เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 376 นักพรตชิงอวิ๋นผู้มีความสุข

Now you are reading เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน Chapter 376 นักพรตชิงอวิ๋นผู้มีความสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 376 นักพรตชิงอวิ๋นผู้มีความสุข

หลังจากที่กระบี่จื่อชิงปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงออกมาชั่วขณะหนึ่ง

ตัวกระบี่อันเย็นเยียบเล่มนี้เหมือนกับปลดผนึกโบราณบางอย่างออก

ทันใดนั้นไอพลังที่ดูเก่าแก่กลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา

สัญลักษณ์โบราณค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากตัวกระบี่ พร้อมเปล่งแสงสีม่วงสว่างเจิดจ้าออกมาด้วย

นักพรตชิงอวิ๋นมีสีหน้ายินดีทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า แววตาเปล่งประกายระยิบระยับ

ตอนที่เขาซื้อกระบี่จื่อชิงเล่มนี้จากหอการค้าแปดทิศ ในเมืองหลานซี

ผู้ดูแลหอการค้าผู้นั้นได้บอกเอาไว้แล้ว

หากมิใช่เพราะว่าผนึกบนตัวกระบี่จื่อชิงเล่มนี้ซับซ้อนและโบราณเกินไป จนนักสร้างค่ายกลทั่วทั้งเมืองหลานซีอับจนหนทางแล้วล่ะก็

กระบี่จื่อชิงเล่มนี้มิมีทางถูกขายให้เขาในราคาหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณอย่างแน่นอน

เพราะกว่าจะได้กระบี่จื่อชิงเล่มนี้มา

หอการค้าแปดทิศต้องสูญเสียยอดฝีมือไปนับสิบคนในแดนลับแห่งหนึ่ง

อีกทั้งผู้ที่เข้าไปในแดนลับยังมิได้มีเพียงคนของหอการค้าแปดทิศเท่านั้น แต่ยังมีคนของฝ่ายอื่น ๆ ด้วย

เช่นนั้นเพื่อที่จะได้กระบี่จื่อชิงเล่มนี้มา หอการค้าแปดทิศยังได้ล่วงเกินคนไปมากมาย

แต่ผลสุดท้ายทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากระบี่จื่อชิงเล่มนี้ มิใช่กระบี่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่มิว่าเยี่ยงไรหอการค้าแปดทิศก็มิสามารถปลดผนึกบนตัวกระบี่ได้

เช่นนั้นกระบี่จื่อชิงเล่มนี้จึงถูกวางเอาไว้เช่นนั้นมานานนับร้อยปี

จนถึงทุกวันนี้ และจำต้องขายในราคาที่ถูกลง เพียงหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณเท่านั้น

แต่ในตอนนั้นนักพรตชิงอวิ๋นคิดแค่ว่าการที่ผู้ดูแลร้านพูดเช่นนี้ ก็เพราะต้องการเพิ่มราคาให้กับกระบี่จื่อชิงเท่านั้น มิได้เก็บมาใส่ใจแต่อย่างใด

แต่หากมิใช่เพราะว่ากระบี่จื่อชิงมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นแล้วล่ะก็ ต่อให้ตีเขาให้ตาย เขาก็มิมีทางยอมจ่ายหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณเพื่อกระบี่จื่อชิงเล่มนี้อย่างแน่นอน

แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นดังที่ผู้ดูแลของหอการค้าแปดทิศผู้นั้นกล่าวเอาไว้จริง ๆ

บนกระบี่จื่อชิงเล่มนี้มิเพียงถูกวางผนึกเอาไว้ ทว่าจากปรากฏการณ์และพลังที่ปล่อยออกมา แสดงว่าผนึกที่วางเอาไว้จะต้องมิใช่ผนึกธรรมดาอย่างแน่นอน

เช่นนี้ก็หมายความว่าเขาได้ของล้ำค่ามาจริง ๆ

คิดถึงตรงนี้แล้ว

‘กระบี่จื่อชิงเล่มนี้พิเศษยิ่งนัก หรือจะเป็นอาวุธเทพที่ถูกทิ้งเอาไว้ตั้งแต่สมัยบรรพกาล ? ’

นักพรตชิงอวิ๋นขมวดคิ้วเบา ๆ พิจารณากระบี่จื่อชิงที่อยู่ในมือของเย่ฉางชิงอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำในใจว่า

‘ไอพลังรุนแรงและมีการสลักสัญลักษณ์โบราณที่ซับซ้อนมากมาย แสดงว่าจะต้องเป็นกระบี่เซียนในตำนานเป็นแน่’

ขณะเดียวกัน เย่ฉางชิงเองก็อดมิได้ที่จะเผยสีหน้าสงสัยออกมา

เพราะหลังจากที่กระบี่จื่อชิงเล่มนี้ปล่อยคลื่นพลังออกมาชั่วขณะหนึ่งแล้ว

เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นวิญญาณจาง ๆ อีกทั้งจิตวิญญาณอันอ่อนแอนี้ยังมาจากตัวกระบี่อีกด้วย

ทว่าจิตวิญญาณที่อ่อนแอนี้ ดูเหมือนกำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างเป็นอย่างมาก แต่ทันทีที่เกิดการเชื่อมโยงกับเขา ความรู้สึกเมื่อครู่นั้นก็มลายหายไป

‘ข้าคิดไปเองเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘มิใช่ ! ’

‘มิใช่อย่างแน่นอน ! ’

‘แต่ว่าเหตุใดภายในตัวกระบี่จึงมีจิตวิญญาณสิงสถิตอยู่ ? ’

‘จริงสิ ! ’

‘ตามที่ตำราเล่มหนึ่งในหอเก็บตำราของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเขียนเอาไว้’

‘อาวุธที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้จะเกิดจิตวิญญาณอาวุธขึ้น’

‘จิตวิญญาณอาวุธก็จะอาศัยอยู่ในอาวุธนั้น’

‘แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติไปนะ ! ’

‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอยู่อีกโลกหนึ่ง ส่วนที่นี่เป็นโลกเซียนอีกใบใหม่’

‘หรือความรู้ในการบำเพ็ญเพียรของโลกทั้งสองโลกจะเหมือนกันเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘เป็นไปมิได้ ! ’

‘เป็นไปมิได้อย่างแน่นอน ! ’

ตอนนั้นเอง หลังจากอารมณ์ของเขาค่อย ๆ สงบลง

นักพรตชิงอวิ๋นจึงเอ่ยกับเย่ฉางชิงอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉางชิง กระบี่จื่อชิงเล่มนี้เจ้าพอใจหรือไม่ ? ”

เย่ฉางชิงที่กำลังเตรียมจะเอ่ยปากชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา “ขอบคุณท่านเจ้าสำนักที่มอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้ข้าขอรับ”

นักพรตชิงอวิ๋นพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเถอะ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการอีก”

เย่ฉางชิงประสานมือคารวะให้อีกครั้ง “ศิษย์น้อมส่งท่านเจ้าสำนัก”

สิ้นเสียงนักพรตชิงอวิ๋นก็ยิ้มออกมา ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง พลันทะยานขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปทางสำนักชิงหยางทันที

หลังจากยืนมองนักพรตชิงอวิ๋นจากไปแล้ว

เย่ฉางชิงก็ยื่นนิวเรียวยาวของตน ลูบไล้เบา ๆ ที่สันกระบี่อีกครั้ง ด้วยท่าทางปลาบปลื้ม

ทว่าผ่านไปมิกี่อึดใจ

เขาก็เก็บกระบี่จื่อชิงเข้าไปยังแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็นั่งสมาธิลงกับพื้น และเริ่มเปิดจุดเซินชางตำแหน่งที่สามต่อ

เย่ฉางชิงรู้ดีว่าแม้เขาจะได้รับกระบี่วิเศษมา แต่เขายังต้องเปิดจุดเซินชางทั้งหกตำแหน่งให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็วเสียก่อน

มีเพียงการเปิดจุดเซินชางให้ครบทั้งหกตำแหน่งเท่านั้น เขาจึงสามารถเรียกได้ว่าก้าวสู่ประตูแห่งการฝึกเซียนอย่างแท้จริง

มิเช่นนั้นทั้งหมดนี้ก็มิต่างอะไรกับการอยู่ไปวัน ๆ

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลังจากที่นักพรตชิงอวิ๋นกลับจากเขาด้านหลัง เขาก็รีบไปยังป่าไผ่ที่ปกติมิค่อยมีผู้ใดเข้ามา บนเขาด้านหลังที่อยู่ติดกัน

เพราะก่อนหน้านี้ขณะที่เย่ฉางชิงตกอยู่ในภวังค์บางอย่างนั้น ร่างกายของเขาได้แผ่ไอพลังเต๋าอันบริสุทธิ์มากมายออกมาด้วย

ขณะที่เขาอยู่ห่างจากเย่ฉางชิงไปเพียงมิกี่ก้าว

อีกทั้งเขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายของเขาก็ได้ซึมซับเอาไอพลังเต๋าธาตุไฟที่บริสุทธิ์นั้นเข้าไปด้วย

ผ่านไปมิกี่อึดใจ ร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย

และเพราะเหตุนี้ จากเดิมที่เขาตั้งใจจะให้เย่ฉางชิงฝึกภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดให้ดู จึงจำต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป และหาข้ออ้างปลีกตัวออกมาในทันที

ก่อนจะรีบมายังส่วนลึกของป่าไผ่แห่งนี้โดยมิลังเลใด ๆ

“ฉางชิงเอ๊ย ข้ามิขอให้ธาตุหรือคุณสมบัติของรากวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นพวกหลี่ซิวหยวนหรอกนะ เพราะเยี่ยงไรเสียข้าก็มีตบะบารมีแดนก่อกำเนิดแล้ว”

นักพรตชิงอวิ๋นมายังพื้นที่โล่ง ๆ แห่งหนึ่ง ก่อนจะรีบนั่งสมาธิลงกับพื้น

แต่เขาก็มิได้สำรวจการเปลี่ยนแปลงของหยวนอิงภายในกายทันที กลับพนมมือขึ้นและอธิษฐานอย่างตั้งมั่นว่า

“ฉางชิง เจ้าคือสายลม เจ้าคือสายฟ้า เจ้าคือตำนานเพียงหนึ่งเดียว”

“ข้า หลี่ชิงอวิ๋น นับตั้งแต่บำเพ็ญเพียรมาจนถึงบัดนี้ ขยันหมั่นเพียรมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่คุณสมบัติของข้านั้นต่ำต้อย หากมิได้รับโอกาสหรือวาสนาอะไรล่ะก็ เกรงว่าชีวิตนี้คงหยุดอยู่เพียงแดนก่อกำเนิดเป็นแน่”

“หากเจ้าสงสารข้าก็ขอให้หยวนอิงของข้าเกิดการพัฒนา ให้การบำเพ็ญเพียรก้าวต่อไป และสามารถก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว…”

นักพรตชิงอวิ๋นพูดกับตัวเองเช่นนั้นอยู่ครึ่งชั่วยาม

จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทำท่ามุทราอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปเพียงอึดใจ

ผมและหนวดอันขาวโพลนของนักพรตชิงอวิ๋นก็ปลิวไสว อาภรณ์โบกสะบัดไปมา รอบกายพลันเกิดแสงอันเจิดจ้าไหลเวียน

วินาทีต่อมาไอพลังอันลุกโชนไร้ก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา ห้วงอากาศเบื้องหน้าเกิดระลอกคลื่นขึ้นเป็นชั้น ๆ

มินานหลังจากรัศมีสีแดงราวกับเปลวเพลิง ได้ปกคลุมรอบกายเขาเอาไว้ทั้งหมด

จู่ ๆ ก็มีร่างแปลงของหยวนอิงที่มีสีแดงเพลิงทั่วทั้งร่าง ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

“นี่มัน… นี่มัน นี่มันอัศจรรย์เกินไปแล้ว ! ”

ใบหน้าของนักพรตชิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความยินดีขึ้นมาภายในพริบตา ก่อนจะเบิกตากว้าง

“คิดมิถึงว่าฉางชิงจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเช่นนี้ ขนาดข้าอยู่ข้างกายของเขามินาน กลับทำให้หยวนอิงของข้าเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ได้”

เอ่ยถึงตรงนี้ใบหน้าซูบผอมของนักพรตชิงอวิ๋นพลันเกิดความสับสนขึ้นมา ขอบตาเริ่มแดงเรื่ออย่างห้ามมิได้

“หยวนอิงแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใสและบริสุทธิ์ ยิ่งกว่านั้นยังมีเปลวไฟลุกโชน ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้าคงกลายเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดในระดับเดียวกันเสียแล้ว”

เสียงของนักพรตชิงอวิ๋นละล่ำละลักออกมา ก่อนจะเอ่ยต่ออีกว่า “ฉางชิงมอบวาสนาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้กับข้า สำนักชิงหยางจะต้องกลับมารุ่งเรืองดั่งเช่นแต่ก่อนได้อีกอย่างแน่นอน”

“ขอเพียงข้าบำเพ็ญเพียรมากพอ เชื่อว่าอีกมินานสำนักชิงหยางคงจะสามารถแยกตัวจากนิกายกระบี่สวรรค์ ออกมาตั้งสำนึกของตัวเองกลายเป็นหนึ่งในห้าสำนักเซียนใหญ่ของหลิงโจวก็เป็นได้”

เอ่ยเพียงเท่านั้น นักพรตชิงอวิ๋นก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาทันที

และในตอนนั้นเอง ภายในสำนักชิงหยางจู่ ๆ ก็มีแสงกระบี่สีทองระยิบระยับพุ่งขึ้นมา จนทำให้เกิดคลื่นแสงเป็นชั้น ๆ กลางอากาศ

เหมือนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง

“ดูเหมือนว่าซิวหยวนจะก้าวเข้าสู่แดนก่อกำเนิดแล้วสินะ”

นักพรตชิงอวิ๋นปรายตามองเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะมีประกายบางอย่างพาดผ่าน

“จริงสิ ยังมีเรื่องที่ต้องให้ซิวหยวนไปจัดการอีกนี่นา”

คิดได้เช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็เพ่งสมาธิ และเก็บหยวนอิงของตนเองกลับเข้าไปภายในร่างอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด