อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต 140 โลกคู่ขนาน 17

Now you are reading อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต Chapter 140 โลกคู่ขนาน 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ซาอิน เอเลี่ยนผิวสีฟ้าผู้สังหารอัลฟ่าและโอเมก้าของโลกใบนี้

 

ไอ้หมอนี่มีบรรยากาศคล้ายกับรูอิน แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะถามมัน มันก็โจมตีใส่พวกฉันซะก่อน

 

แถมการโจมตีนั้นยังไม่ใช่เล่นๆ อีกด้วย

 

เพื่อปกป้องพวกอากาเนะ ฉันจึงสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันสุดแรง ทว่าหลังป้องกันเสร็จการแปลงร่างด้วยฮิลด้าก็ถูกยกเลิก จึงทำให้ฉันต้องกลับมาใช้TYPE X ในการต่อสู้กับซาอินต่อ

 

 

 

「น่าประหลาดใจเสียจริง ที่มีสิ่งมีชีวิตเข้ากันได้กับอัลฟ่าแห่งโชคชะตา」

 

 

ฉันกระโดดขึ้นไปหาซาอินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและยัดหมัดใส่หน้ามัน

 

ทว่าหมัดของฉันก็ถูกป้องกันเอาไว้ด้วยบาเรียที่มองไม่เห็น ก่อนจะเกิดรอยร้าวขึ้นในอากาศในจุดที่หมัดฉันถูกหยุดเอาไว้

 

 

…พลังของมันคืออะไรกันแน่นะ?

 

 

 

「ถึงกับสร้างรอยแตกได้เหรอ ช่างแต่งต่างกับร่างชมพูนั่น…..ว่าแล้วเชียวพลังของอัลฟ่าแห่งการผสานนี่มันอ่อนไปหน่อย」

 

「แกคิดว่าฉันมาคุยหรือไงวะ!!」

 

「อ้าวไม่ใช่เหรอ? ทั้งที่รู้สึกเริ่มสนใจแกแล้วแท้ๆ นะ」

 

 

มันต่างจากสัตว์ประหลาดบาเรีย

 

 

มันไม่ใช่ว่าเป็นการเสริมแกร่งการป้องกันหรือสร้างบาเรียมากันการโจมตีทางการภาพ บางสิ่งที่ผิดแปลกซึ่งฉันไม่สามารถมองเห็นได้แถมยังไม่เข้าใจด้วยว่าลักษณะการทำงานของมันเป็นยังไง

 

สัมผัสตอนต่อยเข้าไปเหมือนมันโดนบางสิ่ง แต่ก็เหมือนจะไม่โดน ความรู้สึกที่ขัดแย้งนี่มันอะไรกัน

 

 

 

「พวกอากาเนะออกไปแล้วสินะ……」

 

 

ฉันไม่สามารถออมแรงสู้กับเจ้านี่ได้ก็จริง แต่ถ้าลุยสุดแรงพื้นที่ตรงนี้ได้เละหมดแน่

 

ฉันจึงต้องรอให้พวกอากาเนะหนีกันไปให้เสร็จก่อน พอเห็นว่าปลอดภัยแล้วฉันก็ปลดปล่อยด้ายสีเงินออกมาใส่ซาอินทันที

 

 

「โปรโตมาลุยกันเลย!」

 

「LA……!」

 

 

ด้ายสีเงินพวยพุ่งออกมาจับร่างของซาอินเอาไว้ทั้งตัวจนกลายเป็นรังไหม

 

ก่อนฉันจะพันร่างของมันยึดกับพื้น อาคาร และทุกสิ่งที่พอจะยึดไว้ได้เพื่อทำให้มันเคลื่อนไหวไม่ได้ จากนั้นก็เตรียมรัวหมัดใส่อีกฝ่าย

 

 

「งั้นก็……」

 

『ใช้เส้นด้ายเหรอ』

 

「หา!」

 

 

รังไหมสีเงินระเบิดออกมาจากข้างใน

 

ร่างของเขาถูกปกป้องไว้ด้วยบาเรียที่มองไม่เห็น เส้นใยที่คิดว่าพันตัวของมันเอาไว้แท้จริงแล้วถูกกันจากร่างของมันไปไม่กี่เซน

 

ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

 

「แบบนี้นี่เอง แกกังวลเรื่องความเสียหายสินะ」

 

「……」

 

「ก็จริงว่าหากฉันกับแกสู้กันจริงๆ คงได้เกิดหายนะขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แอบเสียดายดาวโลกที่จะเอามาใช้ประโยชน์หลังจากนี้ด้วยสิ———งั้นก็」

 

 

ร่างของฉันรู้สึกหนาวสั่น ก่อนจะยกแขนขึ้นมาเตรียมกันการโจมตีของซาอิน

 

ทว่าพริบตาเดียวเขาก็ปรากฏตรงหน้าฉันแล้ว

 

——ปะ ประตูมิติ……!! ไม่สิ เทเลพอร์ต!?

 

 

แม้ว่าฉันจะพยายามสวนกลับแต่มันก็ถูกบาเรียที่มองไม่เห็นกันเอาไว้ การโจมตีของฉันไม่ถึงตัวมันเลย!!

 

 

「เปลี่ยนสถานที่กันไหม」

 

「อึก……!!」

 

 

แขนของฉันถูกคว้าเอาไว้ก่อนจะโดนเหวี่ยงไปข้างหลัง

 

จากนั้นก็เกิดประตูมิติขึ้นด้านหลังของฉัน ฉันถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เมื่อลองสังเกตรอบๆ ก็พบว่าพื้นที่ยืนอยู่เป็นพื้นสีขาว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความมืดมิด

 

เบื้องหน้าของฉันคือดาวโลกสีฟ้าขนาดใหญ่

 

 

 

「ดวงจันทร์….?!บัดซบ ออกซิเจน?!」

 

 

หากเป็นอวกาศ ออกซิเจนก็จะไม่มี!!

 

ฉันพยายามจะตรวจสอบการหายใจของตัวเองทันที ….ทำงานได้ตามปกติ?

 

『LA……!!』

 

「บะ แบบนี้นี่เอง รอดเพราะเธอเองสินะ……」

 

 

โปรโตช่วยเหลือฉันได้ดีเหมือนเคย

 

ถ้างั้นการใช้โปรโตXสู้ในอวกาศก็ไม่มีปัญหา

 

 

 

「หากเป็นที่นี่คงเล่นได้จุใจหน่อยว่าไหม?」

 

「ทำไมถึงได้ยินเสียงแกได้ล่ะ?」

 

「พลังของฉันเอง นอกจากนี้ก็ปรับระดับแรงโน้มถ่วงให้เท่าดาวโลกด้วย เอาล่ะ แสดงพลังที่แท้จริงของแกออกมาให้ฉันเห็นหน่อยสิ」

 

 

 

……ถึงจะเหมือนกับรูอินแต่ก็แตกต่าง

 

 

ว่าแล้วฉันก็ลองถามคำถามที่ฉันสงสัยกับมันดู

 

 

「ทำไมแกถึงมาบุกโลกกัน」

 

「ทำไมงั้นเหรอ? อื้มม นั่นสินะ ทำไมกัน?」

 

ซาอินกอดกดแล้วคิด

 

 

 

「อันที่จริงมันก็ไม่ใช่แค่ดาวโลกหรอก」

 

「……หา?」

 

「จะดาวเคราะห์ดวงไหนก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่พวกฉันทำก็แค่มาพิชิตดวงดาว บางครั้งก็มาเพาะเมล็ดหรือเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างโอเมก้าและอัลฟ้า…ก็ประมาณนี้แหละมั้ง」

 

เขายกนิ้วขึ้นมาพร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่ชวนวอนเท้า

 

 

「มันก็แค่เป็นเรื่องของเวลาในการทำลายล้างสิ่งที่สมควรทำลาย แม้จะรู้สึแย่กับพวกคนที่อยู่บนดาว แต่อย่างน้อยฉันก็เก็บพวกมันมาเลี้ยงเป็นทาสนะ」

 

「……อ้า ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าแกต่างจากยัยนั่นอย่างสิ้นเชิง」

 

 

รูอินไม่เคยสนใจผู้ที่กระจอกกว่าตัวเอง

 

มันไม่ได้หมายความว่ายัยนั่นดีกว่าหรืออะไรหรอก แต่เธอแค่ไม่สนใจหรือคิดจะแยแสยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา

 

แต่ไอ้หมอนี่มันมองว่าทุกสิ่งมีชีวิตและทุกดวงดาวคือทาสรับใช้ของมัน

 

 

ถึงมันจะพูดเหมือนรู้สึกผิด แต่ใจจริงมันคงไม่ได้สนใจหรอกว่าจะมีกี่ชีวิตที่ต้องถูกทำลายจากการกระทำของมัน

 

 

「เอาละ ฉันมีข้อเสนอ」

 

「หา?」

 

「ฉันอยากจะให้แกมาเป็นส่วนหนึ่งของลำดับแห่งดวงดารา เพราะฉันรู้สึกเสียดายพลังและศักยภาพของแกด้วยสิ」

 

 

 

……ไอ้หมอนี่มันพูดจริงเหรอ?

 

ฉันประหลาดใจกับท่าทางของมันสุดๆ คนจะฆ่ากันอยู่ดีๆ มาชวนกันเข้าพวกเนี่ยนะ

 

 

「หากเป็นแกคงได้สักลำดับที่ 2…ไม่สิ หากต้องการจะเอาลำดับที่ 1 ก็ได้นะว่าไง?」

 

「แกล้อกันเล่นหรือไง รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าฉันจะปฏิเสธ」

 

 

เห็นได้ชัดเลยว่าโลกจะจบแบบไหนหากมันได้ยึดครอง

 

จากท่าทางของมัน มันไม่ใช่พวกจะรักษาคำพูดอะไรซะด้วย

 

ซาอินแสดงสีหน้าเหมือนผิดหวังกับคำตอบของฉัน

 

 

 

「งั้นเหรอ ทั้งที่คิดว่าแกเหมาะสมแท้ๆ นะ….หรือว่าฉันต้องเชิญให้มันดูมีพิธีการกว่านี้ล่ะ?」

 

「หุบปากของแกซะ」

 

「เอาเถอะ มาสู้กันก่อนก็ได้」

 

ซาอินไม่ได้รู้สึกตึงเครียดอะไร แถมยังพูดล้อเล่นออกมาได้อีก

 

แต่ฉันไม่คิดจะสนหรอกว่ามันแกร่งขนาดไหน

 

สิ่งที่ฉันต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือโจมตีมันสุดกำลัง เดี๋ยวทางออกก็มาเอง

 

 

「ฮ๊า!!」

 

 

ฉันต่อยหมัดสีแดงฉานใส่ซาอิน

 

แน่นอนว่าหมัดของฉันโดนบาเรียที่มองไม่เห็นของมันเหมือนเดิม แต่คราวนี้ฉันยัดแรงลงไปสุดตัวจนทำให้สามารถทะลวงบาเรียได้สำเร็จ

 

 

「โฮ่ ถึงกับทำลายมันลงได้เหรอ….นี่สินะพลังของอัลฟ่าแห่งโชคชะตา?」

 

「หุบปากซะไอ้สารเลว!!」

 

「ปากคอนี่น้า」

 

บัดซบ มันสร้างของใหม่มาแทนอันที่พังได้ทันทีเหรอ?!

 

ถ้างั้นก็แค่ทำลายมันให้ไม่เหลือเลยก็พอ

 

 

「ฮึ้ม!!」

 

 

ฉันทำการดีดตัวกลับ แล้วใช้ด้ายสีเงินคว้านผิวดวงจันทร์ออกมาเป็นบล็อก ก่อนจะใช้บล็อกที่มีขนาดเท่าตึกโยนอัดใส่ซาอิน

 

 

 

「ก็รู้อยู่แล้วแหละว่าไม่พอ!!」

 

 

หากมันตายเพราะแค่นี้ก็คงดี

 

แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ตอนนี้ต้องเตรียมตัวรับมือต่อ

 

 

「ขอทุ่มสุดตัวเลยนะ โปรโต!!」

 

 

ความร้อนเกิดขึ้นจนร่างของฉันแดงไปทั้งตัว

 

ชุดเกราะตอนนี้กลายเป็นสีแดงไปแล้ว แถมยังส่งเสียงดังออกมาราวกับกำลังฝืนอยู่

 

แปลว่าเวลาคงเหลืออีกไม่มาก

 

ต้องจัดการซาอินให้ได้ในทีเดียว ว่าแล้วฉันก็รวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยใส่อีกฝ่าย

 

 

 

 

「ย้ากกกก!!」

 

 

พลังงานสีแดงพวยพุ่งออกมาจากหมัดของฉันก่อนจะก่อตัวเป็นพายุหมุนคว้านเอาพื้นดวงจันทร์ปลิวไปทั่ว

 

พื้นผิวดวงจันทร์แตกออกเป็นเสี่ยง หมัดของฉันเข้าปะทะกับซาอิน

 

 

「ถ้าเป็นปกติคงจะจบไปแล้ว……」

 

 

ฉันมองดูสภาพของพายุที่หมุนไปทั่วพื้นผิว ก่อนพูดขึ้น

 

ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนที่ฉันเคยเจอมามันคงจบไปแล้ว

 

ทว่าศัตรูคือสิ่งที่มีบรรยากาศคล้ายกับรูอิน….ดังนั้น

 

 

 

「มหัศจรรย์!!」

 

「……ชิ」

 

 

ไม่มีทางจะจบลงแน่!!

 

มันปัดก้อนหินที่เข้ามาติดหลังโดนหมัดของฉันไป

 

หมัดของฉันผ่านบาเรียของมันมาก็จริง…..

 

「อะไรกัน!?」

 

 

 

———ทั้งที่ผ่านเข้าไปได้แท้ๆ ……!?

 

หมัดของฉันทะลุร่างของมันจนไปปะทะเข้ากับดวงจันทร์ เมื่อหันไปดูสภาพของมันก็พบว่าร่างกายของมันขาดวิ่ง แขนซ้ายก็หายไปไหนไม่รู้

 

 

「น่าทึ่งจริงๆ เห็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากจะได้แกมาเป็นลำดับแห่งดวงดารา ฮ่าๆ ถึงจะไม่ได้เอาจริงก็เถอะ แต่ไม่ได้เจ็บแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ….ไม่สิ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลย สนุกชะมัด!!」

 

 

แต่ว่าหลังส่งน้ำเสียงอันน่าขนลุกออกมา ร่างกายของมันก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม

 

พลังในการฟื้นฟูนี่มันบ้าบอยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนที่ฉันเคยเจอ

 

แถมมันพูดอะไรของมันกัน?

 

 

 

「ยังไม่ได้เอาจริง?」

 

「แน่นอนสิ หากฉันเอาจริงขึ้นมา การโจมตีของแกคงไม่มีทางมาถึงตัวฉันได้หรอก」

 

 

ฉันไม่มีความตั้งใจจะคุยอะไรกับมันต่ออีกแล้ว

 

ฉันเปิดการใช้งานด้ายสีเงินมาพันร่างของมันแล้วเตรียมพุ่งเข้าไปต่อย แต่ด้ายทั้งหมดนั้นไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย

 

 

「เปล่าประโยชน์」

 

「……!」

 

 

แทงทะลุร่าง…ไม่สิ มันผ่านไปเลย?

 

ซาอินยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉันด้วยการเทเลพอร์ตแล้วยื่นฝ่ามือมาใส่ฉัน

 

การโจมตีของมันดูเชื่องช้าหากให้เทียบกับการเคลื่อนไหว

 

ฉันจึงทำการจับแขนของมันแล้วหมายจะต่อยอัดหน้า แต่ในจังหวะที่กำลังจะคว้าแขนของมันเอาไว้ มือของฉันกลับทะลุผ่านร่างของมันไป และฝ่ามือของมันก็กระแทกเข้ามาตรงลำตัวของฉันเต็มๆ

 

 

「อึก!?」

 

 

 

แรงกระแทกที่แผ่ไปทั่วร่างซึ่งเกิดจากแรงกระแทกจนทำให้ฉันร่วงลงกับพื้น

 

พลังบ้าอะไรของมันกันวะ?

 

 

「อยากรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของฉันเหรอ?」

 

ซาอินพูดราวกับกำลังสมเพชฉันที่นอนกลิ้งไปมากับพื้น

 

ฉันจึงตัดสินใจโจมตีด้วยเส้นด้ายจำนวนมากใส่มันแทน ทว่าด้ายพวกนั้นก็ทะลุร่างของมันไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

「จะบอกเพื่อให้แกรู้ถึงความต่างระหว่างพวกเราก็ได้」

 

ฉันไม่สนใจคำพูดของมันแล้วยืนขึ้นก่อนจะเตรียมเข้าไปต่อยมันต่อ

 

 

「ในภาษาของดาวโลกคงจะเรียกมันว่าสสารมืดสินะ?มันคือสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ แต่มันก็คือสสารที่มีอยู่จริง」

 

「……พูดบ้าอะไรของแก!」

 

「และฉันคนนี้ก็สามารถควบคุมมันได้」

 

 

ไม่ว่าจะหมัดหรือเส้นด้ายก็ไม่สามารถทำอะไรกับร่างของมันได้

 

 

 

「ทำไมถึงทำให้มันออกมาเป็นรูปธรรมได้ ทำไมสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ถึงรับรู้มันไม่ได้ แต่สสารมืดก็มีอยู่จริง ถึงแม้จะไม่สามารถหาคำอธิบายดีๆ ให้ฟังได้ แต่สำหรับฉันแล้วมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย เพราะสาระของมันน่ะ…..」

 

 

แม้ว่าร่างกายของฉันจะกลายเป็นสีแดงฉานไปแล้ว การโจมตีของฉันก็ไปไม่ถึงมัน

 

 

「ก็คือฉันผู้นี้สามารถควบคุมมันได้ตามต้องการยังไงล่ะ!!」

 

 

ทันทีที่ซาอินโบกมือ พลังปริศนาก็กระแทกเข้ามาที่ร่างของฉัน

 

 

「เพียงแค่สร้างมวลให้กับมันแล้วใช้มันกระแทกลงไปยังร่างของสิ่งมีชีวิตหรือดวงดาวสักดวง ทุกอย่างก็ถูกทำลายในพริบตา」

 

 

ฉันอาเจียนเป็นเลือดออกมาเลอะหน้ากาก สูทที่พังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ก่อนที่ฉันจะพยายามพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้น

 

แต่ไม่ว่าจะสักกี่ครั้งหมัดของฉันก็ไปไม่ถึงตัวมัน

 

 

「สสารมืดที่สิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากฉันไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสมันได้ ฉันได้ทำการใช้มันในการปกคลุมร่างของตัวเองและทำให้ร่างของฉันมีสถานะเหมือนกับมัน———เอาง่ายๆ ก็คือสิ่งที่แกกำลังต่อยอยู่ตอนนี้มันเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตายังไงล่ะ」

 

「……อึก」

 

「ไม่คิดบ้างเหรอว่านี่คือพลังที่เหมาะสมกับการปกครองจักรวาลโดยแท้จริง ฉันผู้นี้คือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นราชาแห่งจักรวาลทั้งปวง」

 

 

ฉันเพิกเฉยกับคำพูดของซาอินและพยายามจะโจมตีอีกครั้ง

 

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามันกำลังมองฉันด้วยสายตาที่สมเพช

 

 

「แกไม่มีทางเอาชนะฉันได้แต่แรกแล้ว มนุษย์โลก」

 

「อั๊ค……」

 

 

หมัดที่มองไม่เห็นถูกส่งมากระแทกกับท้องของฉัน จนร่างของฉันยุบไปพร้อมกับพื้นผิวของดวงจันทร์

 

ภาพที่ฉันเห็นกลายเป็นสีดำสนิทราวกับถูกผืนดวงจันทร์กลืนกิน ชุดเกราะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายอยู่ในสภาพยับเยินสุดๆ

 

 

 

『LA……LA……』

 

「……ไอ้……เวร…เอ้ย」

 

 

ฉันได้ยินเสียงของโปรโต

 

ฉันจะมาตายที่นี่ไม่ได้…ฉันต้องลุกขึ้นสู้ต่อ

 

ึถึงมันจะอธิบายเกี่ยวกับสสารมืดให้ฟังแล้ว ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

 

「แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…ฉันก็จะต้องช่วยพวกเธอให้ได้…!!」

 

 

แม้สัตว์ประหลาดจะพ่ายแพ้ไปแล้ว

 

แต่ฉันไม่สามารถปล่อยให้ไอ้สารเลวตรงหน้าฉันไปยังโลกได้

 

อากาเนะ คิราระ อาโออิ ฮารุ เรมะ ทุกคนบนโลกจะต้องทุกข์ทรมานต่อแน่นอน

 

ฉันไม่ต้องการจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!!

『LA……』

 

「ขอโทษนะ โปรโต แต่ช่วยทนกับฉันอีกหน่อยเถอะ」

 

『……』

 

「โปรโต……? 」

 

 

ฉันตะโกนเรียกโปรโตในขณะที่ภาพของฉันถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงซึ่งน่าจะเพราะเลือดเข้าตา ทว่าเธอก็ไม่ตอบอะไรกลับมา สิ่งที่ฉันสัมผัสได้มีเพียงความโศกเศร้าและความรู้สึกที่มุ่งมั่นอย่างบอกไม่ถูก

 

ความรู้สึกที่ดูเหมือนตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงนี่มันอะไรกัน….แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะเรียกเธอต่อ ซาอินก็เข้ามาซะก่อน

 

 

 

「คิดจะสู้ต่ออยู่ไหม? 」

 

「หุบ……ปาก……!!」

 

「……แกนี่ใจแข็งสุดๆ เลยแฮะ ไม่ต่างกับโอเมก้าที่ตายอย่างสง่างามเลย」

 

 

 

 

ึถึงฉันแทบจะตายอยู่แล้วก็เถอะ แต่อย่าคิดเชียวว่าจะยอมแกง่ายๆ

 

ต้องหาทางสร้างจังหวะในขณะที่มันประมาทเพื่อสวนกลับไป

 

หากจำเป็นถึงจะต้องตายไปพร้อมกันก็ต้องฆ่ามันให้ได้!!

 

 

 

「เลิกพูดอะไรไร้สาระแล้วเข้ามาสักทีไอ้สารเลวพูดมากเอ้ย……」

 

「….หากไม่คิดจะเชื่องเหมือนหมา งั้นก็ตายไปตามที่แกต้องการ———」

 

 

ในขณะที่มันกำลังจะปล่อยสสารมืดออกมา อุปกรณ์แปลงร่างตรงข้อมือของฉันก็ส่องแสงออกมา

 

 

「โปรโต……!? 」

 

 

เมื่อสิ้นแสงนั้น การแปลงร่างของฉันก็ถูกยกเลิก ก่อนจะมีบาเรียทรงกลมปริศนาเกิดขึ้นรอบตัวของฉัน

 

ฉันรู้ได้ทันทีว่ามันคือสิ่งที่ทำให้ฉันไม่ตายในอวกาศ แต่โปรโตคิดจะทำอะไรน่ะ!!

 

 

 

 

「ก็ไม่รู้ว่าแกวางแผนคิดจะทำอะไรหรอกนะแต่———หือ」

 

 

 

ซาอินพยายามจะโจมตีต่อ แต่เส้นด้ายสีเงินที่ออกมาจากโปรโตก็โถมปาก้อนหินใส่อีกฝ่ายราวกับนั่นคือสิ่งที่โปรโตต้องการ จากนั้นแกนพลังงานของโปรโตก็เผยออกมาให้ฉันเห็น ซึ่งมันส่องแสงจ้าออกมายิ่งกว่าเดิม

 

 

「โปรโต……? 」

 

『คั……ตสึ……มิ、มี……ชีวิต……ต่อ』

 

「ยะ หยุดนะ!! นี่เธอคิดจะทำอะไรของเธอ!!」

 

 

แสงสว่างนั้นมันกำลังค่อยๆ รักษาร่างกายของฉัน แต่ฉันสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่แย่การเยียวยาฉัน

 

มันคือแสงแห่งการเสียสละที่ไม่มีวันย้อนคืน

 

รอยแตกร้าวเริ่มเกิดขึ้นบริเวณแกนพลังงานของโปรโต และรอยแตกนั้นมันค่อยๆ เยอะขึ้นเรื่องๆ ทว่าโปรโตก็ไม่ได้คิดจะหยุด

 

 

『ขอบคุณ…ที่หา…ฉันจนเจอ』

 

「———อึก」

 

 

จากนั้นแกนพลังงานของโปรโตก็แตกสลายไปเหมือนเสียงกระจกที่แตก

 

และในจังหวะเดียวกันกับที่โปรโตหายไป โปรโตเชนเจอร์X กับ Truth Driver ก็ปรากฏขึ้นมาจากแสงนั้น

 

 

 

『คัตสึมิ?!ในที่สุดก็ได้เจอกันสักที นายเป็นอะไรหรือเปล่า?!

 

『โฮก!』

 

「……อะ」

 

 

พวกเขาคือโปรโตและชิโระที่ฉันรู้จัก

 

โปรโตในจักรวาลนี้ได้หายไปแล้ว

 

เธอตายลงเพราะฉัน

 

เธอจากฉันไปต่อหน้าต่อตาของฉัน

 

เพราะฉันมันอ่อนแอ เธอเลยต้องตาย

 

คนสำคัญในชีวิตของฉันจากไปต่อหน้าฉันอีกแล้ว

 

เหมือนกับอุบัติเหตุครั้งนั้น———

 

 

 

「หื้ม คราวนี้เป็น อัลฟ่าแห่งโชคชะตากับอัลฟ่าแห่งวิวัฒนาการงั้นเหรอ แบบนี้นี่เอง อัลฟ่าตัวนั้นมันเรียกอัลฟ่าตัวอื่นมาจากอีกจักรวาล」

 

 

ซาอินพูดขึ้นราวกับต้องการเยาะเย้ย แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจก่อนจะหยิบเอาทั้งคู่ขึ้นมาในมือ

 

 

「ทั้งที่มันก็รู้แท้ๆ ว่าการสร้างปาฏิหาริย์มันต้องแลกมากับอะไร แต่สิ่งที่ได้มาเป็นแค่อัฟฟ่าสองตัวเนี่ยนะ?ไร้ประโยชน์เสียจริง」

 

 

……มึงว่าไงนะ?

*****

 

 

บรรยากาศรอบๆ ตัวของผู้ใช้อัลฟ่าแห่งโชคชะตาที่ทุ่มสุดตัวเพื่อสู้กับฉันได้เปลี่ยนไป

 

สิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพชซึ่งไม่สามารถทำอะไรฉันได้ กำลังหมอบคลานอยู่กับพื้น ไม่ว่าพวกมันจะโกรธสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถต่อกรอะไรฉันได้

 

เพียงแค่สะบัดนิ้ว สสารมืดจำนวนมากก็พุ่งตรงไปหาอีกฝ่ายและบดขยี้มันไม่ให้เหลือซาก แม้จะเป็นบาเรียที่อัลฟ่าสร้างขึ้นก็ไม่มีผล ช่างเป็นอะไรที่น่ารำคาญ

 

 

「เสียเปล่าซะจริง」

 

 

ถึงจะเสียสละอัลฟ่าไป แต่มันก็ทำได้แค่ซื้อเวลาเท่านั้นแหละ

 

มันคงจะน่าสนใจกว่านี้หากมันเลือกใช้การโจมตีพิเศษแทน

 

เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นหลังการโจมตีจนฝุ่นคลุ้งไปทั่ว

 

ในขณะที่ฉันคิดว่ามันคือจุดจบแล้วและกำลังจะกลับไปที่โลก ฉันก็สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยม่านแสงอยู่ภายในฝุ่นควันนั้น

 

 

 

「……หา?」

 

 

การโจมตีถูกป้องกันไว้ได้?ไม่สิ ฉันพลาดไปงั้นเหรอ?

 

 

บาเรียที่สร้างโดยอัลฟ่าแห่งโชคชะตาที่ตายไปแล้วยังอยู่ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในนั้นเหมือนจะพยายามประกอบอุปกรณ์ตรงข้อมือของมันที่แตกสลายไปแล้วขึ้นมาใหม่

 

 

 

「……ทำอะไรของมัน?」

 

 

อัลฟ่าแห่งโชคชะตามันตายไปแล้ว

 

สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลานั่นมันพยายามจะทำอะไรกับกำไลข้อมือที่ว่างเปล่ากัน

 

พอผ่านไปสักพักมันก็นำเข็มขัดกับกำไลข้อมือที่ปรากฏขึ้นมาใหม่ประกอบเข้ากับสิ่งนั้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นเข็มขัดเส้นใหม่ที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

 

 

PRTO “1” & TRUTH

 

『GEMINI >X< DRIVER』

 

———มันคืออะไรกัน

 

ไม่มีทางที่มนุษย์โลกมันจะสามารถสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้เองแน่นอน

 

แล้วทำไมมันถึง….จะบอกว่ามันสามารถใช้ความสามารถของอัลฟ่าได้ราวกับเป็นความสามารถของตัวเองเหรอ?

 

เข็มขัดเส้นสีดำขาว ขอบแดงทอง ระบบของมันเริ่มทำงานทันทีหลังมันสวมลงไปที่เอว

 

 

 

 

「……」

 

 

『ARE YOU READY? (คัตสึมิ หยุดเถอะ) !!』

 

 

『NO ONE CAN STOP ME!! (ไม่นะ! พวกเราหยุดมันไม่ได้!!) 』

 

 

『GEMINI! ACCELERATION (หยุดไม่อยู่แล้ว) ……!!』

 

 

แย่แล้ว

 

บางสิ่งที่เลวร้ายสุดๆ กำลังจะเกิดขึ้น

 

อารมณ์ที่ฉันไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน ลางร้ายที่กำลังกัดกินร่างของฉัน

 

ฉันไม่รอช้ารีบใช้สสารมืดเข้าโจมตีร่างศัตรูที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงทันที

 

 

ทว่าการโจมตีเหล่านั้นกลับไร้ผล

 

ไม่สามารถหยุดการแปลงร่างของมันได้……!?

 

ร่างของมันได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

 

 

『ALMIGHTY “X” GEMINI!!』

 

ความมืดค่อยๆ กลืนกินร่างกายของเขาจนกลายเป็นชุดเกราะ

 

 

รูปลักษณ์อันเฉียบคมเป็นประกายแต่ก็ดูเรียบง่ายซึ่งเกิดขึ้นมาจากการผสานกันของเทคโนโลยีที่ไปถึงจุดสูงสุด

 

เสียงของหญิงสาวดังขึ้นราวกับเทพธิดาประทานพรให้จักรวาล

 

 

 

『ALL!』→『EVOLUTION!!』

『ALL!』→『STRONG!!』

『ALL!』→『INVINCIBLE!!』

『ALL!』→『SUPER!!』

 

 

เกราะสีดำปรากฏขึ้นที่แขนทั้งสองข้าง ส่วนขาทั้งสองข้างกลายเป็นเกราะสีขาว ลำตัวคือการผสานกันของขาวและดำ

 

ดวงตาสีแดงฉานพร้อมเขาสามง่ามบนหัว

 

มันแตกต่างจากร่างที่ฉันเคยเห็นก่อนหน้านี้ และสิ่งนั้นมันทำให้ฉันอึ้งจนหยุดการโจมตีไป

 

『THE ENEMY OF JUSTICE!!』

 

『CHANGE!!』

 

GEMINI X GEMINI

 

 

แสงสว่างค่อยๆ หายไป เท้าของมันเหยียบกับพื้น

 

รูปร่างที่ผสานกันของขาวและดำดูไม่ได้โดดเด่นอะไร

 

 

ไร้ซึ่งเจตนาฆ่าหรือความโกรธแค้น

 

เมื่อเห็นมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ อยู่ดีๆ เหงื่อของฉันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

「หึ ก็แค่รูปลักษณ์เปลี่ยนไปไม่ใช่หรือไง มันจะทำ…หือ?」

 

 

ฉันพยายามจะพูดล้อเลียนมันสักหน่อย แต่ทว่าประตูมิติปริศนาก็เกิดขึ้นก่อนจะกลืนฉันกับมันเข้าไป

 

ปลายทางนั้นคือมิติปริศนาที่แตกต่างไปจากที่ฉันเคยอยู่

 

นี่มันจักรวาลที่ตายไปแล้วนี่นา พอเห็นแบบนี้ฉันก็ยิ้มออกมาให้กับความใส่ใจที่ไม่จำเป็นของลูกน้อง

 

ลำดับแห่งดวงดาราที่ 1…แกอิจฉาเจ้าหมอนี่สินะ?

 

 

 

「แกทำอะไรไร้สาระไปไหม อิริสเตโอ้」

 

 

ฉันเดาว่ามันคงจะเตรียมเวทีเหมาะสมให้ฉันได้สู้อย่างเต็มที่ แต่ไม่เห็นจะทำเป็นเลยสักนิด

 

「หวังว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังมากนักนะ」

 

 

ฉันมองดูมันเพื่อเตรียมโจมตี ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างในมือของมัน

 

ก่อนจะสงสัยว่ามันคืออะไร สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันก็ทำการโยนสิ่งนั้นออกจากมือของฉัน———มันคือแขนแขนหนึ่ง

 

 

『『『『ม่ายยยยยย!!?』』』』

 

「อิ-อิริสเตโอ้!?」

 

 

เสียงกรีดร้องจำนวนมาก ของทั้งชายหญิง เด็กคนแก่ดังไปทั่วจักรวาล..ไม่สิทุกมิติ

 

ฉันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย ก่อนฉันจะหันไปหาตัวต้นเหตุ

 

 

 

「หรือว่านั่น」

 

 

แขนของลำดับที่ 1?เป็นไปได้ด้วยเหรอที่มันสามารถโจมตีตัวตนในอีกมิติหนึ่งโดยที่ฉันไม่ทันสังเกต?

 

มันที่ทิ้งแขนของลำดับที่ 1 เหมือนกับขยะก็ได้หันมาจ้องมองฉันด้วยดวงตาสีเลือด

 

 

「อึก」

 

 

ร่างกายของฉันเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างน่าประหลาด

 

ส่วนล่างของหน้ากากที่ปกคลุมทั้งหัวเอาไว้ฉีกยิ้มออกมาราวกับมันมีชีวิต

 

 

 

『อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!』

 

 

เสียงคำรามแห่งความเคียดแค้น

 

เมื่อฉันสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ฉันก็เข้าใจได้ทันทีว่าอารมณ์ที่อยู่ภายในร่างของฉันมันคือความหวาดกลัว

 

—จบ—

โปรโตโลกนี้ได้เสียสละชีวิต……สิ่งที่แลกมาคือการถือกำเนิดขึ้นของ Gemini Driver

 

  มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด