เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 388 ภาพอักษรพู่กันของข้ามีมูลค่าเท่าไร

Now you are reading เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน Chapter 388 ภาพอักษรพู่กันของข้ามีมูลค่าเท่าไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 388 ภาพอักษรพู่กันของข้ามีมูลค่าเท่าไร

‘ทุกคนที่เข้ามาในร้านนี้ ล้วนแล้วแต่ผ่านการทดสอบทั้งสิ้น ? ’

‘หมายความว่าเยี่ยงไรกัน ! ’

‘หรือว่าร้านแห่งนี้ขายข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการทดสอบเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘น่าขันสิ้นดี ! ’

‘ช่างน่าขันยิ่งนัก ! ’

‘จริงด้วย ! ’

‘การจัดการของเมืองกระบี่สวรรค์มีปัญหาเยี่ยงนั้นหรือ ! ’

‘ปล่อยให้นักต้มตุ๋นเช่นนี้ลอบเข้ามาได้เยี่ยงไรกัน ? ’

หลังจากเงียบอยู่สักพัก เย่ฉางชิงก็ได้พิจารณาชายชราผู้นี้อีกครั้ง ก่อนจะโบกมือปฏิเสธ “ตอนนี้พวกเรายังหาที่พักมิได้ คงมิรบกวนดีกว่าขอรับ”

ชายชราเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มอบอุ่น “น้องชาย ข้ามิได้หลอกเจ้าจริง ๆ นะ”

“อีกทั้งที่ข้าพูดไปล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยมาเยี่ยมชมร้านขายของชำของข้า ส่วนใหญ่แล้วมักจะผ่านการทดสอบ และในจำนวนนั้นยังมีอีกหลายคนที่สามารถเข้าเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์ได้อีกด้วย”

ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็ยังคงมีท่าทางมิแยแสเช่นเดิม เพียงแค่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ให้เท่านั้น

ทว่าในตอนนั้นเอง ชวี่เหวินเซี่ยกลับพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องเย่ มาถึงขั้นนี้แล้วพวกเราเข้าไปดูกันเถอะ เยี่ยงไรเสียก็คงใช้เวลามินาน”

ต้องบอกว่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองกระบี่สวรรค์ หรือขั้นตอนการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์นั้น

ความจริงแล้วชวี่เหวินเซี่ยผู้มีที่มาที่ไปมิธรรมดานั้นรู้มาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังได้รู้ความลับบางอย่างที่มิมีใครรู้อีกด้วย

จากข่าวที่เชื่อถือได้ ก่อนวันที่จะเริ่มการทดสอบ ผู้อาวุโสบางท่านของนิกายกระบี่สวรรค์จะปลอมตัวเป็นคนธรรมดา ปะปนอยู่ในเมืองกระบี่สวรรค์ด้วย

และเป้าหมายของพวกเขานั้น ก็เพื่อมองหาศิษย์ที่มีคุณสมบัติในการฝึกเซียนโดดเด่นกว่าผู้ใด

เช่นนั้นเมื่อชายชราผู้มีลักษณะท่าทางราวกับเซียน แต่ทำทีเหมือนนักต้นตุ๋นท่านนี้พูดออกมา

แม้ชวี่เหวินเซี่ยจะมิแสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา ทว่าภายในใจกลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าชายชราผู้นี้ ก็คือผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งของนิกายกระบี่สวรรค์เป็นแน่

ตอนนั้นเองชายชราจึงพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม แล้วเอ่ยกับเย่ฉางชิงว่า “น้องชายเจ้ามิต้องร้อนใจไป ในเมืองกระบี่สวรรค์แห่งนี้ขอเพียงพวกเจ้ามีศิลาวิญญาณเพียงพอ การจะหาที่พักอย่างที่ใจต้องการนั้น มิใช่เรื่องยากอะไร”

เอ่ยเพียงเท่านั้น

ด้วยการเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นของชายชรา ชวี่เหวินเซี่ยและเย่ฉางชิงจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปในร้านเล็ก ๆ ที่มีแสงสลัว ๆ แห่งนั้นในทันที

แต่ต้องบอกว่าร้านที่ดูมิใหญ่โตอะไรมากแห่งนี้ กลับมีการจัดวางภายในที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

บนผนังมีอักษรพู่กันที่เขียนอย่างฉวัดเฉวียนแขวนเอาไว้ ส่วนบนชั้นวางของมีตำราโบราณหลายเล่มวางอยู่ รวมทั้งกระบี่เหล็กและกระบี่ไม้ที่มีรูปทรงค่อนข้างมีเอกลักษณ์วางเอาไว้เท่านั้น

มีเพียงเท่านั้น

มิมีสิ่งอื่นอีกแล้ว !

หลังจากเข้ามาภายในร้าน

ชวี่เหวินเซี่ยเหมือนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง จึงเดินตรงไปยังด้านหน้ากระบี่ไม้ธรรมดาเล่มหนึ่ง อดมิได้ที่จะยื่นนิ้วอันเรียวยาวออกไปลูบไล้เบา ๆ ที่ตัวกระบี่

ส่วนเย่ฉางชิงนั้นได้กวาดตามองชั้นวางของเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาไปยังภาพอักษรพู่กันตรงกลาง

ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเห็นเช่นนั้น ใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มอบอุ่นเอาไว้ ก็พยักหน้าหงึกด้วยความพึงพอใจ

จนเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ

เย่ฉางชิงก็ถอนสายตากลับมา ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เถ้าแก่ ภาพอักษรพู่กันภาพนี้ขายเยี่ยงไรหรือ ? ”

ชายชราอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบหนวดของตัวเอง พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “1,000 ศิลาวิญญาณ”

‘ศิลาวิญญาณ ? ’

เย่ฉางชิงเผยสีหน้าลังเลออกมา

‘หรือว่าศิลาวิญญาณก็คือเงินตรา ที่ใช้ในโลกเซียนใบนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘อืม ! ’

‘คงจะเป็นเช่นนั้น ! ’

‘ทว่าแค่ภาพอักษรพู่กันที่มิได้มีการจัดองค์ประกอบใด ๆ หาได้มีความลึกซึ้งไม่ มีค่าถึง 1,000 ศิลาวิญญาณเลยหรือ ? ’

‘ถ้าเช่นนั้นภาพอักษรพู่กันที่ข้าเขียนส่ง ๆ มิมีมูลค่านับหมื่นเลยหรือ ? ’

คิดถึงตรงนี้ เย่ฉางชิงก็หันไปมองชวี่เหวินเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ แล้วถามเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่ชวี่ ภาพนี้คุ้มกับราคา 1,000 ศิลาวิญญาณหรือไม่ขอรับ ? ”

ต้องบอกว่าเย่ฉางชิงมิมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าศิลาวิญญาณเลย

“มิแพง”

ชวี่เหวินเซี่ยดึงสติออกมาจากกระบี่ไม้ ก่อนจะเหลือบมองภาพอักษรพู่กันบนกำแพง พร้อมกับส่ายหน้าไปมา “ศิษย์น้องเย่ หากเจ้าชอบศิษย์พี่ซื้อให้เจ้าเป็นของขวัญก็ได้นะ”

“มิถึงกับชอบหรอกขอรับ”

เย่ฉางชิงโบกมือไปมา “เพียงแต่ข้ามองว่าภาพอักษรพู่กันภาพนี้ มิว่าจะเป็นความแตกฉานหรือการจัดวาง หาได้มีความประณีตใด ๆ ไม่”

ได้ยินเช่นนั้นชวี่เหวินเซี่ยก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างฝืดเฝื่อน

ศิษย์น้องเย่ผู้นี้แท้จริงแล้วเก่งกาจเพียงใดกันแน่

แม้นางจะได้เห็นมากับตาตัวเองแล้ว

และต่อให้เขาจะผนึกตบะบารมีและความทรงจำเอาไว้ แต่จะต้องเป็นผู้ที่นางคาดมิถึงอย่างแน่นอน

ในเมื่อศิษย์น้องเย่พูดถึงขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นแสดงว่าต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน

ตอนนั้นเองชวี่เหวินเซี่ยก็หันไปทางชายชรา แล้วเอ่ยถามว่า “เถ้าแก่ กระบี่ไม้เล่มนี้ราคาเท่าไร ? ”

ชายชราหัวเราะร่า พร้อมกับชูนิ้วขึ้นห้านิ้วพร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “500 ศิลาวิญญาณ”

ชวี่เหวินเซี่ยสบตากับชายชราเล็กน้อย ใบหน้างดงามนั้นอดมิได้ที่จะเผยสีหน้าสงสัยออกมา

ภาพอักษรพู่กันบนผนังราคา 1,000 ศิลาวิญญาณ

ส่วนกระบี่ไม้ที่แฝงไอพลังวิธีกระบี่เล่มนี้ กลับมีราคาเพียงแค่ห้ 500 ศิลาวิญญาณ

แต่นางกลับมิอาจสัมผัสได้ถึงไอพลังใด ๆ บนภาพอักษรพู่กันเลย

นั่นก็หมายความว่าด้วยคุณสมบัติของนาง ยังมิพอที่จะรู้แจ้งเจตจำนงแท้จริงของกระบี่บนภาพอักษรพู่กันได้

แต่นางกลับสัมผัสได้ถึงไอพลังวิถีกระบี่บนกระบี่ไม้เล่มนี้

แสดงว่าชายชราผู้นี้จะต้องเป็นผู้อาวุโสระดับสูงคนใดคนหนึ่ง ของนิกายกระบี่สวรรค์อย่างแน่นอน !

หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ชวี่เหวินเซี่ยก็ได้ถือกระบี่ไม้เล่มนั้นติดมือมา ก่อนจะเพ่งสมาธิแล้วหยิบ 500 ศิลาวิญญาณออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ พร้อมกับวางลงบนโต๊ะยาวด้านหน้า

แต่ขณะที่เย่ฉางชิงกำลังเตรียมจะก้าวออกจากร้านนั้น

ชายชราก็ได้ขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยถามยิ้ม ๆ ว่า “น้องชาย เมื่อครู่เห็นเจ้าสนใจในภาพอักษรพู่กันภาพนั้นมิคิดจะซื้อหรอกหรือ ? ”

เย่ฉางชิงยิ้มออกมา พร้อมเอ่ยอย่างรักษาน้ำใจว่า “เถ้าแก่ เรียนตามตรงข้ามองว่าภาพอักษรพู่กันภาพนี้ของท่าน ก็มิเลวเท่าไรถือว่ายังพอไปวัดไปวาได้”

“พอไปวัดไปวาได้ ? ”

ชายชราเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับถามด้วยสีหน้าสงสัย “ทำไมหรือ ? ”

เพราะว่านับตั้งแต่ที่เขา ขงซิงเจี้ยน ผสานวิถีกระบี่เข้าสู่ภาพอักษรพู่กันมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่าภาพอักษรพู่กันของเขาแค่พอไปวัดไปวาได้

ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น

เรื่องนี้ทำให้ขงซิงเจี้ยนรู้สึกสงสัยอย่างมาก

ทว่าเย่ฉางชิงเองก็มิอยากอธิบายอะไรมากนัก

เพราะอีกฝ่ายอายุปูนนี้แล้ว คาดว่าต่อไปภายภาคหน้า ต่อให้ได้รับการชี้แนะจากเขาไปก็คงยากที่จะพัฒนาได้อยู่ดี

“เถ้าแก่ เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ! ”

เย่ฉางชิงเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ข้าจะเขียนอักษรพวกนี้ให้ท่านใหม่อีกครา ท่านลองไปทำความเข้าใจเปรียบเทียบดูเองก็แล้วกัน”

ขงซิงเจี้ยนดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันใด พร้อมกับเอ่ยเชื้อเชิญว่า “บนโต๊ะยาวด้านหน้ามีกระดาษและพู่กันอยู่ รบกวนชี้แนะด้วย”

เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ ก่อนจะหมุนตัวไปที่หน้าโต๊ะยาวที่อยู่ทางหน้าร้าน

หลังจากนั้น

กางกระดาษออก !

จุ่มหมึก !

จรดพู่กัน !

มิกี่อึดใจต่อมา

อักษรโบราณห้าตัวที่เปี่ยมไปด้วยพลังก็ปรากฏขึ้นบนกระดาษ

คีรีรู้ใจข้า !

สุดท้าย วินาทีที่เย่ฉางชิงยกพู่กันขึ้น ไอพลังวิถีกระบี่อันบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันทะลักทลายออกมา ก่อนจะปกคลุมร้านขายของชำแห่งนี้เอาไว้ ภายในพริบตา

ทันใดนั้นเมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังวิถีกระบี่อันน่ากลัวเช่นนี้

มิเพียงแค่ชวี่เหวินเซี่ยที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่ขงซิงเจี้ยนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็อดมิได้ที่จะสะดุ้งขึ้นมา

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ! ’

‘อายุเพียงเท่านี้ แต่กลับมีความแตกฉานในวิถีกระบี่มากถึงเพียงนี้ ! ’

‘มิน่าเล่าศิษย์น้องเย่จึงสามารถรู้แจ้ง แผ่นหินทรงกระบี่ที่เขาด้านหลังได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาเป็นผู้อยู่สูงส่งบนวิถีกระบี่เช่นนี้นี่เอง’

ตอนนั้นเองเย่ฉางชิงก็พยักหน้าลงด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันไปถามด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่ ภาพอักษรพู่กันของข้าภาพนี้ จะขายได้กี่ศิลาวิญญาณงั้นหรือ ? ”

ขงซิงเจี้ยนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้ามา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด