อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 61 เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ปาอิน

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 61 เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ปาอิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 61 เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ปาอิน

หลังมื้ออาหารเย็น ตระกูลเย่ว์ก็ส่งผู้อาวุโสสองคนของตระกูลเป่ยออกไปด้วยสีหน้าปกติ

สิ่งที่แตกต่างจากปกติคือมีเป่ยซีที่ไม่ได้ออกจากห้องมานานหลายปี เป็นแขกพิเศษอีกคนในรายชื่อนี้

คนรับใช้ของตระกูลเย่ว์ทั้งหมดได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจที่เห็นนายหญิงแต่ก็ไม่ถามอะไรมาก

เป็นข่าวดีมากที่คุณผู้หญิงสามารถออกมา ใครจะสนว่าทำไม! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ควรยุ่ง!

หลังจากส่งผู้อาวุโสสองคนของตระกูลเป่ยแล้ว คนตระกูลเย่ว์ก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่น

เย่ว์เลี่ยงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อากวง เธอมีข้อมูลติดต่อของเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไหม”

“มีครับ เดี๋ยวผมจะส่งนามบัตรของเธอเข้าไปในกลุ่มให้ทุกคนเพิ่มเพื่อน”

นั่นเป็นเหตุผลให้ทุกคนก้มหน้าดูโทรศัพท์อย่างประหม่า และเป่ยซีก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น

เธอไม่ได้จับโทรศัพท์มือถืออีกเลยตั้งแต่ป่วย ตอนนี้ก็ใช้อย่างเก้ๆ กังๆ และเธอกังวลมากจนเหงื่อออก

เย่ว์หลั่งกอดเธอแน่นอย่างปลอบโยน “เสี่ยวซี ไม่ต้องกังวล ลูกสาวของเราต้องยังไม่เห็นข้อความแน่นอน”

“แต่มันนานมากแล้วนะคะ เธอยังไม่รับเป็นเพื่อนเลย เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไม่อยากรับพวกเรารึเปล่า”

“ไม่หรอก อิ๋งเอ๋อร์ตัวน้อยของเราเป็นคนใจอ่อนและใจดีที่สุด เธอจะไม่ทอดทิ้งเราอย่างแน่นอน”

แม้ว่าทุกคนจะพยักหน้าตาม แต่พวกเขาก็กังวลเช่นกัน

เย่ว์เลี่ยงรู้จักลูกสาวของเธอดีที่สุด ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยตามเย่ว์หลั่ง และปลอบโยนเธอไปว่า “พี่สะใภ้ เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์อาจยุ่งอยู่ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเธอจะตอบกลับข้อความภายในไม่กี่วินาที ตอนนี้เธออาจจะกำลังอยู่อาบน้ำก็ได้”

เย่ว์จือกวง “แม่ครับ น้องสาวไม่ค่อยเล่นมือถือเท่าไหร่ ชอบอ่านหนังสือ”

เป่ยซีก็เข้าใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็อดคิดมากไม่ได้

เย่ว์จือเหิง “แม่ครับ น้องสาวของเราชอบอ่านหนังสือ ให้พ่อพาแม่ไปที่ห้องสมุดเลือกหนังสือหายากดีไหม เราจะได้เอาไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานด้วย น้องสาวจะได้กลับมาอ่านในตอนที่เธอหยุดปิดภาคเรียน”

เป่ยซีอยากไปหาหนังสือในตอนนั้นทันที แต่เธอก็ยังคงถือโทรศัพท์ไว้

เย่ว์จือกวง “แม่ครับ ผมจะถือโทรศัพท์ให้แม่เอง และจะไปเรียกแม่ที่ห้องสมุดทันทีถ้าน้องสาวตอบกลับมาแล้ว”

“…เอาแบบนั้นก็ได้”

เย่ว์หลั่งกอดเป่ยซีและเดินไปที่ห้องสมุดหลังห้องนั่งเล่น

หลังจากพ่อแม่ของเขาออกไปแล้ว เย่ว์จือกวงก็หันไปหาชายชราแล้วพูดว่า “ปู่ ย่า ไปเดินเล่นในสวนกันเหมือนเคยเถอะครับ วันนี้แม่ยอมออกไปแล้ว แต่เราก็จะเปลี่ยนแปลงมากเกินไปในคราวเดียวไม่ได้”

ทั้งเย่ว์จือเหิงและเย่ว์เลี่ยงพยักหน้าเห็นด้วย

แม้ว่าทุกคนในตำหนักพระจันทร์จะไว้ใจได้ แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าไม่มีใครรู้สึกสงสัยหรือไปพูดอะไรสองสามคำข้างนอกบ้าง

คนที่ไม่ตั้งใจก็จะไม่คิดมากเรื่องนี้ แต่คนที่สนใจก็จะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป

ผู้เฒ่าสองคนมอบโทรศัพท์มือถือให้หลานชายทั้งสอง ก่อนที่พวกเขาจะออกไปด้วยกัน

ในห้องนั่งเล่น นอกจากเย่ว์เลี่ยงและสองพี่น้องแล้ว มีเพียงพ่อบ้านหลานเท่านั้น

“อากวง เธอบอกว่าเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไม่เคยให้ต้องป้อนข้าว อาบน้ำ หรือพาเข้านอนเลยตั้งแต่เธออายุหนึ่งขวบจริงไหม”

“จริงครับ หมอเทวดาหยวนบอกว่าน้องสาวทำได้ตั้งแต่อายุหนึ่งขวบ ยิ่งกว่านั้นน้องสาวยังเรียนแพทย์และวรยุทธ์ตั้งแต่อายุหนึ่งขวบด้วย” เด็กส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ขนาดพูดและเดินยังทำได้ไม่คล่องเลย!

น้องสาวของเขาน่าทึ่งมาก!

“อาจารย์ของเธอจ้างครูสอนพิเศษมาสอนให้เธอที่บ้านเสมอ ทำไมเธอถึงไปโรงเรียนตอนนี้ล่ะ เธอไม่ได้บอกว่าทักษะทางการแพทย์ของเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ดีกว่าหมอเทวดาหยวนอีกเหรอ?”

“หมอเทวดาหยวนบอกว่าน้องสาวมีอารมณ์เคร่งขรึมและไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเด็ก ดังนั้นเขาจึงอยากส่งเธอไปอยู่กับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันมากขึ้น”

เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ชอบที่เรียนในตอนนี้ไหม”

“ผมเคยไปกินข้าวเย็นกับน้องสาวมาแล้วสองครั้ง รู้สึกว่าเธอค่อนข้างพอใจกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอ ผมยังได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอสองสามคน ทุกคนนิสัยดี เธอเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดีครับ”

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว” เย่ว์เลี่ยงยังกังวลว่าลูกสาวจะปรับตัวเข้ากับโลกนี้ไม่ได้

“อาครับ ผมรู้สึกว่านิสัยของน้องสาวค่อนข้างคล้ายกับคุณ” มองเผินๆ ดูเย็นชา แต่ภายในนั้นอ่อนโยนมาก

เย่ว์เลี่ยงยิ้ม “หลานสาวเหมือนอาก็เป็นธรรมดา” แน่นอนว่าลูกสาวของเธอย่อมเหมือนเธอสิ!

เย่ว์จือกวงพยักหน้า

“อากวง ครั้งหน้าฉันจะไปเย่ว์ตูกับเธอเพื่อพบเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ด้วย”

ที่จริงเธออยากเจอลูกสาวของเธอตั้งแต่ตอนนี้! แต่ทำไม่ได้!

พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของลูกสาวในชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นเธอ เธอในตอนนี้มีฐานะเป็นอาไม่สามารถข้ามหัวพวกเขาไปได้

“ดี”

อาและหลานชายทั้งสามคนปรึกษากันเรื่องงานยุ่งมากจนลืมดูโทรศัพท์ไปแล้ว

มู่เถาเยากำลังหมกมุ่นอยู่กับ ‘กายวิภาคศาสตร์คลินิก’ ที่นำกลับมาจากบ้านของตี้อู๋เปียน หนูขาวตัวเล็กของเธอ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าโทรศัพท์มือถือในห้องนอนมีข้อความเช่น ‘พ่อคือพ่อ’ และ ‘พี่คือพี่ใหญ่’ กำลังรอการยืนยันคำขอเป็นเพื่อนจากเธออย่างใจจดใจจ่อ

เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่วันนี้ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ เธอจึงมีความสุขมาก

ดังนั้น หลังจากกินข้าวเสร็จเธอจึงไปค้นหาหนังสือมาอ่านทันที จนตอนนี้ก็ยังติดอยู่ในมหาสมุทรแห่งความรู้อยู่

อา โลกนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ!

มู่เถาเยากระหายความรู้ เธออ่านหนังสือจนกระทั่งเห็นว่าถึงเวลาพักผ่อนตามปกติของเธอแล้ว

หลังจากวางหนังสือลง เธอก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องนอน แล้วเข้านอนไปโดยไม่ได้มองโทรศัพท์เลย

เธอไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อตั้งนาฬิกาปลุก เธอสามารถตื่นได้เองเมื่อถึงเวลา

เมื่อมู่เถาเยาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำให้คนตระกูลเย่ว์และตระกูลเป่ยจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยความวิตกกังวลทั้งคืน

เธอไปโรงเรียนตามปกติ

ปาอิน เพื่อนร่วมชั้นปีคนใหม่ที่น่ารักและเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นวิ่งเข้ามาหาเธอทันทีที่เห็นเธอเดินเข้าประตู

“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงไม่ตอบข้อความของฉันเมื่อคืนนี้”

“เธอส่งข้อความถึงฉันเหรอ” มู่เถาเยาผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลิกดูกระเป๋าของเธอ

“เมื่อคืนเธอไม่ได้เช็กโทรศัพท์เหรอ”

“เปล่า ฉันอ่านหนังสือที่ห้องอ่านหนังสือทันทีหลังจากกินข้าวเสร็จ ง่วงก็กลับห้องนอน ยังไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย เป็นอะไรไป เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า”

“อ้อๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันแค่อยากจะถามเธอเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์เพิ่มเติม”

มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่หน้าจอกลับดับสนิท

“แบตเตอรี่หมด”

ปาอิน “…ไม่เป็นไร ฉันคิดออกแล้วหลังจากคิดอยู่นานเมื่อคืนนี้ เสี่ยวเยาเยา ฉันเอาพาวเวอร์แบงค์มาด้วย ฉันให้เธอยืมใช้ก่อน”

มู่เถาเยาผลักมือของเธอออกไป “โทรศัพท์ของฉันไม่เหมือนของเธอ และฉันก็ไม่ได้เอาสายชาร์จมาด้วย ช่างเถอะ ฉันค่อยชาร์จหลังเลิกเรียนตอนบ่ายก็ได้ ไม่เป็นไร”

อาจารย์ทั้งสองคงไม่มีเรื่องด่วนอะไรต้องหาเธอ ถ้ามีพวกเขาก็จะไปหาอาจารย์อาเล็กเอง

ปาอิน “…” คนตระกูลเย่ว์น่าสงสารจังเลย! รอมาทั้งคืนอย่างเปล่าประโยชน์!

คุณชายรองส่งข้อความมาถามเธอเมื่อคืนนี้และขอให้เธอหาข้ออ้างเพื่อส่งข้อความถึงเสี่ยวเยาเยา แต่เธอเองก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน

เธอเกือบคิดว่าตัวเองถูกเปิดโปงแล้ว!

คาดไม่ถึงว่าความจริงจะเป็นแบบนี้!

“เสี่ยวเยาเยา เธอไม่ได้วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัวเวลาอ่านหนังสือเหรอ” ในสมัยนี้ยังมีคนขาดโทรศัพท์มือถือก็อยู่ได้อีกเหรอ

“อืม ฉันใช้มือถือไว้แค่รับสายน่ะ” และจะใช้คอมพิวเตอร์ในตอนที่ติดต่อธุรกิจ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอมีผู้จัดการที่มีความสามารถสามคน ปกติแล้วไม่มีอะไรที่พวกเขาแก้ปัญหาไม่ได้

แม้ว่าใครคนหนึ่งจะมีปัญหา แต่พวกเขาทั้งสามคนก็จะนั่งคุยกันหาทางแก้ปัญหาได้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอเองก็ไม่สามารถทำได้

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอจ่ายเงินเดือนสูงมากเพื่อจ้างผู้จัดการที่เหมาะสม

เถ้าแก่ที่ไม่ต้องทำงานนี่ช่างวิเศษจริงๆ!

ปาอิน “…เสี่ยวเยาเยา เธอไม่เล่นเกมเหรอ” มีวัยรุ่นน้อยมากที่ไม่เล่นเกม

“เล่นนานๆ ครั้งน่ะ”

เกมบางเกมค่อนข้างน่าสนใจ แต่ก็ง่ายเกินไป เธอจะเบื่อหลังจากเล่นไปนานๆ

“งั้นครั้งหน้ามาเล่นด้วยกันนะ แบกฉันไปด้วย ฉันยังเป็นเด็กใหม่อยู่”

ปาอินสุดปลื้ม! ในที่สุดเธอก็มีข้ออ้างให้สามารถทักหาเจ้าหญิงน้อยได้ตลอดเวลาสักที!

“ได้”

“เสี่ยวเยาเยา ตอนเที่ยงไปกินข้าวกลางวันกันนะ”

ปาอินไม่กล้าพูดเรื่องมือถืออีกเพราะกลัวถูกจับพิรุธได้ จึงเปลี่ยนเรื่องไป

เซียวเซียวที่โต๊ะเดียวกันพูดขึ้น “ไปด้วยสิ”

หวังหมิ่นชิ่นที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าหันกลับมาพูดบ้าง “เพิ่มฉันด้วยคน”

หมิ่นชีสยายกมือขึ้น “ฉันด้วยๆ”

มู่เถาเยายิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้าตอบว่า “ตกลง”

นักศึกษาหลายคนจึงกลับไปยังที่นั่งอย่างพึงพอใจ หันไปเตรียมพร้อมเรียน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 61 เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ปาอิน

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 61 เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ปาอิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 61 เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ปาอิน

หลังมื้ออาหารเย็น ตระกูลเย่ว์ก็ส่งผู้อาวุโสสองคนของตระกูลเป่ยออกไปด้วยสีหน้าปกติ

สิ่งที่แตกต่างจากปกติคือมีเป่ยซีที่ไม่ได้ออกจากห้องมานานหลายปี เป็นแขกพิเศษอีกคนในรายชื่อนี้

คนรับใช้ของตระกูลเย่ว์ทั้งหมดได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจที่เห็นนายหญิงแต่ก็ไม่ถามอะไรมาก

เป็นข่าวดีมากที่คุณผู้หญิงสามารถออกมา ใครจะสนว่าทำไม! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ควรยุ่ง!

หลังจากส่งผู้อาวุโสสองคนของตระกูลเป่ยแล้ว คนตระกูลเย่ว์ก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่น

เย่ว์เลี่ยงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อากวง เธอมีข้อมูลติดต่อของเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไหม”

“มีครับ เดี๋ยวผมจะส่งนามบัตรของเธอเข้าไปในกลุ่มให้ทุกคนเพิ่มเพื่อน”

นั่นเป็นเหตุผลให้ทุกคนก้มหน้าดูโทรศัพท์อย่างประหม่า และเป่ยซีก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น

เธอไม่ได้จับโทรศัพท์มือถืออีกเลยตั้งแต่ป่วย ตอนนี้ก็ใช้อย่างเก้ๆ กังๆ และเธอกังวลมากจนเหงื่อออก

เย่ว์หลั่งกอดเธอแน่นอย่างปลอบโยน “เสี่ยวซี ไม่ต้องกังวล ลูกสาวของเราต้องยังไม่เห็นข้อความแน่นอน”

“แต่มันนานมากแล้วนะคะ เธอยังไม่รับเป็นเพื่อนเลย เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไม่อยากรับพวกเรารึเปล่า”

“ไม่หรอก อิ๋งเอ๋อร์ตัวน้อยของเราเป็นคนใจอ่อนและใจดีที่สุด เธอจะไม่ทอดทิ้งเราอย่างแน่นอน”

แม้ว่าทุกคนจะพยักหน้าตาม แต่พวกเขาก็กังวลเช่นกัน

เย่ว์เลี่ยงรู้จักลูกสาวของเธอดีที่สุด ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยตามเย่ว์หลั่ง และปลอบโยนเธอไปว่า “พี่สะใภ้ เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์อาจยุ่งอยู่ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเธอจะตอบกลับข้อความภายในไม่กี่วินาที ตอนนี้เธออาจจะกำลังอยู่อาบน้ำก็ได้”

เย่ว์จือกวง “แม่ครับ น้องสาวไม่ค่อยเล่นมือถือเท่าไหร่ ชอบอ่านหนังสือ”

เป่ยซีก็เข้าใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็อดคิดมากไม่ได้

เย่ว์จือเหิง “แม่ครับ น้องสาวของเราชอบอ่านหนังสือ ให้พ่อพาแม่ไปที่ห้องสมุดเลือกหนังสือหายากดีไหม เราจะได้เอาไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานด้วย น้องสาวจะได้กลับมาอ่านในตอนที่เธอหยุดปิดภาคเรียน”

เป่ยซีอยากไปหาหนังสือในตอนนั้นทันที แต่เธอก็ยังคงถือโทรศัพท์ไว้

เย่ว์จือกวง “แม่ครับ ผมจะถือโทรศัพท์ให้แม่เอง และจะไปเรียกแม่ที่ห้องสมุดทันทีถ้าน้องสาวตอบกลับมาแล้ว”

“…เอาแบบนั้นก็ได้”

เย่ว์หลั่งกอดเป่ยซีและเดินไปที่ห้องสมุดหลังห้องนั่งเล่น

หลังจากพ่อแม่ของเขาออกไปแล้ว เย่ว์จือกวงก็หันไปหาชายชราแล้วพูดว่า “ปู่ ย่า ไปเดินเล่นในสวนกันเหมือนเคยเถอะครับ วันนี้แม่ยอมออกไปแล้ว แต่เราก็จะเปลี่ยนแปลงมากเกินไปในคราวเดียวไม่ได้”

ทั้งเย่ว์จือเหิงและเย่ว์เลี่ยงพยักหน้าเห็นด้วย

แม้ว่าทุกคนในตำหนักพระจันทร์จะไว้ใจได้ แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าไม่มีใครรู้สึกสงสัยหรือไปพูดอะไรสองสามคำข้างนอกบ้าง

คนที่ไม่ตั้งใจก็จะไม่คิดมากเรื่องนี้ แต่คนที่สนใจก็จะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป

ผู้เฒ่าสองคนมอบโทรศัพท์มือถือให้หลานชายทั้งสอง ก่อนที่พวกเขาจะออกไปด้วยกัน

ในห้องนั่งเล่น นอกจากเย่ว์เลี่ยงและสองพี่น้องแล้ว มีเพียงพ่อบ้านหลานเท่านั้น

“อากวง เธอบอกว่าเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไม่เคยให้ต้องป้อนข้าว อาบน้ำ หรือพาเข้านอนเลยตั้งแต่เธออายุหนึ่งขวบจริงไหม”

“จริงครับ หมอเทวดาหยวนบอกว่าน้องสาวทำได้ตั้งแต่อายุหนึ่งขวบ ยิ่งกว่านั้นน้องสาวยังเรียนแพทย์และวรยุทธ์ตั้งแต่อายุหนึ่งขวบด้วย” เด็กส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ขนาดพูดและเดินยังทำได้ไม่คล่องเลย!

น้องสาวของเขาน่าทึ่งมาก!

“อาจารย์ของเธอจ้างครูสอนพิเศษมาสอนให้เธอที่บ้านเสมอ ทำไมเธอถึงไปโรงเรียนตอนนี้ล่ะ เธอไม่ได้บอกว่าทักษะทางการแพทย์ของเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ดีกว่าหมอเทวดาหยวนอีกเหรอ?”

“หมอเทวดาหยวนบอกว่าน้องสาวมีอารมณ์เคร่งขรึมและไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเด็ก ดังนั้นเขาจึงอยากส่งเธอไปอยู่กับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันมากขึ้น”

เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ชอบที่เรียนในตอนนี้ไหม”

“ผมเคยไปกินข้าวเย็นกับน้องสาวมาแล้วสองครั้ง รู้สึกว่าเธอค่อนข้างพอใจกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอ ผมยังได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอสองสามคน ทุกคนนิสัยดี เธอเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดีครับ”

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว” เย่ว์เลี่ยงยังกังวลว่าลูกสาวจะปรับตัวเข้ากับโลกนี้ไม่ได้

“อาครับ ผมรู้สึกว่านิสัยของน้องสาวค่อนข้างคล้ายกับคุณ” มองเผินๆ ดูเย็นชา แต่ภายในนั้นอ่อนโยนมาก

เย่ว์เลี่ยงยิ้ม “หลานสาวเหมือนอาก็เป็นธรรมดา” แน่นอนว่าลูกสาวของเธอย่อมเหมือนเธอสิ!

เย่ว์จือกวงพยักหน้า

“อากวง ครั้งหน้าฉันจะไปเย่ว์ตูกับเธอเพื่อพบเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ด้วย”

ที่จริงเธออยากเจอลูกสาวของเธอตั้งแต่ตอนนี้! แต่ทำไม่ได้!

พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของลูกสาวในชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นเธอ เธอในตอนนี้มีฐานะเป็นอาไม่สามารถข้ามหัวพวกเขาไปได้

“ดี”

อาและหลานชายทั้งสามคนปรึกษากันเรื่องงานยุ่งมากจนลืมดูโทรศัพท์ไปแล้ว

มู่เถาเยากำลังหมกมุ่นอยู่กับ ‘กายวิภาคศาสตร์คลินิก’ ที่นำกลับมาจากบ้านของตี้อู๋เปียน หนูขาวตัวเล็กของเธอ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าโทรศัพท์มือถือในห้องนอนมีข้อความเช่น ‘พ่อคือพ่อ’ และ ‘พี่คือพี่ใหญ่’ กำลังรอการยืนยันคำขอเป็นเพื่อนจากเธออย่างใจจดใจจ่อ

เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่วันนี้ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ เธอจึงมีความสุขมาก

ดังนั้น หลังจากกินข้าวเสร็จเธอจึงไปค้นหาหนังสือมาอ่านทันที จนตอนนี้ก็ยังติดอยู่ในมหาสมุทรแห่งความรู้อยู่

อา โลกนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ!

มู่เถาเยากระหายความรู้ เธออ่านหนังสือจนกระทั่งเห็นว่าถึงเวลาพักผ่อนตามปกติของเธอแล้ว

หลังจากวางหนังสือลง เธอก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องนอน แล้วเข้านอนไปโดยไม่ได้มองโทรศัพท์เลย

เธอไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อตั้งนาฬิกาปลุก เธอสามารถตื่นได้เองเมื่อถึงเวลา

เมื่อมู่เถาเยาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำให้คนตระกูลเย่ว์และตระกูลเป่ยจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยความวิตกกังวลทั้งคืน

เธอไปโรงเรียนตามปกติ

ปาอิน เพื่อนร่วมชั้นปีคนใหม่ที่น่ารักและเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นวิ่งเข้ามาหาเธอทันทีที่เห็นเธอเดินเข้าประตู

“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงไม่ตอบข้อความของฉันเมื่อคืนนี้”

“เธอส่งข้อความถึงฉันเหรอ” มู่เถาเยาผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลิกดูกระเป๋าของเธอ

“เมื่อคืนเธอไม่ได้เช็กโทรศัพท์เหรอ”

“เปล่า ฉันอ่านหนังสือที่ห้องอ่านหนังสือทันทีหลังจากกินข้าวเสร็จ ง่วงก็กลับห้องนอน ยังไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย เป็นอะไรไป เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า”

“อ้อๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันแค่อยากจะถามเธอเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์เพิ่มเติม”

มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่หน้าจอกลับดับสนิท

“แบตเตอรี่หมด”

ปาอิน “…ไม่เป็นไร ฉันคิดออกแล้วหลังจากคิดอยู่นานเมื่อคืนนี้ เสี่ยวเยาเยา ฉันเอาพาวเวอร์แบงค์มาด้วย ฉันให้เธอยืมใช้ก่อน”

มู่เถาเยาผลักมือของเธอออกไป “โทรศัพท์ของฉันไม่เหมือนของเธอ และฉันก็ไม่ได้เอาสายชาร์จมาด้วย ช่างเถอะ ฉันค่อยชาร์จหลังเลิกเรียนตอนบ่ายก็ได้ ไม่เป็นไร”

อาจารย์ทั้งสองคงไม่มีเรื่องด่วนอะไรต้องหาเธอ ถ้ามีพวกเขาก็จะไปหาอาจารย์อาเล็กเอง

ปาอิน “…” คนตระกูลเย่ว์น่าสงสารจังเลย! รอมาทั้งคืนอย่างเปล่าประโยชน์!

คุณชายรองส่งข้อความมาถามเธอเมื่อคืนนี้และขอให้เธอหาข้ออ้างเพื่อส่งข้อความถึงเสี่ยวเยาเยา แต่เธอเองก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน

เธอเกือบคิดว่าตัวเองถูกเปิดโปงแล้ว!

คาดไม่ถึงว่าความจริงจะเป็นแบบนี้!

“เสี่ยวเยาเยา เธอไม่ได้วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัวเวลาอ่านหนังสือเหรอ” ในสมัยนี้ยังมีคนขาดโทรศัพท์มือถือก็อยู่ได้อีกเหรอ

“อืม ฉันใช้มือถือไว้แค่รับสายน่ะ” และจะใช้คอมพิวเตอร์ในตอนที่ติดต่อธุรกิจ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอมีผู้จัดการที่มีความสามารถสามคน ปกติแล้วไม่มีอะไรที่พวกเขาแก้ปัญหาไม่ได้

แม้ว่าใครคนหนึ่งจะมีปัญหา แต่พวกเขาทั้งสามคนก็จะนั่งคุยกันหาทางแก้ปัญหาได้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอเองก็ไม่สามารถทำได้

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอจ่ายเงินเดือนสูงมากเพื่อจ้างผู้จัดการที่เหมาะสม

เถ้าแก่ที่ไม่ต้องทำงานนี่ช่างวิเศษจริงๆ!

ปาอิน “…เสี่ยวเยาเยา เธอไม่เล่นเกมเหรอ” มีวัยรุ่นน้อยมากที่ไม่เล่นเกม

“เล่นนานๆ ครั้งน่ะ”

เกมบางเกมค่อนข้างน่าสนใจ แต่ก็ง่ายเกินไป เธอจะเบื่อหลังจากเล่นไปนานๆ

“งั้นครั้งหน้ามาเล่นด้วยกันนะ แบกฉันไปด้วย ฉันยังเป็นเด็กใหม่อยู่”

ปาอินสุดปลื้ม! ในที่สุดเธอก็มีข้ออ้างให้สามารถทักหาเจ้าหญิงน้อยได้ตลอดเวลาสักที!

“ได้”

“เสี่ยวเยาเยา ตอนเที่ยงไปกินข้าวกลางวันกันนะ”

ปาอินไม่กล้าพูดเรื่องมือถืออีกเพราะกลัวถูกจับพิรุธได้ จึงเปลี่ยนเรื่องไป

เซียวเซียวที่โต๊ะเดียวกันพูดขึ้น “ไปด้วยสิ”

หวังหมิ่นชิ่นที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าหันกลับมาพูดบ้าง “เพิ่มฉันด้วยคน”

หมิ่นชีสยายกมือขึ้น “ฉันด้วยๆ”

มู่เถาเยายิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้าตอบว่า “ตกลง”

นักศึกษาหลายคนจึงกลับไปยังที่นั่งอย่างพึงพอใจ หันไปเตรียมพร้อมเรียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+