เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 375 หัวใจไร้พ่าย
ตอนที่ 375 หัวใจไร้พ่าย
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้เพื่อมิให้เย่ฉางชิงเกิดความสงสัยขึ้น
“ฉางชิง เจ้าอาจจะมิรู้”
นักพรตชิงอวิ๋นก็โบกมือไปมา พยายามเอ่ยเสริมว่า “แผ่นหินทรงกระบี่นี้แฝงไว้ด้วยเคล็ดวิชาของวิถีกระบี่มากมาย เคล็ดวิชาที่แต่ละคนรู้แจ้งจากแผ่นหินทรงกระบี่นี้ล้วนแตกต่างกัน”
ได้ยินเช่นนั้น
“เรียนท่านเจ้าสำนัก เคล็ดวิชาที่ศิษย์ได้รู้แจ้งจากแผ่นหินทรงกระบี่นี้เรียกว่าภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดขอรับ”
“ภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดนี้แบ่งเป็นสองส่วนก็คือ จากง่ายไปซับซ้อน และจากซับซ้อนมาง่าย”
เย่ฉางชิงประสานมือคารวะให้แก่นักพรตชิงอวิ๋นน้อย ๆ พร้อมกับสารภาพตามตรงว่า “คุณสมบัติของศิษย์ยังมิดีพอ นับตั้งแต่รู้แจ้งในภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดมาจนถึงวันนี้ เพิ่งจะทำความเข้าใจได้ 53,668 กระบวนท่าเท่านั้น และยังเหลืออีกเกือบห้าหมื่นกระบวนท่าที่ยังมิได้รู้แจ้งอย่างสมบูรณ์ขอรับ”
“ทว่าต่อให้รู้แจ้งที่เหลืออีกห้าหมื่นกระบวนท่า ศิษย์กลับทำได้อย่างสมบูรณ์เพียงง่ายไปซับซ้อนเท่านั้นขอรับ”
ได้ยินเช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็รู้สึกราวกับเกิดเสียงวิ๊งดังขึ้นในโสตประสาท
‘ฉางชิงสามารถรู้แจ้งแผ่นหินทรงกระบี่ที่ถูกทิ้งร้างไว้แผ่นนี้ได้จริง ๆ ด้วย ! ’
‘ภาพกระบี่ไร้สิ้นสุด ! ’
‘ชื่อเคล็ดวิชานี้ฟังดูมิธรรมดาจริง ๆ ! ’
‘จากง่ายไปซับซ้อน จากซับซ้อนไปง่าย’
‘เพียงแค่ส่วนแรกก็มีแสนกว่ากระบวนท่าแล้ว เช่นนั้นส่วนที่สองเกรงว่าคงจะยิ่งรู้แจ้งได้ยากขึ้นไปอีกกระมัง ! ’
‘น่าเสียดาย ! ’
‘น่าเศร้า ! ’
‘น่าเสียใจ ! ’
‘นับตั้งแต่ท่านเจ้าสำนักรุ่นแรกนำแผ่นหินทรงกระบี่นี้กลับมา สำนักชิงหยางยังมิมีผู้ใดสามารถรู้แจ้งในแผ่นหินแผ่นนี้ได้เลยแม้แต่คนเดียว’
‘ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่คนของนิกายกระบี่สวรรค์เองก็มิมีใครสามารถรู้แจ้งได้เช่นกัน’
‘ทว่าบัดนี้กลับถูกผู้เก่งกาจอย่างเย่ฉางชิงรู้แจ้งจนหมด’
‘เห็นได้ชัดว่าภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดนี้จะต้องเป็นเพลงกระบี่ที่ไร้เทียมทานอย่างแน่นอน’
‘จริงสิ เหตุใดฉางชิงถึงชอบพูดจาเช่นนี้บ่อยครั้งด้วยเล่า’
‘หากเขาพูดเช่นนี้จนติดเป็นนิสัยขึ้นมา ต่อไปเมื่อเข้านิกายกระบี่สวรรค์แล้ว เกรงว่าจะถูกคนอื่นหมั่นไส้เอาได้นะ ! ’
คิดได้เช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็แสร้งพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยกับเย่ฉางชิงว่า
“ฉางชิง นับแต่นี้เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี”
“พวกเราเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรมิว่าที่ไหนเวลาใด หรือจะอยู่ต่อหน้าผู้ใด ล้วนแต่ต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง และยิ่งต้องมีหัวใจที่ไร้พ่ายกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ ”
เอ่ยถึงตรงนี้นักพรตชิงอวิ๋นก็หยุดชะงักเพื่อเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะเอ่ยต่ออีกว่า “ข้ามองว่าคุณสมบัติของเจ้ามิได้ด้อยกว่าผู้ใด เช่นนั้นมิว่าจะที่ไหน เวลาใด หรืออยู่ต่อหน้าผู้ใด ก็มิต้องถ่อมตนมากถึงเพียงนี้…”
ตอนนั้นเองระหว่างที่นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยยังมิทันจบประโยค
เย่ฉางชิงก็นิ่งอึ้งไป เหมือนกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้
ถูกแล้ว !
เมื่อได้ยินคำกล่าวของนักพรตชิงอวิ๋น
เย่ฉางชิงก็หวนคิดถึงตอนที่เขาอยู่ที่โลกใบนั้น
แม้ตอนอยู่ที่โลกนั้นเขาจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ อยู่หลายปี แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นผู้ที่ไร้พ่าย แม้จะเพียงความฝันก็ตาม
เพียงแค่คิดก็สามารถผนึกหรือสังหารสรรพสิ่งได้ !
เพียงแค่คิดก็สามารถควบคุมช่องว่างของเวลาได้ !
เพียงแค่คิดก็สามารถเปิดประตูสวรรค์ ให้ผู้คนทะยานขึ้นสู่เบื้องบนได้ !
อิทธิ์ฤทธิ์ต่าง ๆ มากมาย หล่อหลอมหัวใจไร้พ่ายของเขาขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
ทว่าหลังจากที่เขามายังโลกใบนี้
ทั้งหมดก็เหมือนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทำให้เขาหลงลืมจิตใจเช่นนั้นไป
บัดนี้เมื่อนักพรตชิงอวิ๋นพูดเตือนสติ ให้เขากอบกู้จิตใจที่ไร้พ่ายเช่นนั้นกลับคืนมา…
จิตใจของเย่ฉางชิงจึงค่อย ๆ เกิดการพัฒนาขึ้น เพราะคำพูดของนักพรตชิงอวิ๋น
จึงทำให้ลักษณะท่าทางของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ชุดคลุมสีเขียวโบกสบัด ผมยาวสลวยปลิวไสวขึ้นช้า ๆ คางเชิดขึ้นน้อย ๆ ราวกับกำลังจ้องมองท้องนภา
ขณะเดียวกันรอบกายของเขาก็ปรากฏไอพลังอันปั่นป่วนขึ้นจาง ๆ แสงหลากสีสันที่ดูพิสดาร ทว่าให้ความสงบเยือกเย็นไหลเวียนไปทั่วร่าง ทั้งยังมีสายฟ้าเปล่งประกายออกมาเป็นพัก ๆ อีกด้วย
และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดก็คือ
ดอกบัวที่อบอวลไปด้วยพลังโกลาหลกลุ่มหนึ่ง ที่ปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์โบราณที่ร่วงหล่นราวกับฝนดาวตก และเจดีย์หวงเสวียนหลิงหลงก็ปรากฏขึ้นทางด้านหลังของเขาอย่างเงียบ ๆ
และหลังจากที่พลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวได้แผ่ออกมา ห้วงอากาศรอบ ๆ กายก็เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้น ๆ และปล่อยคลื่นแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อรอบกายของเขาปรากฏนิมิตขึ้นมากมาย
ร่างของเย่ฉางชิงก็เริ่มมีไอพลังเต๋ามากมายแผ่ออกมาจากภายใน
ถูกแล้ว !
นั่นก็คือไอพลังเต๋าในตำนาน !
อีกทั้งไอพลังเต๋าทุกสายล้วนแตกต่างกันไป ทว่ากลับบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเวลานี้เย่ฉางชิงนั้นน่ากลัวมากเพียงใด
ท่าทางเคร่งขรึม
ปทุมสูติและเจดีย์หวงเสวียนลอยวนอยู่ด้านหลัง
หลักเต๋ามากมายไหลเวียนอยู่รอบกาย
ราวกับเทพบรรพกาลที่ควบคุมหลักเต๋ามากมายในตำนานปรากฏตัวขึ้นก็มิปาน ทำให้คนรู้สึกศรัทธาจนอยากกราบกรานเพราะความเลื่อมใส
เมื่อเห็นภาพสุดอัศจรรย์เช่นนี้
นักพรตชิงอวิ๋นถึงกับตะลึงงัน ในสมองราวกับมีสายฟ้านับพันนับหมื่นฟาดลงมา จนทุกอย่างขาวโพลนภายในพริบตา
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’
‘ฉางชิง แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ! ’
‘หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน ที่ผนึกความทรงจำและตบะบารมีของตัวเองเอาไว้จริง ๆ ? ’
‘อืม ! ’
‘มิผิดแน่ ! ’
‘มิผิดอย่างแน่นอน ! ’
‘ที่บอกให้เขาฝึกจิตใจที่ไร้พ่ายนั้น ข้าเพียงเอ่ยไปตามความรู้สึกก็เท่านั้น’
‘แต่เขากลับเกิดรู้แจ้งขึ้นจริง ๆ จนปรากฏนิมิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ขึ้นมา’
……………………..
รอจนเมื่อเย่ฉางชิงตื่นขึ้นมาจากภวังค์นั้นแล้ว และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
วินาทีต่อมา เมื่อเขาเห็นนักพรตชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ร่างทั้งร่างพลันนิ่งงันไปทันที
‘เขาทำอะไรของเขา ? ’
‘เหตุใดท่านเจ้าสำนักถึงมาคุกเข่าต่อหน้าข้าเช่นนี้เล่า ? ’
หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางค่อย ๆ เอ่ยถามออกไปว่า “ท่านเจ้าสำนัก ท่านกำลัง…”
ได้ยินเช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นก็ได้สติขึ้นมาทันที
เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ฉางชิง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเคอะเขิน “ฉางชิง เมื่อครู่ข้าเหมือนรู้แจ้งบางอย่างขึ้นมากะทันหัน”
เอ่ยจบ นักพรตชิงอวิ๋นก็ลุกขึ้นยืนทันที
เมื่อเย่ฉางชิงมีสีหน้างุนงง นักพรตชิงอวิ๋นจึงหาข้ออ้างมาอธิบายว่า “เจ้ามิต้องตื่นตกใจไป ปกติเวลาข้ารู้แจ้งขึ้นมาก็มักจะรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา จนคุกเข่าลงกับพื้นอย่างมิรู้ตัวเช่นนี้แหละ”
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ
เวลารู้แจ้งจะเกิดความรู้สึกศรัทธาจนคุกเข่าลงกับพื้น ?
แม้คำอธิบายเช่นนี้จะฟังดูแปลก ๆ แต่ก็มิใช่ว่าจะไร้เหตุผลซะทีเดียว
ตะวันจันทราสลับสับเปลี่ยน ดวงดาราเคลื่อนผ่าน หยินหยางหมุนเวียน ทะเลกลายเป็นแผ่นดิน แผ่นดินกลายเป็นทะเล ทุกอย่างล้วนแฝงไว้ด้วยจิตแท้แห่งหลักเต๋าอันสูงสุด
และการเป็นผู้บำเพ็ญเพียร
ทุกครั้งที่รู้แจ้งมักเกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา และบางทีอาจจะสามารถรู้แจ้งในสิ่งต่าง ๆ ด้วยก็เป็นได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เย่ฉางชิงจึงพยักหน้าน้อย ๆ ให้กับนักพรตชิงอวิ๋น
ตอนนั้นเองนักพรตชิงอวิ๋นก็ได้เพ่งสมาธิ แล้วหยิบกระบี่จื่อชิงมูลค่าหมื่นศิลาวิญญาณเล่มนั้นออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
“ฉางชิง กระบี่จื่อชิงเล่มนี้เป็นกระบี่ที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นับตั้งแต่ที่เจ้าเข้ามาบำเพ็ญเพียรที่สำนักชิงหยาง ข้ายังมิเคยมอบของขวัญอะไรให้เจ้าเลย”
“บัดนี้ในเมื่อเจ้ารู้แจ้งภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดบนแผ่นหินทรงกระบี่แล้ว เช่นนั้นข้าขอมอบกระบี่จื่อชิงเล่มนี้ให้เจ้าก็แล้วกัน”
เย่ฉางชิงมีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังกระบี่จื่อชิงในมือของนักพรตชิงอวิ๋น
ความจริงแล้วนับตั้งแต่เขารู้แจ้งภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดมา เขาก็อยากมีกระบี่เป็นของตัวเองสักเล่ม
บัดนี้กลับได้รับกระบี่จากท่านเจ้าสำนักเช่นนี้ ช่างโชคดีจริง ๆ
คิดถึงตรงนี้ใบหน้าของเย่ฉางชิงพลันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือออกไปรับกระบี่จื่อชิงในมือของนักพรตชิงอวิ๋น
ทว่าขณะที่เขารับกระบี่จื่อชิงมา และใช้นิ้วเรียวยาวลูบไปที่สันกระบี่เบา ๆ
กระบี่จื่อชิงกลับเกิดสั่นขึ้นมาน้อย ๆ จากนั้นก็มีคลื่นพลังอันรุนแรงออกมา…
Comments