เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 437 ท่านเย่เคยกล่าวไว้

Now you are reading เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน Chapter 437 ท่านเย่เคยกล่าวไว้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 437 ท่านเย่เคยกล่าวไว้

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็มาเริ่มกันเลยเถอะ ! ”

เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้ารับให้กับหนานกงเสวียนจีแล้ว อู๋ไท่เหอจึงเอ่ยขึ้น

“เช่นนั้นก็เริ่มกันเถอะ ! ”

นักพรตเสวียนจีพยักหน้ารับ ก่อนจะเพ่งกระแสจิตไปหาหยางถงฟู่ “ถงฟู่ คนผู้นี้สามารถเป็นตัวแทนของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ อีกทั้งรอบกายยังมีไอพลังแผ่ออกมา เห็นได้ชัดว่าความแตกฉานในวิถีหมากของเขานั้นมิธรรมดาอย่างแน่นอน ทว่าตบะบารมีกลับยังมิสูงส่งเท่าไรนัก”

“เจ้าจงจำเอาไว้ ความรู้แจ้งในวิถีหมากจะส่งผลต่อการแพ้ชนะของกลหมาก อีกทั้งนอกจากกลหมากแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่มีผลต่อกลหมากด้วย ดังนั้นการเดิมพันในครั้ง เจ้าจะต้องชนะเท่านั้น ห้ามแพ้เป็นอันขาด”

ประกายดำมืดพาดผ่านแววตาของหยางถงฟู่ ก่อนที่จะอดมิได้และลอบพินิจหนานกงเสวียนจีอีกครั้ง

“อาจารย์ ท่านวางใจเถอะ ศิษย์จะมิทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”

หยางถงฟู่เอ่ยออกมาเรียบ ๆ จากนั้นจึงเหาะขึ้นไปกลางอากาศ

มินานหนานกงเสวียนจีก็เหาะตามขึ้นไป ก่อนจะยืนเผชิญหน้ากับหยางถงฟู่ โดยที่มีกระดานหมากที่ลอยอยู่เบื้องหน้าระหว่างคนทั้งสอง

ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็ได้ทายหมาก โดยหยางถงฟู่ได้หมากขาวและจะเป็นฝ่ายเดินก่อน

ในตอนนั้นเองกระดานหมากขนาดใหญ่ ที่สร้างจากภาพมายาและปกคลุมอยู่บนท้องฟ้า ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่ตระการตายิ่งนัก

ระหว่างที่ทั้งสองผลัดกันวางหมากอย่างรวดเร็วนั้น ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างก็สามารถมองเห็นการเดินหมากบนกระดานได้อย่างชัดเจน

จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป

บนกระดานตอนี้มีหมากวางเอาไว้นับร้อยตัวแล้ว

อีกทั้งยังมองออกอย่างชัดเจนว่า หยางถงฟู่นั้นเป็นศิษย์ของนักพรตเสวียนจีจริง ๆ โดยวิถีการเดินหมาก ที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากนักพรตเสวียนจีเลยก็ว่าได้

แต่ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่หยางถงฟู่วางหมากลงไปอีกครั้ง หนานกงเสวียนจีกลับมิได้มีท่าทีว่าจะวางหมากลงแต่อย่างใด และมิยอมหยิบหมากขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ

เพียงหน้าส่ายหน้าเบา ๆ ท่ามกลางการจับตามองของคนจากสี่สำนักเซียนใหญ่

วินาทีต่อมา เขากลับพูดประโยคที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจว่า “เจ้าแพ้แล้ว”

ห๊ะ ? ? ?

เมื่อได้ยินดังนั้น นอกจากอู๋ไท่เหอ และหนิงซู่ซู่ที่มีท่าทีนิ่งสงบแล้ว

คนที่เหลือต่างก็มีสีหน้ามึนงง และเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

‘แพ้แล้ว ?’

‘แพ้ได้เยี่ยงไรกัน !’

‘คิดว่าตาแก่อย่างพวกเรามิรู้เรื่องวิถีหมากเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

ขณะเดียวกัน สีหน้าของหยางถงฟู่พลันเข้มขึ้น พร้อมกับระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาจากร่าง

“เจ้าต้องการสั่นคลอนจิตแห่งเต๋าของข้างั้นหรือ ? ”

หยางถงฟู่แววตาวาวโรจน์ ขณะเอ่ยถามหนานกงเสวียนจี

หนานกงเสวียนจีจึงส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ขอบอกตามตรง หากวิธีการเดินหมากของเจ้ายังเป็นเช่นนี้ล่ะก็ วันนี้มิว่าเยี่ยงไรเจ้าก็มิสามารถเอาชนะข้าได้หรอก”

“น่าขันยิ่งนัก ! ”

หยางถงฟู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์ ในสายตาของข้า วิถีของอาจารย์ ก็คือ วิถีของข้า”

หนานกงเสวียนจีมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงแค่หยิบหมากดำขึ้นมาสองตัว ก่อนจะวางลงบนกระดานหมาก จากนั้นก็ชี้ไปยังตำแหน่งดวงดาวตำแหน่งหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า

“นี่คือตำแหน่งดวงดาวที่เจ้าจะวางต่อจากนี้ และตำแหน่งดวงดาวต่อจากนี้ของข้า แม้ตอนนี้ดูเหมือนจะว่าจะมิมีอันใด แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นจุดสำคัญในการเอาชนะ”

เอ่ยเพียงเท่านั้นหนานกงเสวียนจีก็มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก พร้อมกับโรยตัวลงมาด้านล่างทันที ทิ้งให้หยางถงฟู่ที่ยืนนิ่งอยู่หน้ากระดานหมากเพียงลำพัง

“น้องหนานกง เจ้าเอาชนะไปกี่แต้มงั้นหรือ ? ”

เมื่อปลายเท้าของหนานกงเสวียนจีแตะลงพื้น

ขงซิงเจี้ยนก็เพ่งกระแสจิตเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นในทันที

หนานกงเสวียนจีจึงยิ้มออกมา ก่อนจะสบตากับขงซิงเจี้ยนเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปว่า “พูดไปก็ละอายแก่ใจ ตามวิธีการแก้กลหมากของท่านเย่ เขาแพ้ทั้งกระดานขอรับ”

“น้องหนานกง เจ้านี่เยี่ยมจริง ๆ คืนนี้พวกเรามิเมามิเลิกราแน่นอน”

ตอนนั้นเอง นักพรตเสวียนจีก็ได้พิจารณาหนานกงเสวียนจีใหม่อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้ารู้วิธีแก้กลหมากของข้าได้เยี่ยงไรกัน ? ”

“ผู้น้อยขอเรียนตามตรง หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ ทั้งข้าและท่านคงจะมาจากที่เดียวกันขอรับ”

หนานกงเสวียนจีเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม และมีท่าทางสบาย ๆ “ภาพกลหมากปริศนาเหล่านั้นที่ท่านเย่เคยแก้ คงเป็นของท่านทั้งหมดกระมัง ? ”

ภาพกลหมากปริศนา ?

สูด !

นักพรตเสวียนจีพลันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่อย่างอดมิได้

ตอนนั้นเขาต้องประสบกับอันใดมาบ้าง จนถึงตอนนี้เมื่อหวนคิดถึงก็ยังอดที่จะเสียวสันหลังขึ้นมามิได้

สวรรค์ลงทัณฑ์ !

เรียกได้ว่าถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ และทำให้เขาเฉียดตายมาแล้ว !

อีกทั้งในภายหลังเขาก็เพิ่งจะได้รู้ว่า ผลกรรมที่อยู่เบื้องหลังของการลงทัณฑ์จากในครั้งนั้น มีความเป็นไปว่าจะเกี่ยวข้องกับกลหมากที่เขาทิ้งเอาไว้ที่โลกเบื้องล่าง

‘จริงสิ ! ’

‘ท่านเย่ ? ’

‘ท่านเย่ผู้นี้เป็นผู้ใดกัน ? ’

‘ถึงสามารถแก้ภาพกลหมากปริศนา ที่ข้าทิ้งเอาไว้ยังโลกเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถกลั่นรอยประทับจิตวิญญาณดั้งเดิม ที่ข้าทิ้งเอาไว้บนภาพกลหมากปริศนาได้อีกด้วย’

‘หรือการที่สวรรค์ลงทัณฑ์ข้าในครั้งนั้น จะเป็นฝีมือของเขา ? ’

มิกี่อึดใจต่อมา

ขณะที่นักพรตเสวียนจียังคงรู้สึกสับสนมึนงงอยู่นั้น

หยางถงฟู่ที่ยังอยู่ด้านบน ในเวลานี้พลันมีสีหน้าดุดันขึ้นมา ไอพลังบนกายก็รุนแรงตามไปด้วย ทำให้ความว่างเปล่ารอบ ๆ เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา

“เป็นไปมิได้ ๆ ข้าหยางถงฟู่จะแพ้ให้กับเด็กหนุ่มผู้หนึ่งได้เยี่ยงไรกัน……”

หยางถงฟู่ส่ายหน้าแรง ๆ แต่สายตากลับจ้องเขม็งไปบนกระดานหมาก ขณะที่กล่าวกับตนเอง

เห็นได้ชัดว่า เพราะคำกล่าวนั้นของหนานกงเสวียนจี รวมถึงถูกมองกลหมากออกอย่างทะลุปรุโปร่ง บัดนี้จึงทำให้จิตแห่งเต๋าของเขาเกิดการสั่นคลอนอย่างรุนแรง

ได้ยินดังนั้น

“ท่านเย่เคยกล่าวเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า การศึกษามิแบ่งว่าผู้ใดก่อนผู้ใดหลัง ผู้ใดเรียนรู้ได้ก่อนคนผู้นั้นก็ถือว่าอาวุโสกว่า”

หนานกงเสวียนจีเงยหน้าขึ้นมองหยางถงฟู่ที่ดูราวกับคนเสียสติ พลางเอ่ยเรียบ ๆ อีกว่า “แม้เจ้าจะเรียกได้ว่าอาวุโสกว่าข้า ทว่าความรู้แจ้งบนวิถีหมากนั้น ข้า หนานกงเสวียนจี คิดว่าตนเองก็มีดีมิแพ้เจ้าเช่นกัน”

“อีกอย่างเจ้ามิควรใช้วิถีของผู้อื่น มาเป็นวิถีของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นวิถีอาจารย์ของเจ้า ยังห่างไกลจากท่านเย่นัก……”

‘ท่านเย่ ! ’

‘ท่านเย่อีกแล้ว ! ’

มิรู้เพราะเหตุใดเมื่อได้ยินคำเรียกว่าท่านเย่ จากปากของหนานกงเสวียนจี

นักพรตเสวียนจีก็อดมิได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา ราวกับส่วนลึกในจิตใจ ราวกับมีบ่อน้ำเกิดและเกิดระลอกคลื่นขึ้นก็มิปาน

ดังนั้น

“พอได้แล้ว ! ”

จู่ ๆ ร่างของเขาก็ระเบิดความน่าเกรงขามอันน่าสะพรึงกลัวออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่หนานกงเสวียนจี ด้วยพลังทำลายล้างที่รุนแรงในทันที

“ศิษย์ของข้า หาใช่ผู้ที่เด็กน้อยอย่างเจ้าจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้”

นักพรตเสวียนจีคำรามก้อง นิ้วสองนิ้วคีบหมากขึ้นมาหนึ่งตัว ก่อนจะสะบัดไปข้างหน้า

วินาทีต่อมา หมากที่อบอวลไปด้วยไอพลังขาวดำและแผ่ไอพลังลึกลับออกมา ก็ได้ลอยอยู่เหนือศีรษะของหยางถงฟู่

“อาจารย์”

หลังเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ

หยางถงฟู่ราวกับตื่นจากความฝัน สีหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ

“จิตแห่งเต๋าของเจ้าได้รับความเสียหาย ดังนั้นการเดิมพันในวันนี้ เจ้ามิต้องทำอันใดแล้ว”

นักพรตเสวียนจีเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ก่อนจะกวาดตามองคนจากสำนักเซียนใหญ่ทั้งสาม และเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้ามิต้องกังวลไป ข้ายังมิต่ำช้าถึงขนาดรังแกเด็กในการประลองเช่นนี้หรอก”

หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว นักพรตเสวียนจีจึงเอ่ยกับหนานกงเสวียนจีว่า “เอาเช่นนี้เพื่อความยุติธรรมในการประลอง ข้าจะให้เจ้าเดินก่อนห้าตัวเป็นไร ? ”

หนานกงเสวียนจีและอู๋ไท่เหอ ส่งสายตาสื่อสารกันเล็กน้อย เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับเบา ๆ จึงได้เอ่ยประโยคที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกออกมา

“มิจำเป็นต้องต่อให้หรอก ท่านกับข้าประลองกันอย่างยุติธรรมได้เลย”

หนานกงเสวียนจีเอ่ยด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง “ท่านเย่เคยกล่าวไว้ว่า……”

“พอได้แล้ว ! ”

ในที่สุดนักพรตเสวียนจีก็อดมิไหว ที่จะเอ่ยออกมาเสียงเข้ม “อยากได้ความยุติธรรม เช่นนั้นข้าก็จะจัดให้ แต่เจ้ามิต้องเอ่ยถึงท่านเย่อันใดนั่นต่อหน้าข้าอีก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด