เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 438 ท่านจะแพ้ได้นะขอรับ
ตอนที่ 438 ท่านจะแพ้ได้นะขอรับ
หนานกงเสวียนจีตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมิยี่หระ
หลังจากนั้นนักพรตเสวียนจีก็ส่งเสียง “หึ” ออกมา พร้อมทะยานขึ้นไปบนฟ้าที่มีกระดานหมากลอยอยู่
ในตอนนั้นเองหนานกงเสวียนจีก็หันไปมองทางอู๋ไท่เหอ พลางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ผู้อาวุโสอู๋ กลหมากต่อไป ผู้น้อยมิมั่นใจจะมีโอกาสชนะกี่แต้ม แต่ผู้น้อยจะทำอย่างเต็มที่ขอรับ”
“น้องหนานกง เจ้ามิต้องกังวลไป”
อู๋ไท่เหอพยักหน้ายิ้ม ๆ “เจ้าสามารถเอาชนะไปได้ก่อนหนึ่งตาแล้ว ก็นับว่าสามารถกู้หน้าคืนให้กับนิกายกระบี่สวรรค์ได้มากแล้ว ส่วนหมากกระดานต่อไปนั้น ข้ามิสนใจหรอก”
ตอนนั้นเอง
“ท่านพี่อู๋กล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
ผู้เฒ่าชุดป่านที่มาจากนิกายจื่ออวิ๋นลูบหนวดตนเอง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายท่านนี้แม้ว่าความแตกฉานในวิถีหมากของเจ้าจะมิธรรมดา แต่เยี่ยงไรซะก็เพิ่งขึ้นมาบนสวรรค์บูรพาได้มินาน ส่วนนักพรตเสวียนจีนั้นเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานระดับเทพพิภพแล้ว”
“ดังนั้นมิว่ากระดานต่อไปจะชนะหรือแพ้ก็สามารถภาคภูมิใจได้เลย ส่วนนักพรตเสวียนจีนั้นต่อให้เอาชนะได้ก็มิสง่างามอยู่ดี”
“การบำเพ็ญเพียรวิถีเซียนนั้น เดิมก็เหมือนกับการพายเรือทวนน้ำ เส้นทางเต็มไปด้วยอันตราย ที่ต้องแย่งชิงสุดยอดวาสนากับฟ้าและดิน”
บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มาจากจวนหนานหลิงก้าวเข้ามาช้า ๆ พลางเอ่ยสนับสนุนว่า “การที่เจ้าทำตามเสียงเรียกของหัวใจ มิตอบรับแต้มต่อของนักพรตเสวียนจี จิตใจเช่นนี้ถือว่าล้ำค่ายิ่งนัก ! ”
“น้องชาย วันนี้มิว่าเจ้าจะชนะหรือแพ้ ข้าหนานหลิงจื่อก็จะขอเป็นสหายกับเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียง นอกจากกลุ่มผู้อาวุโสแห่งวังเสวียนจีที่มีสีหน้าเข้มและดวงตาวาวโรจน์แล้ว คนที่เหลือล้วนแต่มีท่าทางที่เป็นมิตรกับหนานกงเสวียนจีทั้งสิ้น
หนานกงเสวียนจีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระโจนเหาะขึ้นไปด้านบนในทันที
มินานการประลองหมากระหว่างคนทั้งสองก็เริ่มขึ้น แม้จะมิได้มีการทายหมากกัน ทว่าเป็นหนานกงเสวียนจีที่ได้ถือหมากขาวและเริ่มเดินก่อน
ส่วนนักพรตเสวียนจียืนเอามือไพล่หลัง หลังจากพลังปราณทั่วร่างเกิดการแปรปรวน หมากดำแต่ละตัวก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกระดาน
มิเพียงเท่านั้นระหว่างที่ทั้งสองวางหมาก กระดานหมากมายาที่ปกคลุมอยู่ด้านบนก็เกิดการสั่นสะเทือน และแผ่ขยายออกไปอีกหลายสิบเท่าภายในพริบตา จนปกคลุมไปทั่วบริเวณด้านในของนิกายกระบี่สวรรค์
ต่อจากนั้นมิว่าหนานกงเสวียนจีจะวางหมากได้เร็วเพียงใด ทว่าหมากสีดำก็จะปรากฏขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันแทบทุกครั้ง
จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
บัดนี้ทั้งสองคนก็ได้วางหมากไปกว่าร้อยตัวแล้ว
ตอนนั้นเองความเร็วในการวางหมากของหนานกงเสวียนจีก็เริ่มช้าลง
เห็นได้ชัดว่าการประลองในครั้งนี้ นักพรตเสวียนจีได้มีการเปลี่ยนวิธีการเดินหมากใหม่ทั้งหมด
เรียกได้ว่าเป็นกลหมากรูปแบบใหม่ ที่ใช้จัดการหนานกงเสวียนจีโดยเฉพาะ ซึ่งใช้วิธีการเดินที่คอยล่อหลอก ทว่าเต็มไปด้วยความรอบคอบ และมิเปิดช่องโหว่ให้อีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว
จนเวลาผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป
เมื่อเห็นบนขมับของหนานกงเสวียนจีมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมา สองนิ้วคีบหมากขาวตัวหนึ่งเอาไว้ แต่กลับมีท่าทางลังเลอย่างมาก
“เจ้าหนุ่ม ตอนนี้เจ้าคงรู้ถึงความห่างชั้นในวิถีแห่งหมากของเจ้ากับข้าแล้วกระมัง ? ”
นักพรตเสวียนจีมุมปากโค้งขึ้นราวกับจะยิ้มเยาะ “ต้องยอมรับว่าคุณสมบัติในวิถีหมากของเจ้านั้นมิเลวจริง ๆ อีกทั้งความแตกฉานในตอนนี้ก็มิธรรมดา แต่เจ้ามิควรอวดดีเช่นนี้”
แม้น้ำเสียงของนักพรตเสวียนจีจะฟังดูเรียบนิ่ง ทว่าในโสตประสาทของหนานกงเสวียนจีนั้น แต่ละคำกล่าวกลับดังก้องราวกับระฆังทองคำก็มิปาน
เห็นได้ชัดว่าเขามิเพียงแต่ใช้พลังมหาศาล บดขยี้หนานกงเสวียนจีบนกระดานหมากเท่านั้น แต่ยังได้ใช้เคล็ดวิชาลับทำลายจิตใจของหนานกงเสวียนจี และมิมีผู้ใดจับได้อีกด้วย
ทว่าหนานกงเสวียนจีแม้จะมีเหงื่อไหลโซมกาย ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเผือด แต่ผลที่ได้รับกลับมิได้รุนแรงอย่างที่คิดเอาไว้เท่าไรนัก
“ต้องยอมรับว่าในวิถีแห่งหมากท่านอยู่เหนือข้าก็จริง แต่การที่ท่านใช้เคล็ดวิชาลับทำลายจิตแห่งเต๋าของข้า มันมิน่าเกลียดเกินไปหรือเยี่ยงไร ? ”
เมื่อกล่าวจบหนานกงเสวียนจีก็วางหมากตัวหนึ่งลงไปด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนักพรตเสวียนจี พลางเอ่ยด้วยความกรุ่นโกรธ “มิหนำซ้ำท่านยังดูถูกข้า หนานกงเสวียนจี ผู้นี้เกินไปแล้ว”
“ตอนที่อยู่โลกเบื้องล่าง ขณะที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าบังเอิญหลุดเข้าไปภายในโลกกระดานหมากของท่านเย่ สิ่งที่ข้าได้ประสบตอนอยู่ภายในแดนลึกลับนั้น หาใช่สิ่งที่เคล็ดวิชาลับของท่านจะสามารถเทียบเคียงได้ไม่”
‘ท่านเย่ ! ’
‘ท่านเย่ผู้นี้อีกแล้ว ! ’
ประกายเย็นชาพาดผ่านแววตาของนักพรตเสวียนจี ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเกรี้ยวกราด “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า อย่าได้เอ่ยถึงท่านเย่อันใดนั่นต่อหน้าข้าอีก ! ”
หนานกงเสวียนจีมุมปากยกยิ้มเศร้าออกมา พลางสูดลมหายใจเข้าแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อท่านมิต้องการได้ยินนามของท่านเย่อีก เช่นนั้นก็สู้กับข้าอย่างยุติธรรมสิ”
เมื่อได้ยินดังนั้น มุมปากของนักพรตเสวียนจีกระตุกขึ้น และมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก
ต่อจากนั้นแม้สีหน้าของหนานกงเสวียนจีจะเริ่มดีขึ้น ทว่าขณะที่เขาวางหมากอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามโดยมิรู้ตัวแล้ว
ทางด้านนักพรตเสวียนจีนั้น เมื่อเห็นหนานกงเสวียนจีวางหมากลงไป บนกระดานหมากก็ปรากฏหมากดำขึ้นในทันที……
กระทั่งการประลองกระดานนี้ดำเนินต่อไปจนถึงยามอู่ของวันรุ่งขึ้น ในที่สุดการดวลหมากก็มาถึงจุดจบ ซึ่งมิเกินจากที่คาดเท่าไรนัก เพราะกระดานนี้นักพรตเสวียนจีสามารถเอาชนะหนานกงเสวียนจีไปได้อย่างราบคาบ
ทันทีที่การประลองสิ้นสุดลง ร่างของหนานกงเสวียนจีก็เกิดสั่นเทาขึ้นมา เนื่องจากใช้พลังไปค่อนข้างมาก จากนั้นก็ได้ร่วงลงมายังด้านล่าง
เห็นดังนั้นอู๋ไท่เหอก็รีบสะบัดแขน ใช้พลังปราณทำให้หนานกงเสวียนจีค่อย ๆ โรยตัวมายังเบื้องล่างอย่างช้า ๆ
“น้องหนานกง เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ ? ”
อู๋ไท่เหอยื่นมือไปประคองหนานกงเสวียนจีเอาไว้ พลางถามด้วยความเป็นกังวล
หนานกงเสวียนจีที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ส่ายหน้าให้น้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ผู้อาวุโสอู๋ ข้าใช้พลังไปมิน้อย คงต้องใช้เวลาฟื้นฟูสักพัก จึงจะสามารถประลองรอบสามได้”
อู๋ไท่เหอเพ่งสมาธิหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะให้หนานกงเสวียนจีกลืนลงไป พร้อมพยักหน้าให้ก่อนจะเอ่ยว่า “มิเป็นไร รอจนเจ้าฟื้นพลังกลับมาแล้ว ค่อยประลองรอบที่สามกันต่อ”
ส่วนนักพรตเสวียนจีที่เวลานี้ยังคงยืนอยู่กลางอากาศ และปรายตามองลงไปเบื้องล่าง เล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาลง
“คิดมิถึงว่าจิตใจของเจ้าหนุ่มผู้นี้ จะอยู่เหนือกว่าความแตกฉานในวิถีหมากของเขาเสียอีก น่าเสียดายที่มิได้มาเป็นคนของข้า และเป็นคนของวังเสวียนจีได้”
“อีกอย่างวิธีการเดินหมากที่ข้าบำเพ็ญเพียรและรู้แจ้งก่อนหน้านี้ มีปัญหาจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ถึงทำให้เขาสามารถแก้กลหมากได้โดยง่าย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นหมากกระดานที่สาม ข้าจะใช้วิธีการเดินหมากของหยางถงฟู่ก่อนหน้านี้ในการประลองกับเขา และจะใช้เขาเป็นคนหาจุดอ่อนของวิธีเดินหมากให้ข้า”
เพียงพริบตาเมื่อหนานกงเสวียนจีฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเกือบสามชั่วยามแล้ว
จากนั้นหนานกงเสวียนจีพูดคุยกับอู๋ไท่เหอและคนอื่น ๆ เล็กน้อย และทะยานขึ้นฟ้า แล้วยืนเผชิญหน้ากับนักพรตเสวียนจีอีกครั้ง
“เจ้าหนุ่ม ก่อนหน้านี้ข้าประเมินความแตกฉานในวิถีหมากของเจ้าสูงเกินไปจริง ๆ ดังนั้นข้าต้องยอมรับว่าเอาชนะเจ้าได้อย่างมิเป็นธรรมเท่าไรนัก”
จากนั้นนักพรตเสวียนจีก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยกับหนานกงเสวียนจีเสียงเรียบว่า “ดังนั้นเพื่อความเท่าเทียม การประลองในรอบที่สาม ข้าจะใช้วิธีการเดินหมากของหยางถงฟู่ก่อนหน้านี้ มาประลองกับเจ้าก็แล้วกัน”
ได้ยินดังนั้น
“ท่านต้องการเช่นนั้นจริง ๆ หรือ ? ”
หนานกงเสวียนจีเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง “หากเป็นเช่นนี้จริง ท่านอาจจะพ่ายแพ้ได้นะขอรับ ! ”
Comments