เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 374 จุดเซินชางตำแหน่งที่สอง
ตอนที่ 374 จุดเซินชางตำแหน่งที่สอง
เวลานี้นักพรตชิงอวิ๋นรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
เพราะเย่ฉางชิงนั้นเกี่ยวพันถึงอนาคตของสำนักชิงหยางทั้งสำนัก
และเขาก็ได้สั่งให้หลี่ซิวหยวนมาคอยชี้แนะเย่ฉางชิงในการบำเพ็ญเพียร เพียงเพื่อต้องการให้หลี่ซิวหยวนช่วยชี้แนะ วิธีการบำเพ็ญเพียรที่ถูกต้องให้แก่เย่ฉางชิง
แต่สุดท้ายเวลานี้เย่ฉางชิงกลับกำลังเปิดจุดเซินชางอะไรนั่น !
เพิ่งเริ่มต้นบำเพ็ญเพียรแต่กลับมัวเปิดจุดเซินชาง นี่มันเรื่องไร้สาระชัด ๆ
โลกนี้มีวิธีบำเพ็ญเพียรที่ประหลาดเช่นนี้ที่ไหนกัน !
นี่มันคือการสอนแบบผิด ๆ ของผู้ที่ไร้ความสามารถชัด ๆ !
อีกอย่างยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานเช่นเย่ฉางชิง หากระหว่างบำเพ็ญเพียรเกิดข้อผิดพลาดอะไรร้ายแรงขึ้นมา
ความทรงจำและตบะบารมีถูกปลดผนึกออก ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่สำนักเล็ก ๆ อย่างสำนักชิงหยางเลย คาดว่าแม้แต่นิกายกระบี่สวรรค์ก็คงยากจะต้านทานได้
‘หลี่ซิวหยวน ! ’
‘มือมิพายแต่เอาเท้าราน้ำจริง ๆ ! ’
ทว่าสุดท้ายนักพรตชิงอวิ๋นก็มิได้เอ่ยห้ามเย่ฉางชิง มิให้ฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณต่อ เพราะกลัวว่าเย่ฉางชิงจะเกิดสงสัยขึ้นมา
“ฉางชิง ตอนที่เจ้าฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณนี่ เคยรู้สึกมิสบายตรงไหนหรือไม่ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยถามเย่ฉางชิงด้วยความเป็นห่วง
เย่ฉางชิงจึงยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยอย่างระมัดระวังถ้อยคำว่า “เรียนท่านเจ้าสำนัก ศิษย์มิได้มิสบายอะไรขอรับ เพียงแต่ขั้นตอนการเปิดจุดเซินชางค่อนข้างใช้เวลานาน เพราะคุณสมบัติของศิษย์ต่ำเกินไปขอรับ”
‘คุณสมบัติต่ำเกินไป ! ’
‘ฉางชิงเอ๊ย เหตุใดเจ้าชอบพูดคำพวกนี้ออกมานะ ? ’
‘หากเจ้าคุณสมบัติต่ำต้อย เช่นนั้นเศษสวะอย่างพวกหลี่ซิวหยวนมิเท่ากับอยู่เปลืองอากาศหายใจหรอกหรือ ? ’
หางตาของนักพรตชิงอวิ๋นกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นชี้แนะว่า “การบำเพ็ญเพียรก็เป็นเช่นนี้ จากซับซ้อนไปเรียบง่าย หรือจากยากไปง่าย ล้วนมิมีข้อยกเว้น”
เย่ฉางชิงพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณท่านเจ้าสำนักที่ชี้แนะ”
“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
“ฉางชิง เจ้าจงบำเพ็ญเพียรต่อเถอะ”
นักพรตชิงอวิ๋นพยักหน้า แล้วเอ่ยอีกว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่สองวันระหว่างนี้หากเจ้ามีอะไรสงสัย หรือหากข้าพบข้อผิดพลาดตรงจุดไหน จะได้ช่วยแก้ไขให้เจ้าได้อย่างทันท่วงที”
ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าอันหล่อเหลาของเย่ฉางชิงก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา พร้อมกับรีบโค้งคำนับให้แก่นักพรตชิงอวิ๋นในทันที
หลังจากนั้นเขาก็ได้นั่งสมาธิลงกับพื้น และเริ่มท่องเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณอีกครั้ง เพื่อเปิดจุดเซินชางตำแหน่งที่สองต่อ
แต่เนื่องจากหลายวันมานี้ศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนมิอยู่
เย่ฉางชิงจึงกังวลว่าตอนที่ตนเองเปิดจุดเซินชางจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น และมิทันรู้ตัวอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นได้
เช่นนั้นเขาจึงบำเพ็ญเพียรให้ช้าลง
และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรู้แจ้งภาพกระบี่ไร้สิ้นสุด
แต่เพราะเหตุนี้ทำให้ความแตกฉานในวิถีกระบี่ของเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และสามารถรู้แจ้งเพลงกระบี่ได้ถึงห้าหมื่นกระบวนท่าแล้ว
นั่นหมายความขอเพียงเขารู้แจ้งอีกห้าหมื่นกระบวนท่า ก็จะสามารถเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดขั้นที่สองได้แล้ว
จากซับซ้อนไปเรียบง่าย !
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เย่ฉางชิงเองก็มิรู้ว่าควรจะทำเช่นไร
แม้ภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดจะแข็งแกร่ง แต่หากตบะบารมีของเขายังมิแก่กล้ามากพอ
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน เขาก็ยังเป็นได้แค่คนไร้ค่าเท่านั้น
ฉะนั้นเพื่อความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาจะต้องเพิ่มตบะบารมีของตัวเองให้สูงขึ้นไปอีก
แต่เขาเองก็รู้ดีว่าผู้ที่เก่งกาจอย่างศิษย์พี่ใหญ่ ย่อมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการบำเพ็ญเพียรของตัวเอง
ต่อให้ในโลกนี้เขาจะมีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรอยู่บ้าง แต่ในสายตาของศิษย์พี่ใหญ่จะไปมีค่าอันใดกัน?
มิว่าจะเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ก่อนที่จะบำเพ็ญเพียรสำเร็จก็มิต่างอันใดกับคนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ดี
ทว่าวันนี้กลับต่างออกไป เพราะมีท่านเจ้าสำนักมาคอยชี้แนะด้วยตัวเอง เขาย่อมต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ดี
หากเป็นไปได้เขาอยากจะเผยจุดอ่อน และปัญหาออกมาให้หมด
เพื่อที่ต่อไปจะสามารถฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณ และเปิดจุดเซินชางได้อย่างต่อเนื่อง
คิดถึงตรงนี้สีหน้าของเย่ฉางชิงก็ค่อย ๆ สงบนิ่งลง ก่อนจะจมดิ่งสู่การเปิดจุดเซินชางตำแหน่งที่สองในทันที
จนเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
เนื่องจากจุดเซินชางตำแหน่งที่สอง ที่เย่ฉางชิงต้องการจะเปิดนั้นเป็นธาตุไฟ
เช่นนั้นในวินาทีที่เขาจมดิ่งและตกอยู่ในภวังค์นั้น
เพียงเสี้ยววินาทีปราณวิญญาณธาตุไฟ ที่ปกคลุมเขาด้านหลังก็พลันระเบิดขึ้นมา
เกิดเป็นพายุขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง โดยเย่ฉางชิงนั้นอยู่บริเวณตาของพายุพอดิบพอดี ก่อนจะดึงดูดปราณวิญญาณฟ้าดินธาตุไฟ เข้ามาสู่ร่างอย่างคลุ้มคลั่ง
ขณะเดียวกัน นิมิตอันน่าสะพรึงกลัวที่ปกคลุมร่างของเย่ฉางชิงเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ทว่าถ้ำสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงด้านข้างของเงาร่างขนาดใหญ่นั้น
พลันเกิดสะเก็ดไฟระยิบระยับขึ้น ก่อนจะกลายเป็นเปลวเพลิงอันลุกโชน
เป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ราวกับปล่องภูเขาไฟที่มีลาวาอันรุนแรงไหลทะลักออกมา
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า นักพรตชิงอวิ๋นก็เบิกตาโพลงขึ้นทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างห้ามมิได้ ท่าทางของเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด
‘เคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณ ! ’
‘จุดเซินชาง ! ’
‘ฉางชิงยังมิทันถึงระดับสร้างรากฐานปราณ แต่กลับสามารถทำให้เกิดนิมิตอันน่ากลัวเช่นนี้ได้’
‘หากเขาถึงระดับสร้างรากฐานปราณ หรือเปิดจุดเซินชางจนสมบูรณ์แล้ว เช่นนั้นมิเท่ากับเขาจะกลายเป็นผู้ที่ไร้พ่ายหรอกหรือ ? ’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
‘อีกอย่าง ! ’
‘เคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณนี้ เขาได้มาจากภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้นจริงน่ะหรือ ? ’
‘เหตุใดโลกนี้ถึงมีสุดยอดเคล็ดวิชาที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ? ’
‘อีกทั้งยังมีคนสามารถบำเพ็ญเพียรได้อีกด้วย’
‘มิควร ! ’
‘มิควรอย่างยิ่ง ! ’
ระหว่างที่นักพรตชิงอวิ๋นกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น
วินาทีต่อมาเขาก็ได้สติอีกครั้ง ก่อนจะถอยหลังออกไปอย่างห้ามมิได้
เพราะการบำเพ็ญเพียรของเย่ฉางชิง
ทำให้ปราณวิญญาณธาตุไฟทั่วทั้งเขาด้านหลังเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
บางทีอาจเพราะนักพรตชิงอวิ๋นเองก็มีรากวิญญาณธาตุไฟ จึงทำให้หยวนอิงภายในกายของเขาปะทุขึ้นมาด้วย
เช่นนั้นหยวนอิงของเขาในเวลานี้จึงเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น ราวกับต้องการจะออกมาจากร่าง และพุ่งไปหาเย่ฉางชิง
แค่คิดก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้หมายความว่าเยี่ยงไร !
“คิดมิถึงว่าเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณของฉางชิงจะชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ถึงกับทำให้หยวนอิงของข้าสั่นสะเทือนขึ้นได้”
นักพรตชิงอวิ๋นอดมิได้ที่จะส่ายศีรษะ พร้อมกับเอ่ยในใจว่า “ดูท่าคงต้องอยู่ให้ห่างจากฉางชิงเสียแล้ว หากหยวนอิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ตบะบารมีของข้าจะต้องสูญสิ้นไปด้วยเป็นแน่”
เมื่อนักพรตชิงอวิ๋นก้าวถอยหลังไปได้หลายร้อยก้าว หยวนอิงภายในกายจึงค่อย ๆ สงบลง
เพียงพริบตา เวลาก็ผ่านไปกลายเป็นเช้าวันรุ่งขึ้นเสียแล้ว
เมื่อแสงตะวันค่อย ๆ จับขอบฟ้า
หลังจากที่เย่ฉางชิงหยุดการบำเพ็ญเพียรลง
เมื่อถ้ำสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านข้างของร่างมายาเหนือศีรษะของเขา มีขนาดเท่ากับถ้ำสวรรค์ถ้ำแรกแล้ว
มุมปากของเย่ฉางชิงก็ค่อย ๆ โค้งขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้มยินดีออกมา
ใช่แล้ว !
เขาเปิดจุดเซินฉางตำแหน่งที่สองได้สำเร็จแล้ว
หมายความว่าบัดนี้เขาแค่ต้องเปิดจุดเซินชางอีกสี่ตำแหน่ง ก็จะสามารถเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรโดยสมบูรณ์แล้ว
“ท่านเจ้าสำนัก ! ”
ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นของเย่ฉางชิงก็ได้เปิดขึ้น แสงอันเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาในทันที
“ฉางชิง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าเปิดจุดเซินชางตำแหน่งที่สองสำเร็จแล้วใช่หรือไม่ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นมิได้เผยสีหน้าใด ๆ ออกมา เขาเพียงเอามือไพล่หลัง พร้อมกับเดินเข้ามาอย่างมิรีบร้อน ราวกับยอดฝีมือผู้สูงส่ง
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ท่านเจ้าสำนัก ตอนที่ศิษย์เปิดจุดเซินชางตำแหน่งที่สองมีปัญหาอันใดหรือไม่ขอรับ ? ”
ทันทีที่ได้ยินคำถาม นักพรตชิงอวิ๋นก็มีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าชรานั้นอดมิได้ที่จะเผยสีหน้าลังเลออกมา
‘ปัญหา ? ’
‘ปัญหาอะไร ! ’
‘เจ้าคงมิคิดว่าข้าเองก็เคยฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณนี่มาก่อนหรอกนะ ? ’
‘สุดยอดเคล็ดวิชาที่อันตรายเช่นนี้’
‘ต่อให้เจ้าวางเอาไว้ตรงหน้าข้า ด้วยคุณสมบัติของข้าในตอนนี้ก็มิใช่ว่าจะสามารถฝึกได้’
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ฉางชิง นักพรตชิงอวิ๋นก็มิกล้าที่จะเอ่ยอย่างที่ใจคิดออกไปอยู่ดี
“ฉางชิง ข้ามองเจ้ามิผิดจริง ๆ คุณสมบัติของเจ้าสูงส่งมาก”
นักพรตชิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มยินดีว่า “ต้องบอกว่าในบรรดาศิษย์สำนักชิงหยางของเรา เจ้าเหมาะกับการฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณนี้ที่สุดแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็ชะงักไป พร้อมกับอดมิได้ที่จะเผยสีหน้าสงสัยออกมา
‘รู้สึกเหมือนยังมิเคยมีผู้ใดฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณนี้มาก่อนเลย ศิษย์พี่คนอื่น ๆ ต่างก็ฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาอื่นกันหมด’
‘แต่ก็ช่างเถอะ เยี่ยงไรเสียสำนักชิงหยางแห่งนี้ก็เป็นสำนักเซียนลึกลับ มีสุดยอดเคล็ดวิชามากมายให้ศิษย์ได้เลือกฝึกอยู่แล้ว’
‘เหมือนอย่างที่ท่านเจ้าสำนักกล่าวเอาไว้’
‘มิว่าจะเป็นการเข้ามาบำเพ็ญเพียรในสำนักชิงหยาง หรือการได้ฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาล้วนแต่เป็นเรื่องของโชควาสนาทั้งสิ้น’
‘ข้าเลือกเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณนี้ ส่วนเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณก็เลือกข้าเช่นกัน’
ตอนนั้นเอง นักพรตชิงอวิ๋นก็เอ่ยถามขึ้นว่า “จริงสิ เจ้ารู้แจ้งแผ่นหินทรงกระบี่ที่เขาด้านหลังแผ่นนี้แล้ว เวลานี้ความรู้แจ้งในวิถีกระบี่ของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”
Comments