก่วัยเดียวกันมากมาย แถมยังมีเด็กเยอะ อาจารย์อยู่แล้วมีความสุข พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องห่วง

มู่เถาเยาคุยไปดูเวลาไป พอได้เวลาแล้วก็เตรียมดึงเข็มออก

ครอบครัวเฮ่อกับน่าซูถูมองมู่เถาเยากับพ่อเฮ่อสี่อย่างหน้าดำคร่ำเครียด

พ่อเฮ่อสี่ตื่นเต้นมาก สีหน้าไม่สงบนิ่งแบบเมื่อก่อนแล้ว เพราะเขารู้สึกได้ว่าการฝังเข็มครั้งนี้ช่วยให้เขารู้สึกโล่งขึ้นอย่างแท้จริง

หลังจากดึงเข็มออกหมด ภายในร่างกายเหมือนถูกชำระล้าง สบายโล่งมาก มันเป็นความรู้สึกแบบที่ในช่วงหลายปีมานี้ไม่เคยได้สัมผัส!

“หมอเสี่ยวมู่ ผมรู้สึกดีมากเลย เหมือนร่างกายไม่ได้ป่วยเลยสักนิด!”

มู่เถาเยา “นี่เป็นเพียงความรู้สึกผิวเผินค่ะ คงอยู่ไม่นาน สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งยาวิเศษไปซ่อมแซมภายใน”

อันที่จริงเธอพอจะคลำทางรักษาได้แล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังใช้กับคนป่วยไม่ได้

ถ้าการฝังเข็มใช้ได้ผลมากพอก็ไม่ต้องอาศัยยารักษาโรคแล้ว

ดังนั้นเธอต้องพยายามอีก ลดอัตราการตายของการรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา

สมุนไพรล้ำค่าหาได้ยาก ต้องอาศัยวาสนาและโชคชะตาถึงจะโชคดีหาเจอ ไปคาดหวังไม่ได้

“คุณลุงคะ ลุกขึ้นมาขยับร่างกายสักสิบนาทีแล้วเดี๋ยวกินยานะคะ”

“ได้เลย”

เฉิงอันนั่วหยิบกล่องหยกใสจากกล่องยาที่พวกเขาเอามาไปวางบนโต๊ะตรงหน้ามู่เถาเยา จากนั้นก็รับเข็มหางหงส์จากมือเธอมาฆ่าเชื้อ

มู่เถาเยาหยิบกล่องหยกขึ้นมาเปิด

ผลสีม่วงเข้มที่สูญเสียน้ำขาดความมันวาว แต่รูปร่างยังไม่แห้งกรอบ ยังคงส่งกลิ่นหอมออกมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน

เฮ่อฮวานกะพริบตาปริบๆ เขาถาม “หมอเสี่ยวมู่ครับ นี่เชอร์รี่เหรอครับ” ไม่น่าจะใช่มั้ง ไม่อย่างนั้นทำไมถึงเก็บไว้ในกล่องหยกที่ราคาแสนแพง

มู่เถาเยาอธิบาย “นี่คือผลหมื่นปีในตำนานค่ะ ผลวิเศษที่ใช้เวลาหมื่นปีออกผล หมื่นปีกว่าจะสุก ช่วยชุบชีวิตคนตายได้ แต่มันก็แค่เรื่องที่เล่ากันมา ยังไม่เคยผ่านการพิสูจน์ แต่พวกเราแน่ใจแล้วว่า ต่อให้มันไม่มีสรรพคุณชุบชีวิตคนตาย ก็ไม่มีทางเป็นอันตรายต่อร่างกายคนค่ะ”

ครอบครัวเฮ่อตะลึงกันหมด รวมถึงพ่อเฮ่อสี่ที่กำลังยืดเส้นยืดสาย จะเอาของมีค่าขนาดนี้ให้เขากินเลยเหรอ

ซูเฟยหลวนมองครอบครัวเฮ่อที่ชะงักกันหมดแล้วยิ้มพูด “ศิษย์น้องของฉันได้มาโดยบังเอิญค่ะ พวกคุณดวงดีกันจริงๆ ค่ะ แต่ถ้ามันไม่ได้ผลก็ต้องยอมรับผลลัพธ์นะคะ”

พ่อเฮ่อสี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็แล้วแต่โชคชะตากำหนด พวกเรารู้สึกซาบซึ้งใจมากที่หมอเสี่ยวมู่เอาของล้ำค่าแบบนี้มาให้ผมกินทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

ตราบใดที่เป็นมนุษย์ก็ย่อมมีความเห็นแก่ตัว หมอของสำนักแพทย์โบราณทำได้ถึงขั้นนี้ก็เกินกว่าคนธรรมดาแล้ว

เขากล้าพูดได้เลยว่าบนโลกนี้มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่ยอมสละของล้ำค่าของตัวเองให้คนอื่นได้ แม้แต่ตัวเขาเอง ถ้ามีของดีก็ต้องให้คนใกล้ตัวก่อน มีเหรอจะยอมตัดใจเอาให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกันสักนิดได้

ลำพังแค่คำว่า ‘ชุบชีวิตได้’ เขามีแต่จะเอาไปซ่อนให้ดี ไม่ให้ใครจับจ้องเด็ดขาด เพราะไม่มีใครจะไม่เจ็บป่วยเลยทั้งชีวิต ตัวเองหรือคนในครอบครัวยังไงก็ต้องมีตอนที่ได้ใช้ มีเหรอจะเอาออกมา

ความเมตตาของคนสำนักแพทย์โบราณชวนให้รู้สึกนับถือมากจริงๆ

ก็ไม่แปลกที่สำนักแพทย์โบราณจะสืบต่อกันมาหลายรุ่น ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด