เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 365 ไอสังหารของชวี่เหวินเซี่ยพลุ่งพล่าน

Now you are reading เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน Chapter 365 ไอสังหารของชวี่เหวินเซี่ยพลุ่งพล่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 ไอสังหารของชวี่เหวินเซี่ยพลุ่งพล่าน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดต้นไม้โบราณและพืชพรรณต่าง ๆ ถึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ ! ”

“ประหลาด นี่ช่างประหลาดยิ่งนัก ! ”

“อาจารย์เพิ่งจะลงเขาไปได้มินาน เหตุใดถึงเกิดเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ได้ ! ”

“มิใช่สิ ดูเหมือนเกิดจากการหล่อเลี้ยงของไอพลังประหลาดบางอย่าง จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้น”

“ไอพลัง ไอพลังอะไรกันถึงทำให้เกิดเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ ? ”

“จริงสิ หรือว่าด้านล่างเขาอวิ๋นชางจะมีแดนลับถูกเปิดออก ? ”

“อืม มีความเป็นไปได้ มิเช่นนั้นทั่วทั้งเขาอวิ๋นชางจะเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้นได้เยี่ยงไร ! ”

“ไอ… ไอพลังนี้เป็นไอพลังธาตุไม้ มิน่าเล่าต้นไม้โบราณและพืชพรรณต่าง ๆ ถึงเจริญเติบโตรวดเร็วเช่นนี้”

“……”

“……”

ณ สำนักชิงหยาง

ภายในเรือนที่พักของลู่ซานหยาง

เวลานี้นอกจากชวี่เหวินเซี่ย หลี่ซิวหยวน และฉีชางหยวนที่ไปด้านหลังเขาแล้ว คนที่เหลือจึงได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่

หลังจากถกเถียงกันอยู่สักพัก ก็มีคนกวาดตามองไปยังทุกคน ก่อนจะก็ถามขึ้นว่า “จริงสิ ศิษย์พี่ฉีเล่า เมื่อวานเขาไปหาศิษย์น้องเย่เพื่อดูดซับไอเซียนมิใช่หรือ เหตุใดยังมิเห็นหน้าเขาเลยล่ะ ? ”

“จริงด้วย ศิษย์พี่ฉีเล่า หรือว่าเขากลับมาตั้งนานแล้ว เวลานี้กำลังเผาผลาญไอเซียนอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“มีความเป็นไปได้”

สิ้นเสียง ร่างสูงยาวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูอย่างเงียบ ๆ

“ทุกท่าน ข้าอยู่นี่”

ฉีชางหยวนหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินวางมาดเข้ามาด้วยใบหน้าแช่มชื่น

ลู่ซานหยางเห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลว่า “ศิษย์น้องฉี เจ้าได้รับไอเซียนที่เขาด้านหลังหรือไม่ ? ”

ได้ยินเช่นนั้นฉีชางหยวนก็มิได้ตอบคำถามของลู่ซานหยางไปตรง ๆ แต่กลับยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะกางมือทั้งสองข้างออก พร้อมกับหมุนตัวให้ทุกคนดู

“ศิษย์น้องฉี เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”

ลู่ซานหยางขมวดคิ้วเบา ๆ พลางเอ่ยถามขึ้น

ฉีชางหยวนจึงยิ้มน้อย ๆ ออกมา พลางกวาดตามองคนที่เหลือ พร้อมกับเอ่ยว่า “ทุกท่านขออภัยด้วย ตอนนี้รากวิญญาณธาตุไม้ของข้าเกิดการพัฒนาถึงขั้นสูงแล้ว”

“นับแต่นี้ไป พวกเจ้าจะเรียกข้าว่าอัจฉริยะน้อยแห่งวิถีโอสถก็ได้นะ”

“ห๊ะ ! ”

ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนเพราะได้ดูดซับไอเซียนเข้าไป รากวิญญาณจึงเปลี่ยนแปลงเป็นธาตุทองขั้นกลาง

มาบัดนี้ รากปราณของศิษย์พี่ห้า ฉีชางหยวน ก็เกิดการพัฒนาขึ้น

และกลายเป็นรากปราณธาตุไม้ขั้นสูงอีกด้วย

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ! ’

‘เช่นนี้ก็หมายความว่า ฉีชางหยวนได้ดูดซับเอาไอเซียนที่แผ่ออกมาจากกายของศิษย์น้องเย่เข้าไปน่ะสิ’

หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ทุกคนต่างก็หันมาสบตากัน ก่อนจะเผยสีหน้าแน่วแน่ออกมา

ศิษย์น้องเย่ผู้นี้ พวกเขาจะต้องไปพบให้ได้สักครั้ง

หากใครกล้ามาขวาง ก็ต้องเป็นศัตรูกันไปทั้งชาติ !

ตอนนั้นเอง จื่อเหยาจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างใสซื่อ พร้อมดวงตาดำขลับที่เป็นประกาย “ศิษย์พี่ฉี ท่านดูดซับไอเซียนมาได้เยี่ยงไรหรือเจ้าคะ ? ”

ได้ยินเช่นนั้นคนที่เหลือต่างก็หันไปมองฉีชางหยวนที่มีสีหน้าอิ่มเอมใจ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

“เรื่องนั้นน่ะหรือ…”

ฉีชางหยวนฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ด้านหน้าของลู่ซานหยาง

“ในเมื่อทุกคนอยากรู้ ข้าจะเห็นแก่มิตรภาพของศิษย์ร่วมสำนักมาหลายปีของพวกเรา เช่นนั้นข้าจะบอกทุกอย่างให้พวกเจ้ารู้ก็แล้วกัน”

ฉีชางหยวนลูบที่ปลายคางของตัวเอง ก่อนจะเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด ให้ทุกคนได้ทราบด้วยท่าทีขึงขัง

ถึงแม้ตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังมิรู้ว่าดูดซับไอเซียนมาได้เยี่ยงไร จึงทำให้รากวิญญาณเกิดการพัฒนาขึ้นเช่นนี้

แต่การที่เขามิรู้ ก็มิได้หมายความว่าเขาจะจินตนาการมิเป็น แต่งเรื่องเองมิได้นี่นา

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลังจากที่ฉีชางหยวนเล่าทุกอย่างที่ตัวเองได้พบได้เห็น ให้เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องฟังหมดแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนทันที

“ศิษย์น้องทุกท่าน ตอนนี้พวกเจ้ากลับกันไปได้แล้ว ส่วนใครจะเป็นคนต่อไปที่ได้ไปพบศิษย์น้องเย่นั้น ก็ให้เรียงตามที่ได้จับฉลากเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน”

ฉีชางหยวนเอ่ยกับทุกคน พร้อมกับโบกมือไล่

ทุกคนสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะทยอยเดินออกไป

รอจนเหล่าศิษย์น้องทุกคนออกไปหมดแล้ว

ฉีชางหยวนจึงมาเดินมาหาลู่ซานหยาง หลังจากลังเลอยู่สักพัก ก็ได้เอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วแน่นว่า

“ศิษย์พี่ลู่ พวกเราสองคนไปหาศิษย์พี่ใหญ่กันเถอะ”

“ห๊ะ ? ”

เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของฉีชางหยวน ดวงตาของลู่ซานหยางก็เกิดประกายบางอย่างพาดผ่าน

“ศิษย์น้องฉี หรือว่าที่ด้านหลังเขาเกิดอะไรขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ลู่ซานหยางเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน

ฉีชางหยวนจึงพยักหน้าให้ ก่อนเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ลู่ มีบางเรื่องเอาไว้ข้าจะบอกท่านระหว่างทางก็แล้วกัน”

เอ่ยจบทั้งสองก็เดินตามกันออกไป ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่พักของหลี่ซิวหยวน

เวลาเดียวกัน จื่อเหยาผู้ที่จะได้ไปพบเย่ฉางชิงเป็นคนต่อไปนั้น เกิดกังวลขึ้นมาจึงจำต้องย้อนกลับ เพื่อจะมาถามฉีชางหยวนถึงรายละเอียดบางอย่างให้แน่ชัดอีกครั้ง

ทว่าหลังจากนางเห็นฉีชางหยวนและลู่ซานหยางพูดคุยกันอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

เช่นนั้นนางจึงแอบเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ

จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป

บัดนี้จื่อเหยากลับยืนอยู่ใต้ต้นไม้เก่าแก่อันเขียวขจี และอุดมสมบูรณ์ต้นหนึ่งเพียงลำพัง

ทว่าบนใบหน้ารูปไข่อันขาวเนียนของนาง กลับเต็มไปด้วยความสับสน

“ศิษย์หลาน ? ”

“ศิษย์พี่ชวี่เลอะเลือนเกินไปแล้ว”

จื่อเหยาขมวดคิ้วแน่น พลางพึมพำกับตัวเองอย่างอดมิได้ “ศิษย์พี่ชวี่ก่อนหน้านี้ยังสอนข้าอยู่เลยว่า เป็นสตรีต้องสงวนท่าที แต่นางกับศิษย์น้องเย่เพิ่งเจอหน้ากันมิกี่ครั้ง ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว ช่างน่าละอายจริง ๆ ! ”

“มิได้ ข้าต้องไปถามนางให้รู้เรื่อง จะปล่อยให้ศิษย์พี่ชวี่และศิษย์น้องเย่ทำเช่นนี้มิได้เป็นอันขาด ! ”

สิ้นเสียง บนใบหน้ารูปไข่ที่ดูเยาว์วัยของจื่อเหยา พลันเต็มไปด้วยสีหน้าแน่วแน่

“ศิษย์พี่ชวี่”

มินานจื่อเหยาก็มาถึงประตูเรือนชวี่เหวินเซี่ย ก่อนจะเคาะประตูเบา ๆ

“ที่แท้ก็จื่อเหยานี่เอง เข้ามาสิ”

ได้ยินเช่นนั้น จื่อเหยาจึงได้ผลักประตูเข้าไปทันที

เวลานี้นางพบว่าชวี่เหวินเซี่ยที่มีรูปร่างเย้ายวนสวมอาภรณ์สีแดง กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะหินตัวหนึ่ง

ส่วนในมือของนางกำลังถือจอกหยกใบหนึ่งเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าภายในจอกหยกนั้นก็คือสุราชิงอี่ ที่เยาฉางชิงมอบให้นั่นเอง

เพียงแต่ชวี่เหวินเซี่ยกำลังลังเลอยู่ว่าจะดื่มสุราจอกนี้ดีหรือไม่

เพราะหลังจากกลับมา นางก็ได้ดื่มสุราชิงอี่ไปอีกหนึ่งจอก

ผลสุดท้ายนางก็เมาจนสลบไปอีกเช่นเคย ทว่าก่อนหน้านี้มินาน นางก็เพิ่งจะฟื้นคืนสติขึ้นมาได้

อีกทั้งนางยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ได้เกิดความเข้าใจในมรรคาของตัวเองลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ส่วนตบะบารมีก็มีแนวโน้มที่จะก้าวข้ามระดับได้อีกด้วย

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าของจื่อเหยาพลันเรียบตึง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปตามตรงว่า

“ศิษย์พี่ชวี่ ท่านกับศิษย์น้องเย่แท้จริงแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ ? ”

สิ้นเสียง ชวี่เหวินเซี่ยที่ใบหน้าแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มสดใสพลันชะงักค้างไปทันที ก่อนจะหันไปมองจื่อเหยาอย่างสงสัย

“เด็กโง่ เจ้าพูดอะไรของเจ้า ? ”

เมื่อเห็นจื่อเหยามีสีหน้าเย็นชาเช่นนี้เป็นครั้งแรก ชวี่เหวินเซี่ยจึงเอ่ยออกมาอย่างกลั้นขำเอาไว้ว่า “อะไรคือข้าและศิษย์น้องเย่เกิดอะไรขึ้น เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน ? ”

“ศิษย์พี่ฉีบอกมาเจ้าค่ะ”

จากนั้นจื่อเหยาก็ได้เล่าออกมาจนหมด “อีกทั้งศิษย์พี่ฉียังบอกอีกว่า หากท่านและศิษย์น้องเย่ยังมีความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อไป ช้าเร็วจะต้องมีศิษย์หลานออกมาอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

“หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อให้สำนักชิงหยางได้เลื่อนเป็นสำนักระดับสาม ก็มิมีหน้าที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกเป็นแน่เจ้าค่ะ ! ”

ทันทีที่สิ้นเสียง ชวี่เหวินเซี่ยก็นิ่งงัน ก่อนที่ดวงตาของนางจะวาวโรจน์ขึ้นมา

ขณะเดียวกัน ไอสังหารอันน่ากลัวก็ปะทุออกมาในทันที

ทันใดนั้น ภายในเรือนที่จัดวางเครื่องใช้ไว้อย่างประณีตหลังนี้ ราวกับถูกน้ำแข็งผนึกเอาไว้ก็มิปาน

“ฉี… ชาง… หยวน”

ชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยชื่อของฉีชางหยวนออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนในทันที “ฉีชางหยวนตัวแสบ บัดนี้กล้าลองดีกับข้าแล้วเยี่ยงนั้นหรือ”

“วันนี้ต่อให้ตาเฒ่าชิงอวิ๋นอยู่ในสำนักชิงหยาง ข้าก็จะต้องให้เจ้าหุบปากเน่า ๆ ลงให้ได้ ! ”

สิ้นเสียงชวี่เหวินเซี่ยก็หมุนตัวเหาะขึ้นฟ้าไปทันที พร้อมกับไอสังหารอันพลุ่งพล่าน

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จื่อเหยาก็ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “ที่แท้ศิษย์พี่ชวี่ก็อยู่แดนสร้างแก่นนี่เอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด